กองกำลังความมั่นคงฝรั่งเศสออกไล่ล่ามือปืนสองพี่น้องที่สังหารหมู่ 12 ศพในเหตุการณ์กราดยิงกองบก.นิตยสารแนวเสียดสี “ชาร์ลี เอ็บโด” กลางกรุงปารีส ขณะที่ประชาชนทั่วโลก และกว่า 100,000 คนเฉพาะในแดนน้ำหอม พร้อมใจเดินขบวนแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวสนับสนุนเสรีภาพสื่อและนิตยสารฉบับนี้
แต่ขณะที่ชาวฝรั่งเศสยังไม่หายตื่นตกใจกับการสังหารหมู่ในสำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์ ชาร์ลี เอ็บโด เมื่อวันพุธ (7 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงที่สุดในเมืองน้ำหอมในรอบครึ่งศตวรรษ ได้เกิดเหตุโจมตีย่อยๆ ขึ้นหลายจุดในวันพฤหัสบดี (8) ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวกับกับการกราดยิงโหดในวันพุธหรือไม่
เริ่มจากเหตุการณ์ที่มือปืนคนหนึ่งยิงตำรวจหญิงคนหนึ่งเสียชีวิต และลูกจ้างรัฐอีกคนได้รับบาดเจ็บทางใต้ของปารีส และเหตุระเบิดที่ร้านเคบับ (อาหารแป้งห่อเนื้อและผัก ซึ่งเป็นที่นิยมกันในตุรกีและตะวันออกกลาง) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
นอกจากนี้ สถานที่ประกอบพิธีของศาสนาอิสลาม 2 แห่งยังถูกลอบวางเพลิง
หลังจากเกิดเหตุร้ายแรงในวันพุธ ฝรั่งเศสได้สั่งยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับสูงสุด พร้อมส่งกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นตามศูนย์กลางการขนส่ง สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา สำนักงานสื่อ และห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุโจมตีรุนแรงในปารีสคือ ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ที่กลุ่มอิสลามติดอาวุธแอลจีเรีย (จีไอเอ) ก่อการโจมตีหลายระลอก ซึ่งรวมถึงการระเบิดรถไฟในปี 1995 ที่มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 150 คน
ระหว่างการประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศไว้อาลัยในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประณามเหตุนองเลือดครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและไม่ต้องสงสัยว่า เป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
ออลลองด์ยังสั่งลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน พร้อมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน
“ไม่มีสิ่งใดแบ่งแยกเราได้ เสรีภาพเข้มแข็งกว่าความป่าเถื่อนเสมอ” ผู้นำแดนน้ำหอมเรียกร้องให้ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยตัวเขาเองทำตัวเป็นแบบอย่างด้วยการเชิญนิโคลาส์ ซาร์โกซี อดีตประธานาธิบดีและผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ร่วมหารือในทำเนียบประธานาธิบดี
กระนั้น แม้ผ่านไป 24 ชั่วโมงหลังการสังหารหมู่กลางวันแสกๆ มือปืนชุดดำที่ตะโกน “อัลเลาะห์ อัคบาร์” (อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด) ระหว่างกราดยิงกองบรรณาธิการซึ่งประกอบด้วยนักเขียนการ์ตูนและนักข่าวที่ได้ชื่อว่า ฝีปากกล้าที่สุดของฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งตำรวจอีก 2 นายนั้น ยังคงหลบหายเข้ากลีบเมฆ
ตำรวจฝรั่งเศสได้ระบุตัวและออกหมายจับมือปืนคู่นี้คือ เชรีฟ กูอาชี นักรบอิสลามวัย 32 ปี ที่เคยถูกจำคุก 18 เดือนในปี 2008 โทษฐานมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบส่งนักรบไปยังอิรัก และซาอิด พี่ชายวัย 34 ปีของเขา โดยทั้งคู่เกิดในปารีส
ทางการฝรั่งเศสเตือนว่า ชายทั้งคู่ “มีอาวุธและเป็นบุคคลอันตราย”
แบร์นาร์ กาเซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงว่า ได้จับกุมชาย-หญิง 7 คนที่เชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับมือปืนสองพี่น้อง
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ แถลงว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คนถูกจับตาและติดตามโดยหน่วยข่าวกรองก่อนก่อเหตุเมื่อวันพุธ
ปฏิบัติการไล่ล่าดำเนินการอย่างต่อเนื่องนับจากเกิดเหตุ ในเมืองสตาร์สบูร์กและเมืองเล็กๆ ใกล้ปารีส รวมทั้งมีรายงานว่า หน่วยคอมมานโดพร้อมเจ้าหน้าที่นิติเวชบุกเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งในเมืองรีมส์ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
ฮามิด มูรัด วัย 18 ปี ผู้ต้องสงสัยมีส่วนรู้เห็นในการโจมตี เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อคืนวันพุธ หลังเห็นชื่อตัวเองปรากฏในสื่อออนไลน์ สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของเพื่อนหลายคนที่ระบุว่า มูรัดอยู่ในห้องเรียนระหว่างเกิดเหตุสังหารหมู่
ก่อนเกิดเหตุครั้งนี้ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป ได้เตรียมพร้อมระวังภัยในระดับสูงเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่กังวลว่า พลเมืองของตนที่ไปร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอา) ในตะวันออกกลางจะกลับมาก่อการร้ายในบ้าน
ผู้เห็นเหตุการณ์การบุกสำนักงานชาร์ลี เอ็บโด ช่วงก่อนเที่ยงวันพุธ ระหว่างที่มีการประชุมกองบรรณาธิการ และสังหารนักเขียนการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดกลุ่มหนึ่งของฝรั่งเศสอย่างเลือดเย็น เล่าว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนฉากในภาพยนตร์
ภายหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญคราวนี้ ปรากฏว่ามีประชาชนกว่า 100,000 คนทั่วฝรั่งเศสพร้อมใจออกไปชุมนุมบนถนน บางคนถือป้ายเขียนข้อความว่า “ฉันคือชาร์ลี” เพื่อแสดงการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก
ชาร์ลี เอ็บโดเป็นนิตยสารแนวเสียดสีที่เยาะเย้ยถากถางทั้งผู้นำการเมืองและศาสนาต่างๆ ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้ชาวมุสลิมจำนวนมาก
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประณามเหตุการณ์สังหารหมู่ในปารีสว่า เป็นการโจมตีของคนขี้ขลาดและชั่วร้าย ด้านสันตะปาปาฟรานซิสทรงระบุว่า ไม่ว่าจะมีเหตุจูงใจใดๆ การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์
ขณะเดียวกัน นักเขียนการ์ตูนมากมายได้เขียนการ์ตูนเสียดสีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชาร์ลี เอ็บโดเป็นการโจมตีรากฐานของประชาธิปไตย
เช่นเดียวกัน สื่อฝรั่งเศสต่างเดือดดาลกับเหตุการณ์สังหารหมู่เพื่อนร่วมอาชีพ หลายฉบับพร้อมใจพาดหัวหน้าหนึ่งว่า "เราคือชาร์ลี” รวมทั้งตีพิมพ์การ์ตูนชิ้นสุดท้ายของหนึ่งในนักเขียนที่ถูกสังหาร
ชาร์ลี เอ็บโดโด่งดังชั่วข้ามคืนในเดือนกุมภาพันธ์ 2006 หลังจากนำการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของหนังสือพิมพ์เดนมาร์กฉบับหนึ่งมาตีพิมพ์ใหม่
ห้าปีต่อมา สำนักงานของนิตยสารฉบับนี้ถูกโจมตีด้วยระเบิดเพลิง หลังจากเผยแพร่การ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมหมัดโดยใช้ชื่อว่า “ชารีห์อะ เอ็บโด”
แม้ต้องขึ้นศาลภายใต้กฎหมายต่อต้านการเหยียดผิว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดยืนของชาร์ลี เอ็บโดได้ โดยในปี 2012 นิตยสารฉบับนี้สร้างความเดือดดาลให้ชาวมุสลิมอย่างมากจากการตีพิมพ์การ์ตูนศาสดามูฮัมหมัดไม่นุ่งผ้า
ระหว่างการโจมตีเมื่อวันพุธ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มือปืนตะโกนว่า "เราฆ่าชาร์ลี เอ็บโด เพื่อแก้แค้นให้ศาสดามูฮัมหมัดแล้ว"
ทั้งนี้ สเตฟาน ชาร์บอนนิเญร์ บรรณาธิการที่อยู่ภายใต้การอารักขาของตำรวจเนื่องจากถูกขู่ฆ่ามาหลายครั้ง เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้
แต่ขณะที่ชาวฝรั่งเศสยังไม่หายตื่นตกใจกับการสังหารหมู่ในสำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์ ชาร์ลี เอ็บโด เมื่อวันพุธ (7 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงที่สุดในเมืองน้ำหอมในรอบครึ่งศตวรรษ ได้เกิดเหตุโจมตีย่อยๆ ขึ้นหลายจุดในวันพฤหัสบดี (8) ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวกับกับการกราดยิงโหดในวันพุธหรือไม่
เริ่มจากเหตุการณ์ที่มือปืนคนหนึ่งยิงตำรวจหญิงคนหนึ่งเสียชีวิต และลูกจ้างรัฐอีกคนได้รับบาดเจ็บทางใต้ของปารีส และเหตุระเบิดที่ร้านเคบับ (อาหารแป้งห่อเนื้อและผัก ซึ่งเป็นที่นิยมกันในตุรกีและตะวันออกกลาง) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
นอกจากนี้ สถานที่ประกอบพิธีของศาสนาอิสลาม 2 แห่งยังถูกลอบวางเพลิง
หลังจากเกิดเหตุร้ายแรงในวันพุธ ฝรั่งเศสได้สั่งยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับสูงสุด พร้อมส่งกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นตามศูนย์กลางการขนส่ง สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา สำนักงานสื่อ และห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุโจมตีรุนแรงในปารีสคือ ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ที่กลุ่มอิสลามติดอาวุธแอลจีเรีย (จีไอเอ) ก่อการโจมตีหลายระลอก ซึ่งรวมถึงการระเบิดรถไฟในปี 1995 ที่มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 150 คน
ระหว่างการประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศไว้อาลัยในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประณามเหตุนองเลือดครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและไม่ต้องสงสัยว่า เป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
ออลลองด์ยังสั่งลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน พร้อมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน
“ไม่มีสิ่งใดแบ่งแยกเราได้ เสรีภาพเข้มแข็งกว่าความป่าเถื่อนเสมอ” ผู้นำแดนน้ำหอมเรียกร้องให้ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยตัวเขาเองทำตัวเป็นแบบอย่างด้วยการเชิญนิโคลาส์ ซาร์โกซี อดีตประธานาธิบดีและผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ร่วมหารือในทำเนียบประธานาธิบดี
กระนั้น แม้ผ่านไป 24 ชั่วโมงหลังการสังหารหมู่กลางวันแสกๆ มือปืนชุดดำที่ตะโกน “อัลเลาะห์ อัคบาร์” (อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด) ระหว่างกราดยิงกองบรรณาธิการซึ่งประกอบด้วยนักเขียนการ์ตูนและนักข่าวที่ได้ชื่อว่า ฝีปากกล้าที่สุดของฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งตำรวจอีก 2 นายนั้น ยังคงหลบหายเข้ากลีบเมฆ
ตำรวจฝรั่งเศสได้ระบุตัวและออกหมายจับมือปืนคู่นี้คือ เชรีฟ กูอาชี นักรบอิสลามวัย 32 ปี ที่เคยถูกจำคุก 18 เดือนในปี 2008 โทษฐานมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบส่งนักรบไปยังอิรัก และซาอิด พี่ชายวัย 34 ปีของเขา โดยทั้งคู่เกิดในปารีส
ทางการฝรั่งเศสเตือนว่า ชายทั้งคู่ “มีอาวุธและเป็นบุคคลอันตราย”
แบร์นาร์ กาเซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงว่า ได้จับกุมชาย-หญิง 7 คนที่เชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับมือปืนสองพี่น้อง
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ แถลงว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คนถูกจับตาและติดตามโดยหน่วยข่าวกรองก่อนก่อเหตุเมื่อวันพุธ
ปฏิบัติการไล่ล่าดำเนินการอย่างต่อเนื่องนับจากเกิดเหตุ ในเมืองสตาร์สบูร์กและเมืองเล็กๆ ใกล้ปารีส รวมทั้งมีรายงานว่า หน่วยคอมมานโดพร้อมเจ้าหน้าที่นิติเวชบุกเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งในเมืองรีมส์ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
ฮามิด มูรัด วัย 18 ปี ผู้ต้องสงสัยมีส่วนรู้เห็นในการโจมตี เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อคืนวันพุธ หลังเห็นชื่อตัวเองปรากฏในสื่อออนไลน์ สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของเพื่อนหลายคนที่ระบุว่า มูรัดอยู่ในห้องเรียนระหว่างเกิดเหตุสังหารหมู่
ก่อนเกิดเหตุครั้งนี้ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป ได้เตรียมพร้อมระวังภัยในระดับสูงเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่กังวลว่า พลเมืองของตนที่ไปร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอา) ในตะวันออกกลางจะกลับมาก่อการร้ายในบ้าน
ผู้เห็นเหตุการณ์การบุกสำนักงานชาร์ลี เอ็บโด ช่วงก่อนเที่ยงวันพุธ ระหว่างที่มีการประชุมกองบรรณาธิการ และสังหารนักเขียนการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดกลุ่มหนึ่งของฝรั่งเศสอย่างเลือดเย็น เล่าว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนฉากในภาพยนตร์
ภายหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญคราวนี้ ปรากฏว่ามีประชาชนกว่า 100,000 คนทั่วฝรั่งเศสพร้อมใจออกไปชุมนุมบนถนน บางคนถือป้ายเขียนข้อความว่า “ฉันคือชาร์ลี” เพื่อแสดงการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก
ชาร์ลี เอ็บโดเป็นนิตยสารแนวเสียดสีที่เยาะเย้ยถากถางทั้งผู้นำการเมืองและศาสนาต่างๆ ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้ชาวมุสลิมจำนวนมาก
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประณามเหตุการณ์สังหารหมู่ในปารีสว่า เป็นการโจมตีของคนขี้ขลาดและชั่วร้าย ด้านสันตะปาปาฟรานซิสทรงระบุว่า ไม่ว่าจะมีเหตุจูงใจใดๆ การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์
ขณะเดียวกัน นักเขียนการ์ตูนมากมายได้เขียนการ์ตูนเสียดสีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชาร์ลี เอ็บโดเป็นการโจมตีรากฐานของประชาธิปไตย
เช่นเดียวกัน สื่อฝรั่งเศสต่างเดือดดาลกับเหตุการณ์สังหารหมู่เพื่อนร่วมอาชีพ หลายฉบับพร้อมใจพาดหัวหน้าหนึ่งว่า "เราคือชาร์ลี” รวมทั้งตีพิมพ์การ์ตูนชิ้นสุดท้ายของหนึ่งในนักเขียนที่ถูกสังหาร
ชาร์ลี เอ็บโดโด่งดังชั่วข้ามคืนในเดือนกุมภาพันธ์ 2006 หลังจากนำการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของหนังสือพิมพ์เดนมาร์กฉบับหนึ่งมาตีพิมพ์ใหม่
ห้าปีต่อมา สำนักงานของนิตยสารฉบับนี้ถูกโจมตีด้วยระเบิดเพลิง หลังจากเผยแพร่การ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมหมัดโดยใช้ชื่อว่า “ชารีห์อะ เอ็บโด”
แม้ต้องขึ้นศาลภายใต้กฎหมายต่อต้านการเหยียดผิว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดยืนของชาร์ลี เอ็บโดได้ โดยในปี 2012 นิตยสารฉบับนี้สร้างความเดือดดาลให้ชาวมุสลิมอย่างมากจากการตีพิมพ์การ์ตูนศาสดามูฮัมหมัดไม่นุ่งผ้า
ระหว่างการโจมตีเมื่อวันพุธ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มือปืนตะโกนว่า "เราฆ่าชาร์ลี เอ็บโด เพื่อแก้แค้นให้ศาสดามูฮัมหมัดแล้ว"
ทั้งนี้ สเตฟาน ชาร์บอนนิเญร์ บรรณาธิการที่อยู่ภายใต้การอารักขาของตำรวจเนื่องจากถูกขู่ฆ่ามาหลายครั้ง เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้