เพี้ยนจนได้ดี เพราะมี "ความจริงจัง" ในความเพี้ยน "นกยูง-ปาวารตี สาครสเถียร" หรือ "นกยูง The Angel" ด้วยความสวยเพี้ยน ขี้เล่น ดูเหมือนไม่มีสาระ แต่สามารถพิสูจน์ให้เห็นโดยจัดสมดุลความเพี้ยนกับความมุ่งมั่นตั้งใจจนสานฝันการเป็น "แอร์โฮสเตส" ได้สำเร็จ ปัจจุบันเป็น "นกยูงติดปีก" อยู่สายการบินนกแอร์ นางฟ้าสู้ชีวิตที่มีดีมากกว่าแค่ความสวย
นกยูงปรากฏตัวด้วยเสื้อแขนกุดสีเหลือง สวมกางเกงรัดรูปเผยให้เห็นเรียวขาที่เล็ก และสวยอย่างที่ "โอปอล์ ปาณิสรา" หนึ่งในคณะกรรมการ The Angel นางฟ้าติดปีก ซีซั่น 1 เคยชมเอาไว้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้พูดคุยกัน แต่ก็ทำให้รู้จักตัวตน และเห็นดวงตาที่สดใส มองเห็นโลกในแง่บวกได้แจ่มชัด รวมไปถึงความน่ารัก และเป็นกันเองที่ชวนหลงใหล สร้างความกระชุ่มกระชวยหัวใจได้มากทีเดียว
ฝันไว้ไกล ต้องไปให้ถึง
"หนูเร้าหรือกับตัวเองตั้งแต่เด็กแล้วว่า ฉันจะบิน (หัวเราะ) ฉันจะเป็นแอร์โฮสเตส ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำนี้หรอกค่ะ แค่เห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง แต่งตัวสวยๆ เดินลากกระเป๋าอยู่ในสนามบิน แล้วทุกคนก็จะมองด้วยความตกตะลึง เหมือนกับหนูที่ต้องหยุดมอง เพราะดูเป็นผู้หญิงมีอะไร ทำไมดูสวย เหมือนมีแสงออกจากหัวจนหนูได้คำตอบจากผู้ใหญ่ว่า อ๋อ แอร์โฮสเตส พนักงานต้อนรับที่คอยบริการบนเครื่องบิน
จากแสงออร่าของแอร์โฮสเตสที่เห็นในวันนั้น เกิดเป็นความตั้งใจให้หนูอยากไปอยู่ในจุดๆ นั้นบ้าง กระทั่งค้นคว้าหาข้อมูลถึงเส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตสเพื่อเดินตามความฝันจนพบว่า อ๋อ อาชีพนี้ ต้องเก่งภาษานะ ต้องทำแบบนั้น แบบนี้นะ" แอร์โฮสเตสสาววัย 26 ปีเล่าย้อนให้ฟังถึงความฝันในการเป็นแอร์โฮสเตส
แม้จะดูมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทว่าเส้นทางตามล่าหาฝัน กลับมีมารผจญอย่าง "ความกลัว" เข้ามาทำลายความตั้งใจอยู่ตลอด
"หนูฝันว่าอยากจะบินตั้งแต่เด็ก แต่ไม่กล้าที่จะไปสมัครสักที เพราะคำเดียวคือ กลัว คำว่ากลัวคำเดียวเลยจริงๆ ซึ่งตอนนั้นก็มีงานที่มั่นคงแล้วล่ะ เป็นพนักงานต้อนรับในโฮสเทลแห่งหนึ่ง แต่งตัวสวย ได้ใช้ภาษาด้วย ซึ่งลึกๆ ก็อยากเป็นแอร์โฮสเตสอยู่นะ แต่ไม่กล้า จนวันหนึ่งบอกกับตัวเองว่า ไม่ได้ละ ไม่กล้าก็ไม่ได้ทำตามความฝันสักที ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีรายการ The Angel นางฟ้าติดปีกเข้ามาก็เลยตัดสินใจไป
ตอนที่ไปก็กลัวนะคะ มีแต่คนสวยๆ หนูก็มองดูตัวเองแล้วก็คิดในใจ นี่อะไร กลับบ้านนอนไหมปลวก (หัวเราะ) ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆ ว่า มันมีภาคมารอยู่ในตัวเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ โดยภาคมารจะบอกให้กลับไปเถอะปลวก แกดูตัวเองสิว่าเน่าหนอนแค่ไหน แกอาจจะเหวอออกสื่อก็ได้นะ กลับไปเถอะ ในขณะเดียวกันก็มีภาคนางฟ้า ไปเถอะนกยูง ไม่ลองไม่รู้นะ ไม่กล้าก็ไม่ได้ทำตามฝันสัก
สุดท้ายภาคนางฟ้าในตัวก็ชนะค่ะ (ยิ้ม) ตัดสินใจยื่นใบสมัครจนผ่านเข้ารอบลึกๆ และได้เป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินนกแอร์ในวันนี้ ส่วนตัวภูมิใจในตัวเองที่พิสูจน์ให้กรรมการเห็นว่าความเพี้ยนของเราก็มีความจริงจัง ตั้งใจเหมือนกันนะ" นกยูงบอกถึงเส้นทางความฝันที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ในวันนี้เพราะ "ความกล้า" ที่จะตามล่าหาฝันโดยไม่ย้อท้อต่ออุปสรรค และพร้อมที่จะเรียนรู้ รับสิ่งใหม่ๆ ในการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
เป็นนางฟ้า สไตล์ "นกยูง"
อย่างไรก็ดี แม้จะได้เป็น "นกยูง" ติดปีกสมความตั้งใจ แต่การเป็น "แอร์โฮสเตส" ไม่ใช่แค่เดินลากกระเป๋าสวยๆ ต้องรู้จักรับมือ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีด้วย
"มีอยู่ไฟล์ทหนึ่ง เป็นไฟล์ทเช้าของนกแอร์ ผู้โดยสารต้องมาเช็กอินกันตั้งแต่ตี 3 พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารก็ขึ้นกันตามปกติ แต่ระหว่างที่เครื่องจะขึ้น หนูก็เห็นผู้โดยสารคนหนึ่งชูมือขึ้นมาเหมือนต้องการความช่วยเหลือ นกยูงก็บอกพี่หัวหน้าลูกเรือว่า สองแถวแรกดูผิดปกตินะคะ พี่ก็ให้เราเดินไปดู ปรากฏว่าเห็นผู้โดยสารหน้าเขียว เอามือจับหน้าอกแล้วบอกว่า หายใจไม่ออก โชคดีที่ผู้โดยสารยังได้สติ สามารถบอกได้ว่าเป็นโรคความดันกับโรคหัวใจ แต่ยาดันโหลดไว้ใต้เครื่อง
ส่วนญาติๆ ที่มาด้วยก็อยู่ในภาวะตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก นกยูงก็แจ้งเพื่อนให้มาช่วยกันปฐมพยาบาล พี่หัวหน้าลูกเรือก็โทร.ไปแจ้งกัปตันว่าอย่าเพิ่งเอาเครื่องขึ้น เพราะมีผู้โดยสารต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ กัปตันก็วนไปจอดเพื่อเรียกรถพยาบาล วินาทีที่ผู้โดยสารถึงมือหมอ เชื่อไหมคะว่านกยูงโล่งใจมาก รู้สึกภูมิใจลึกๆ ว่า เฮ้ย! วันนี้เราทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว ที่อบรมได้ใช้ก็วันนั้นแหละค่ะ"
นอกจากนาทีชีวิตแล้ว บางไฟท์ยังต้องรู้จักเอาตัวรอดจากผู้โดยสารชายที่ออกตัวแรง คอยตาม "จีบ" ขณะทำงานอยู่บนเครื่องด้วย
"มีผู้โดยสารชายท่านหนึ่งค่ะมาขอเบอร์ในขณะที่เรากำลังทำงาน ซึ่งในบทเรียนก็ไม่ได้บอกว่าควรจะเอาตัวรอดอย่างไรให้สุภาพ (ยิ้ม) ตอนนั้นเขาก็เรียกนกยูงบ่อยมาก ทำทีว่าจะถามโน่น สั่งนี่ จากนั้นก็ให้เขียนเบอร์มือถือของเรา ซึ่งนกยูงก็บอกไปว่า ไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ทำงานอยู่ ถ้าต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมค่อยเรียกนะคะ ตอนนี้ขอตัวไปดูแลผู้โดยสารท่านอื่นๆ ก่อนนะคะ พอตอนจะออกจากเครื่องก็มาขออีก เบอร์ล่ะครับๆ หนูก็เนียนๆ ไปค่ะ อะไรนะคะ ขอบคุณมากค่ะ จนผู้โดยสารด้านหลังดันมาเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็ต้องเดินออกไป"
"ปลวก" ฉายานี้ได้แต่ใดมา
"เป็นฉายาที่เพื่อนๆ สมัยเรียนมักจะเรียกกันค่ะ" เธอบอก ก่อนจะขยายความต่อไปว่า "เพราะหน้าหนูจะปลวกมากเวลาไม่ได้แต่งหน้า (หัวเราะ) ส่วนตัวเป็นคนแต่งหน้าขึ้นค่ะ (ยิ้ม) แต่เวลาหน้าโล้นๆ โอ้โห! ปลวกชัดๆ (หัวเราะ) พูดง่ายๆ คือ หน้าโล่งๆ คิ้วบางๆ หนูเห็นตัวเองในกระจกแล้วยังกลัวเลยค่ะ" พูดจบก็หัวเราะยาว
นกยูงเรียกสติกลับคืนมา แล้วเล่าให้ฟังต่อว่า "นั่นแหละค่ะ ที่มาของฉายาปลวก เวลาเพื่อนเห็นหนูก็จะพูดกันว่า ปลวกมาละๆ ซึ่งหนูก็มักจะพูดแบบมั่นหน้ากลับไปว่า จริงๆ ฉันสวยมากใช่ป่ะ พวกเธอก็เลยไม่รู้จะตั้งฉายาให้ฉันว่าอะไร ก็เลยเรียกฉันว่าปลวก (หัวเราะ)"
เมื่อถามถึงวีรกรรมความปลวก เธอนิ่งคิด ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาคนเดียวแล้วเล่าว่า "อย่างตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะมีสแตนด์เชียร์ที่เด็กปี 1 ต้องเข้าร่วม ซึ่งหนูมักจะชอบหนีอยู่บ่อยๆ แต่รุ่นพี่ก็จะตามให้ไปเข้า เพราะถ้าไม่เข้าเดี๋ยวเรียนไม่จบ หนูก็ต้องเข้าไป แต่ไม่ยอมไปนั่งปรบมือนะ จะวิ่งเต้นไปทั่ว ตอนนั้นมีเพื่อนเป็นสาวประเภทสองเยอะค่ะ หนูก็จะรวมตัวกันเต้น อะไรที่ทำให้คนอื่นหัวเราะ หนูกับเพื่อนทำได้หมดค่ะ (หัวเราะ)"
ดังนั้น เธอจึงให้นิยามความเป็นตัวเองว่า "เพี้ยน" แต่ในความเพี้ยน เธอบอกว่า ต้องดูสถานการณ์ความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่ตลกโดยไม่รู้จักกาลเทศะ
"หนูจะมี 2 มุมค่ะ มุมหนึ่งเพี้ยนๆ บ้าๆ ไม่ค่อยเต็ม อีกมุมคือชอบอยู่กับตัวเอง ชอบคิดทบทวนเรื่องราวในแต่ละวัน พรุ่งนี้จะอะไรต่อดี แต่มุมเพี้ยนๆ จะเยอะกว่าค่ะ (หัวเราะ) อย่างตอนขายของที่ระลึกบนเครื่องบิน นกยูงกับเพื่อนที่เป็นสาวอีสานก็จะบอกผู้โดยสารว่า วันนี้เราจะมีโชว์มานำเสนอนะคะ แล้วนกยูงกับเพื่อนก็ร้องเพลงหมอลำให้ฟัง ผู้โดยสารก็หัวเราะ ผ่อนคลายกันไปค่ะ" พูดจบก็ร้องเพลงแตงโมจินตหราขึ้นมาจนผู้สนทนาตรงหน้าอดขำไม่ได้ "หนูก็เพี้ยน ฮาๆ แบบนี้แหละค่ะ" แอร์โฮสเตสสาวเอ่ยขึ้น
"นกยูง" ตัวเล็ก หัวใจ Strong!
เห็นสวยๆ เป็นนางฟ้าโบยบินในวันนี้ ชีวิตไม่ได้โรยรายด้วยกลีบกุหลาบ เพราะ "ชีวิตต้องสู้" ดังวลีที่ท่องขึ้นใจมาตลอดว่า "ขยันให้เหงื่อออกรูขุมขน ดีกว่าขี้เกียจแล้วยากจน จนน้ำล้นออกทางตา"
"พ่อแม่นกยูงแยกทางกันตั้งแต่เด็กค่ะ พ่อจะส่งเงินมาให้แม่ใช้ แม่นกยูงเป็นแม่บ้านค่ะ มีพี่ชาย 1 คน ช่วงฟองสบู่แตกเป็นช่วงที่สาหัสมากๆ ค่ะ แย่ขนาดที่ว่าไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม ตอนนั้นแม่เครียดมาก เพราะกังวลว่าลูกสาวจะต้องออกจากโรงเรียนไหม ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเขาแก้ปัญหากันอย่างไร สุดท้ายหนูก็ได้เรียนมาเรื่อยๆ ใจตอนนั้นก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระ จึงออกไปทำงานพิเศษในห้าง เช่น เป็นพนักงานร้านสเวนเซ่นส์ ทำแมคโดนัลด์ เพราะแม่นกยูงจะสอนว่า ท้ายที่สุดแล้วยังไงเราก็ต้องพึ่งตัวเองนะ
นอกจากนั้นก็มีโมเดลลิ่งเข้ามา จนได้โอกาสไปถ่ายโฆษณาบ้าง ต่อยอดมาจนถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัยตอนนั้นตั้งใจว่าจะรบกวนพ่อแม่ให้น้อยที่สุด ระหว่างนั้นก็มีไปเชคชาหารายได้พิเศษที่ร้านชานมไข่มุกของพี่ตุ๊กตา อินทิราด้วยค่ะ จนวันหนึ่งเดินเข้าไปบอกพี่เจ้าของร้านว่า หนูสามารถทำได้มากกว่าการเชคชา ซึ่งพี่เขาถามว่า แล้วอยากทำอะไร นกยูงก็บอกไปว่า หนูชอบสังเกตพฤติกรรมลูกค้าจนพี่เขาให้นกยูงทำการตลาดของร้าน
หน้าที่หลักๆ ในตอนนั้นก็คือ คิดโปรโมชัน รวมไปถึงแผนการตลาดของปีนั้นทั้งปี ส่วนตัวรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ แถมได้ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวด้วย มีเงินเรียน มีเงินซื้อของที่อยากได้ เพราะชีวิตเราไม่ได้เกิดมาสบาย ถ้าไม่ทำงาน ไม่ขยัน เราจะเอาอะไรกิน"
แม่นกยูง-ลูกนกยูง
ด้วยความรู้ซึ้งในคุณค่าของเงินที่ต้องแลกมากับความเหน็ดเหนื่อย "สินค้าแบรนด์เนม" จึงไม่ได้อยู่ในความต้องการของเธอเลย แม้วันนี้จะมีอาชีพที่ทำเงินได้ดีแล้วก็ตาม เธอบอกว่า "ทุกวันนี้ใช้ชีวิตธรรมดา ไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ ใช้ได้ทุกราคาไม่แบรนด์เนมก็ใช้ได้ค่ะ (ยิ้มหวาน) คือความสุขของคนเรามันต่างกันค่ะ บางคนมีความสุขที่จะใช้ของแพงๆ แต่สำหรับนกยูงแล้ว หนูชอบเอาเงินไปต่อยอดทำธุรกิจมากกว่า อย่างตอนนี้ก็เริ่มๆ ทำแล้วค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้เสริมจากงานประจำ"
"พี่ชาย" My Hero
เมื่อถามว่าใครคือต้นแบบที่มีอิทธิพลในชีวิต นกยูงตอบขึ้นมาทันทีว่า "พี่ชายค่ะ" ก่อนจะขยายความให้ฟังถึงความพิเศษในตัวพี่ชายที่แสนดีว่า "พี่ชายของนกยูงอายุห่างกันแค่ปีเดียวค่ะ เราจะสนิทกันมาก พี่ชายจะเป็นคนที่มีความคิดโตมาก (ลากเสียงยาว)
จำได้ว่าตอนนั้นนกยูงอยู่ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 พี่ชายก็ถามนกยูงว่าจะเรียนอะไรต่อ นกยูงตอบว่า ไม่รู้ อาจจะเรียนตามเพื่อน พี่ชายสวนกลับทันทีว่า ไม่ได้นะนกยูง ชีวิตมันต้องตั้งเป้าหมาย หรือผลลัพธ์ก่อน เราถึงจะรู้ทางเดินเพื่อไปถึงเป้าหมาย เป็นประโยคที่นกยูงจำมาจนถึงทุกวันนี้เลยนะ
สำหรับพี่ชายคนนี้ ยังเป็นไอดอลนกยูงอีกหลายๆ เรื่องทั้งความขยัน เริ่มจากขายของหารายได้ตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา พอขึ้นมหาวิทยาลัยปีหนึ่งก็ทำงานหาเงินเรียนเอง ไม่เคยรบกวนพ่อแม่อีกเลย จนทุกวันนี้เขากำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่นิด้า พอเห็นแบบนี้นกยูงก็เดินตามรอยพี่ชาย โดยเฉพาะความขยัน ที่แม้จะเรียนไปด้วย แต่ก็ยอมเหนื่อย ทำงานหาเงินเรียนเองเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้าน
ส่วนเรื่องวิธีคิด วิธีการมองโลกในแง่บวกก็ได้มาจากพี่ชายคนนี้เช่นกันค่ะ ยกตัวอย่างตอนที่บ้านไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมให้เรา ผอ.ก็เรียกนกยูงไปคุยว่าจะจ่ายเมื่อไร นกยูงก็ตอบไม่ได้จนเกือบจะไม่ได้สอบ พี่ชายก็เลยแนะนำว่า ให้ลองไปคุยกับทางโรงเรียนว่าผ่อนผันได้นานเท่าไร นกยูกก็เลยเข้าไปคุย
ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่า แอบน้อยใจเหมือนกันว่าทำไมทางบ้านไม่มาคุยให้เรา แต่พี่ชายก็พยายามสอนว่า เราต้องพึ่งตัวเองก่อน ถ้าไม่ได้จริง ค่อยให้ผู้ใหญ่เข้าไปคุย สุดท้ายก็ผ่านไปได้แบบทุลักทุเลมากๆ ค่ะ แต่ก็สอนให้นกยูงเข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้"
แค่ "รัก" ไม่พอ
ปิดท้ายไม่ถามไม่ได้ถึงหัวใจในตอนนี้ นกยูงบอกว่า "โสดค่ะ (ยิ้มเขินๆ)" ส่วนสเปกผู้ชาย ชอบคนคิดบวก เพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข
"เคยได้ยินไหมค่ะว่า ถ้าเราอยู่ใกล้ใครเราจะเป็นอย่างนั้น เช่นกันค่ะ ถ้าเราอยู่ใกล้ผู้ชายที่คิดบวกเราก็จะบวกตามไปด้วย แต่ถ้าอยู่กับคนคิดลบ มองโลกในแง่ลบอยู่ตลอดเวลา เราก็อาจจะกลายเป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน ดังนั้นถ้ามีเข้ามาจริงๆ ขอผู้ชายคิดบวกค่ะ ไม่ต้องถึงกับโลกสวยมาก แค่เวลาเจอปัญหาขอให้หันด้านดีเข้ารับก็พอ เพราะถ้าหันด้านลบเข้ารับ นกยูงมองว่ามันมีแต่จะแย่กับแย่ พาให้เครียดกันไปใหญ่" แอร์โฮสเตสสาวบอก
อย่างไรก็ดี เธอยอมรับว่า เคยล้มเหลวในเรื่องความรักมาก่อน เพราะต่างคนต่างไม่ปรับเข้าหากัน ดังนั้นจึงอยากจะฝากไว้เป็นบทเรียนว่า "แค่รักไม่พอ" แต่การที่คนสองคนรักกัน และอยู่ด้วยกันนั้นต้องการสองสิ่งสำคัญก็คือ การพยายามทำความเข้าใจ ยอมรับ และการปรับตัว
สุดท้ายนี้ แม้สายการบินที่ทำงานอยู่จะมีกระแสข่าวในแง่ลบจากปัญหาระหว่างนักบินกับนายจ้าง แต่สำหรับเธอแล้ว หน้าที่ของตัวเองสำคัญที่สุด
"นกยูงมองว่าเป็นปัญหาที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราค่ะ เราทำอะไรไม่ได้นอกจากทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด หลายคนมองว่าเป็นวิกฤต แต่ส่วนตัวมองว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เรารักกันมากขึ้น สังเกตได้จากแฮชแท็ก #ทีมนกแอร์ ทุกคนจะให้กำลังใจว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน แม้เพื่อนนกยูงจะเจอคนเข้ามาต่อว่า เราก็ทำได้แต่เพียงขอโทษ เพราะส่วนตัวเข้าใจค่ะว่าผู้โดยสารคงโกรธ สิ่งที่เราทำได้คือน้อมรับและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด" แอร์โฮสเตสสาวทิ้งท้าย
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : พลภัทร วรรณดี และขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @pawaratee
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ปาวารตี สาครสเถียร
ชื่อเล่น : นกยูง
อายุ : 26 ปี
เกิด : 28 ต.ค. 2532
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ เอกการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754