กลายเป็นกระแสความโกรธเกรี้ยวของผู้คนในสังคม รวมถึงโลกโซเชียลฯ กรณี 4 โจ๋เมืองลุง ก่อเหตุฆ่าโหดฝังดิินคู่อริ ก่อนข่มขืนแฟนสาวท้อง 3 เดือน และนำร่างไปโยนทิ้งเหว โชคดีหญิงสาวรอดชีวิต แม้ล่าสุดจะรวบตัวได้ครบ ทว่าความดุเดือดพลุ่งพล่านของคนในสังคมกลับทวีความรุนแรง เพราะสุดจะทน เกินจะให้อภัยกับคดีอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของ "วัยรุ่น" กลุ่มนี้
วุ่ยรุ่นใจเหี้ยม ฆ่าโหด สุดสะเทือนขวัญ
นับเป็นการฆาตกรรมโหดสยองขวัญ คดีแรกของปีลิงเลยก็ว่าได้ สำหรับคดีชู้สาวในกลุ่มวัยรุ่น จ.พัทลุง ที่ไม่พอใจกันเองจนมีการท้าทาย กระทั่งนำไปสู่การก่อเหตุที่รุนแรงจนลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพราะเป็นประเด็น "เยาวชน" ฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหดด้วยการลวงคู่อริและแฟนสาวออกไปฆ่า โดยขุดหลุมฝังคู่อริกลางป่า และรุมข่มขืนแฟนสาวที่กำลังท้อง 3 เดือน ก่อนใช้มีด และหินทุบลำตัว จากนั้นนำร่างไปโยนทิ้งเหวบริเวณเขตรอยต่อ จ.ตรัง แต่โชคดีที่หญิงสาวสามารถรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ครบทั้ง 4 คนแล้ว ประกอบไปด้วยเยาวชนอายุ 17 ปี จำนวน 2 คน และอายุ 19 ปี จำนวน 2 คน โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่ลงมือสังหารโหดในครั้งนี้ส่วนใหญ่เคยมีคดีติดตัวแทบทั้งสิ้น รวมทั้งผู้ตายด้วย เนื่องจากอยู่ในแก๊งเดียวกัน โดยเฉพาะนายดำ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี หัวหน้ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้นเป็นถึงหัวหน้าแก๊ง "ปืนควาย" ที่มีประวัติร้ายกาจพอสมควร
ด้านหญิงสาวที่ถูกทำร้าย ตอนนี้กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยให้การรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ล่าสุดอาการปลอดภัยดี ส่วนศพแฟนหนุ่มทางเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เพื่อให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ต่อไป
เกี่ยวกับคดีดังกล่าว พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ทาง สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง จะเป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ในส่วนตำรวจ สภ.หลังสวนนั้น ทำหน้าที่เพียงรับ และส่งตัวผู้ต้องหาเท่านั้น
จี้ กม.เลิกให้ท้ายเยาวชน
สำหรับคดีนี้ ผู้ก่อเหตุบางคนมีอายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ ตามกฎหมายจึงอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนฯ พ.ร.บ. ศาลเยาวชน และครอบครัวฯ ตามมาตรา 4 "เยาวชน หมายความว่า บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์" และมาตรา 5 "คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด ให้ถืออายุเด็กหรือเยาวชนนั้น"
ส่วนการพิจารณาคดีก็มีวิธีการตามมาตรการต่าง ๆ เช่น ส่งฝึก และอบรมที่สถานพินิจฯ ซึ่งส่วนมากการส่งเข้าสถานพินิจฯ จะเป็นเยาวชนที่กระทำผิด "โดยเจตนาและข้อหาอุกฉกรรจ์" เช่น ฆ่าคนตาย ข่มขืนกระทำชำเรา คดียาเสพติด แต่หากเป็นคดีประเภทอื่น ศาลจะดูในรายงานสถานพินิจฯ ถึงพฤติการณ์การกระทำของจำเลย การเยียวยาความเสียหาย สภาวะแวดล้อมความเป็นอยู่ของเด็กว่าหากปล่อยไปผู้ปกครองจะสามารถดูแลได้หรือไม่ จะสามารถกลับตนเป็นคนดีได้หรือไม่ เป็นต้น
ด้านปฏิกิริยาของผู้คนในโลกโซเชียลฯ ระอุไปด้วยความโกรธแค้นแทนเหยื่อ ซึ่งนอกจากการฆาตกรรมสุดโหดแล้ว ยังรับไม่ได้กับภาพการให้ปากคำที่สีหน้ายังดูระรื่น เหมือนไม่รู้สึกผิดบาปแต่อย่างใด จุดกระแสความโกรธเกรี้ยวจนมีการออกมาซัดให้ประหารชีวิตสถานเดียว
เช่นเดียวกับคนบันเทิงในนามองค์กรคนทำดี "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ก็ออกมาเป็นคนแรกๆ ในการเรียกร้องให้มีบทลงโทษที่รุนแรงแม้คนที่ก่อเหตุจะถูกเรียกว่า "เยาวชน" ก็ตาม นอกจากนี้ยังออกมาโพสต์ภาพคนร้ายที่ยิ้มด้วยสีหน้าระรื่น พร้อมทั้งเขียนข้อความระบุว่า "นี่คือสีหน้าของคนที่เพิ่งฆ่าคน ข่มขืนคนท้อง ลงมือกระทำอย่างโหดเหี้ยม??? ไว้ชีวิต...เพื่ออะไร ในเมื่อมันดูไม่สำนึกอะไรเลย??"
ด้านแฟนคลับเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น "เฮ้อ!! เบื่อกฎหมายเมืองไทยมากค่ะ โจร ผู้ร้ายถึงได้มีเพิ่มขึ้นเต็มบ้านเกลื่อนเมือง ลดหย่อน!!! โทษ เหลือติดจริงๆไม่กี่ปี มันเลยยิ้มเยาะไม่สำนึก มันคงคิดว่ากูติดไม่กี่ปี่ เดี๋ยวก็ออกมาทำชั่วได้อีกค่ะ"
"เห็นด้วยค่ะประหารสถานะเดียวค่ะ เมืองไทยเราเป็นประเทศที่น่าอยู่ถึงไปที่ไหนไม่สุขใจเท่าอยู่ประเทศไทย มีอย่างเดียวค่ะกฎหมายเราอ่อนมากค่ะ"
"อย่าให้โอกาสมันใช้คำว่า..เยาวชน การกระทำมันแค่เกิดมาเป็นคนยังรกโลก คนดีๆ ก็ตายง่ายจัง..คนเลวๆ พวกนี้กลับได้โอกาสอยู่เพื่อสร้างทุกข์ให้คนอื่น #อยากรู้ถูกเลี้ยงดูมายังไง? แต่พอดูข่าวเห็นจะช่วยกันไปจัดการน้องผญ. เข้าใจเลวมาตั้งแต่คนเลี้ยงดู ลูกหลานตัวเองทำไม่ดียังปกป้องส่งเสริม ชาติไหนคนพวกนี้จะสำนึกดีได้"
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคนบันเทิงคนอื่นๆ ตลอดจนคนในโลกโซเชียลฯ ต่างก็พากันโพสต์ถึงผู้ต้องหาในคดีนี้ว่าสมควรที่จะต้องได้รับการลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นระดับประหารชีวิต
ล่าสุด ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อฉบับหนึ่งถึงกรณีดังกล่าวว่า มีพฤติการณ์แก่เกินวัยใจอาชญากรสามารถโอนคดีจากศาลเยาวชนและครอบครัวไปพิจารณาคดีธรรมดาได้ ด้านอธิบดีกรมพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน เผยว่า หากได้รับตัวจะให้นักจิตวิทยาประเมินผลสภาพจิตเพื่อนำเสนอผลการประเมินสภาพจิตต่อศาลเพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องอยู่ในการดูแลแบบผู้ใหญ่ หรือเด็ก
มองกฎหมายนอกย้อนดูไทย
แม้เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ คือการให้ความคุ้มครองสิทธิสวัสดิภาพ และวิธีปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในครอบครัว รวมทั้งในส่วนของกระบวนการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ตามมาตรา 119 เป็นสำคัญ
"ในการพิจารณา และพิพากษาคดีที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด ให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวคำนึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กหรือเยาวชน ซึ่งควรจะได้รับการฝึกอบรม สั่งสอน และสงเคราะห์ให้กลับตัวเป็นพลเมืองดียิ่งกว่าการที่จะลงโทษ และในการพิพากษาคดีนั้นให้ศาลคำนึงถึงบุคลิกลักษณะ สภาพร่างกายและสภาพจิตของเด็กหรือ เยาวชนซึ่งแตกต่างกันเป็นคน ๆ ไป และลงโทษหรือเปลี่ยนโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็ก และเยาวชนให้เหมาะสมกับตัวเด็กหรือเยาวชน และพฤติการณ์เฉพาะเรื่อง"
ปัญหาการจับและการสอบสวนคดีเด็กและเยาวชนนั้น ควรพิจารณาถึงข้อหาที่เด็กได้กระทำ ความผิดด้วย เช่นเดียวกับกฎหมายของสหรัฐอเมร...
Posted by Drama-addict on Monday, February 1, 2016
หากลองเปิดดูการศึกษาวิจัยของ "ปณิธาน คราประยูร" เรื่องปัญหา และอุปสรรคทางกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ซึ่งมีข้อเสนอแนะที่ชักชวนให้ขบคิด และพิจารณา โดยเฉพาะประเด็นปัญหาการจับ และการสอบสวนคดีเด็กและเยาวชนที่งานวิจัยชิ้นนี้เสนอว่า ควรพิจารณาถึงข้อหาที่เยาวชนได้กระทำความผิดด้วย เช่นเดียวกับกฎหมายของสหรัฐอเมริกาที่มีการจำแนกประเภทคดีอย่างชัดเจน
กล่าวคือ ถ้าเห็นว่าการกระทำของเด็กและเยาวชนเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ (การกระทำผิดคดีอุกฉกรรจ์ หมายถึง การก่อเหตุอาชญากรรมที่สะเทือนขวัญต่อประชาชนที่กำหนดบทลงโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงกว่าการกระทำความผิดประเภทอื่น ๆ เป็นการกระทำความผิดที่มีการกล่าวถึงจากประชาชนโดยทั่วไป เช่น ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา ปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์เป็นต้น) จะนำเด็กนั้นไปสอบสวนและพิจารณาในศาลผู้ใหญ่ทันทีโดยไม่คำนึงว่าเด็กหรือเยาวชนผู้นั้นจะต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูแต่อย่างใด
ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษกฎหมายไทยไม่เป็นธรรม หรือมีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ดี เพียงแต่เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดให้มีความเหมาะสม รวมทั้งเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการกำหนดบทลงโทษเพื่อความศักดิ์สิทธิ์และเกิดการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพต่อไป โดยเฉพาะคดีเด็ก และเยาวชนที่นับวันจะยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นไปทุกที
ขอบคุณภาพบางส่วนจากเดลินิวส์ออนไลน์
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754