“ทั้งชีวิต..เราดูแล” อาจเป็นได้แค่ถ้อยคำหวานๆ ในช่วงโปรโมชันเท่านั้น เพราะยิ่งนานวัน คำมั่นสัญญาที่เคยป่าวประกาศเอาไว้เป็นนโยบายหาเสียง จะยิ่งดูหย่อนยานลงไปทุกทีๆ... ภาพความสว่างไสวของลานประดับไฟมูลค่า 39 ล้าน ณ ลานคนเมืองขณะนี้ ช่างขัดแย้งเสียเหลือเกินกับภาพความมืดมิดของป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร ไหนจะป้ายประกาศโครงการในฝัน ก่อสร้าง “ลิฟต์สำหรับคนพิการ” ลงทุนทุ่มงบ 300 ล้าน แต่กลับไม่มีวี่แววจะแล้วเสร็จเสียที... แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ชาวกรุงออกมาก่อดรามา รวมตัวประท้วงผ่านโลกออนไลน์ได้อย่างไรกัน!!?
ดับไฟป้ายรถเมล์ คุ้มไหม? เพื่อ 39 ล้าน!!?
[หลุมดำที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้ จุดกระแสให้ผู้คนเข้ามารวมตัวคอมเมนต์บ่นในอีกหลายๆ จุดใน กทม./ ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก "Banky Dora"]
...ภาพเบื้องหลังฉายให้เห็นถึงความอลังการแห่งแสงสีจากไฟแอลอีดีจำนวน 5 ล้านดวง ทุ่มงบ 39 ล้านบาทเพื่อเนรมิตความสว่างไสว หวังให้สปอตไลต์ระดับโลกฉายมาที่ประเทศไทยในฐานะ “เมืองแห่งการท่องเที่ยว” แต่ภาพเบื้องหน้ากลับชี้ให้เห็นถึงความมืดมิดของชีวิตผู้คนในเมือง ผู้คนสัญจรเข้ามาขออาศัยในชายคาหลุมดำ รอโบกรถโดยสารสาธารณะสักคันท่ามกลางความมืดมิด...
ภาพสะท้อนสังคมใบนี้ ถ่ายโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Banky Dora” ตั้งใจบันทึกความจริงที่เห็นผ่านเลนส์กล้อง เพื่อส่งสารออกให้คนในสังคมได้รู้ว่า แผงไฟตระการตาพร้อมอุโมงค์ไฟสุดอลังการภายในงาน "กรุงเทพฯ แสงสีแห่งความสุข : Bangkok Light of Happiness" ที่จัดขึ้นบริเวณลานคนเมือง หน้าศาลากรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา และยังคงจัดต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 31 ม.ค.ที่จะถึงนี้นั้น การส่องแสงสว่างของมันช่างเสียดสีสังคมเมืองแห่งนี้ขนาดไหน!!
“ผมเป็นคนถ่ายครับ ใช้ไอโฟน6s ถ่าย ไม่มีการปรับแสงอะไรทั้งนั้นครับ ถ่ายตอน 19.10 น. ของวัน 22 ม.ค.59 ปกติป้ายรถเมล์นี้จะมีไฟสว่าง แต่เพราะไฟ 39 ล้านเนี่ยแหละ ที่ทำให้เขาปิดไฟรอบๆ ทั้งหมด ตั้งแต่ไฟ 39 ล้านนี้มา คนรอรถเมล์ก็รอแบบมืดๆ แบบนี้แหละครับ ส่วนภาพที่เขาเอามาลงให้ดูว่าป้ายรถเมล์นี้มันสว่าง อันนั้นมันเฉพาะวันอาทิตย์ที่เขาปิดถนน ทำเป็นถนนคนเดิน แต่อีก 6 วันที่ไม่ใช่ถนนคนเดิน มันก็จะมืดแบบนี้แหละครับ มาดูกันได้
[ความสว่างไสว ที่ส่องไปได้ไม่ทั่วถึง]
สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคือ ถ้าถึงขนาดต้องปิดไฟให้มันมืดขนาดนี้ เพื่อให้มันสวยงามสมกับ 39 ล้านบาท โดยที่คนที่เดินแถวนั้น รอรถเมล์ตรงนั้น ต้องนั่งมืดๆ แบบนี้ จนกว่าไฟ 39 ล้านมันจะปลดออก แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันคุ้มไหม กะอีแค่ไฟป้ายรถเมล์ ไฟทางเดิน มันคงไม่ทำให้ไฟของท่านหม่อม สวยน้อยลงไปหรอกมั้ง
ผมอาศัยอยู่แถวนี้ ที่ผมเพิ่งถ่ายภาพมาลงและต้องมาให้จ่า (จ่าพิชิต ชื่อเรียกของผู้ดูแลแฟนเพจ "Drama-addict") ช่วย กระจาย เพราะอยากแค่ให้เขาเปิดไฟป้ายรถเมล์และไฟทางเท้าบริเวณนั้น เพราะช่วงแรกๆ คนมาดูเยอะมาก รถติดมาก มันก็ยังดูไม่ค่อยอันตราย แต่เนื่องจากมันเริ่มไม่มีคนมาดูแล้ว บางตา เขาถึงต้องปิดถนนทำถนนคนเดินวันอาทิตย์ เพื่ออยากให้คนมาดูเยอะๆ มันจะได้คุ้ม 39 ล้าน จะได้เอาไปพูดได้ว่ามันคุ้ม
แต่ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามของลาน กทม. ที่บางคนเอามาลงมันมีไฟจากร้านค้าต่างๆ มันไม่มืดหรอกครับฝั่งนั้น เพราะมันได้ไฟหน้าบ้านของบริเวณแถวนั้นช่วยไว้ แต่ถ้าเขาปิด รับรอง แทบไม่ต้องเดินกันเลย จะมืดไปไหน ลองมาดูนะครับ มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผมอาศัยอยู่แถวนี้ ผมก็ต้องร้องเรียนหรือทำอะไรให้บริเวณบ้านมันปลอดภัย แต่จะให้ไปร้องเรียนผ่าน กทม. รู้ครับว่าไม่มีประโยชน์
ลองมาดูกันนะครับ มาเห็นด้วยตาตนเอง แล้วที่ในภาพ แสงไฟสีๆ มันดูดร็อปๆ มืดกว่า เพราะมันเป็นด้านหลังครับ เขาจะมีผ้าสีดำกั้นแสงด้านนี้เอาไว้ แต่ที่บางคนเอาภาพถ่ายข้างหน้ามา แล้วบอกผมตั้งใจทำให้ภาพมันดูมืด ก็ขอบอกว่าให้มาดูของจริงก่อนนะครับ อย่าเอาแต่ดูในกูเกิล คุณดูแต่ฉากหน้า คุณดูแต่ข้างใน มันสว่างมันสวย คุณลองดูข้างหลัง ข้างๆ ว่ามันจริงอย่างที่ผมถ่ายมาและพิมพ์มาหรือเปล่า ขอบคุณครับสำหรับทุกความเห็น”
[ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก "Jone Ks Msw"]
เจ้าของภาพสะท้อนสังคม “Banky Dora” เข้ามาแสดงเจตจำนงค์ของตัวเองเอาไว้อย่างชัดเจนอีกหลายครั้ง หลังภาพของเขาถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ในหลากมิติ ส่วนตัวผู้ทำให้ภาพนี้กลายเป็นภาพแชร์สะพัดอย่างแฟนเพจ "Drama-addict" ก็ได้ฝากความคิดเห็นในแบบของเขาเอาไว้เช่นเดียวกัน
“ขอตั้งชื่อภาพนี้ว่า แสงสว่างที่มืดมิด... ใน กทม.นี่น่าห่วงตรงป้ายรอรถสาธารณะ หลายๆ ที่มืดกันฉิบหาย อย่างตรงข้ามมาบุญครอง เดินถัดมาหน่อย ขนาดอยู่ใจกลางเมืองแท้ๆ ยังไม่มีแสงไฟให้ความสว่างตรงป้ายรถโดยสารประจำทางเลย น่าหดหู่นะ...”
ขอจงช่วย “ดูแล” อย่าเอาแต่ “แลดู”!!
“นโยบาย "ทั้งชีวิต...เราดูแล" ให้ความสำคัญทุกวัน นำพาให้ กทม.เป็นมหานครชั้นนำของโลก ดูแลตั้งแต่ในครรภ์สู่สูงวัย อย่างมีคุณภาพทันสมัย”
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เคยทวีตถ้อยคำนี้เอาไว้ผ่าน twitter @Sukhumbhandp ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.56 เพื่อประกาศนโยบาย มาวันนี้ถ้อยคำดังกล่าวกลับกลายมาเป็นคำพูดล้อเลียน กลายเป็นมุกให้ประชาชนหยิบมาเสียดสี พร้อมตั้งคำถามกับการ “ดูแล” ของทาง กทม. ในเวลานี้เสียแล้ว... ไม่ใช่แค่ป้ายรถเมล์หน้าถนนคนเดินซึ่งเป็นประเด็นเดือด แต่รวมไปถึงป้ายอื่นๆ ที่กลายเป็นจุดเสี่ยงด้วย!
"รัชดา 32 ฝั่งตรงข้ามศาลอาญา มืดฉิบหาย สงสารคนมายืนรอรถเมล์บ้าง คนไม่พลุกพล่าน ยืนไปขาสั่นไป จะมีใครมาวิ่งราวป่ะวะ" Kan Kanokkan
"หน้าซอยพหลโยธิน 4 ทางม้าลายใต้ BTS มืดมาก มีไฟสลัวๆ สีส้มอ่อนๆ รถก็ขับเร็วมาก คือเชื่อว่ารถไม่เห็นเราจนกว่าจะขับมาใกล้ๆ เสี่ยงตายจากการข้ามถนนสุดๆ และ 2 ข้างทางก็มืดได้อีก ไม่มีไฟเลย ปล้นง่ายมาก เอา 39 ล้านมาติดไฟทั่วกรุงดีกว่าไหม?" ต่าย กวิ้น คาเมล
“วันก่อนยังพูดกับแฟนอยู่เลยว่า เส้นพระราม 3 น่ากลัวหลายจุดเลย 39 ล้านเอามาแก้ไขจุดนี้ดีกว่าไหม...หม่อม" Fatin Fadel
"ป้ายรถเมล์หน้าเซ็นทรัลชิดลมก็ไม่มีไฟนะครับ" Pornarong Jongsitichokchai
"ใต้รถไฟฟ้าเส้นราชพฤกษ์ก็มืดมาก ไม่รู้เอาเงินไปจ่ายที่ไหนหมด" Suppasit Tangkhonngam
"บริเวณที่ป้ายรถเมล์ ไม่มีไฟเลยจากที่ผมช่วยผู้โดยสาร ได้แก่ ราชประสงค์, ห้วยขวาง, เซ็นทรัลเวิลด์, อารีย์, สนามเป้า, สะพานควาย, ประดิพัทธ์, ถนนทหาร, ปทุมวัน, สนามกีฬาฯ, เจริญผล, รามคำแหง, ลำสาลี, นวมินทร์, บางกะปิ, ศรีนครินทร์, ทั้งเส้นพัฒนาการ, อ่อนนุช, ประเวศ, วัดกระทุ่ม, บางนา-ตราด ช่วงเซ็นทรัลบางนา, ราชดำริ, ประตูน้ำ, มาบุญครอง, จตุจักร, เจเจมอลล์, พาต้าปิ่นเกล้า, จรัญสนิทวงศ์, สุขุมวิททั้งเส้น, เลียบทางด่วนทั้งเส้น, รามอินทรา, คลองเปรม, ธนาคารทหารไทย, เซ็นทรัลเวิลด์, ราชดำริ, ประตูน้ำ, แพลทินัม, รัชดาภิเษก, เอสพลานาด, พระราม2 ฯลฯ กทม.ทำ...ไรอยู่" Somwasin Udomphol
"อะไรที่ควรเเก้ไม่เเก้ อะไรที่ไม่ควรทำก็ดันทำซะเวอร์ #มองบนจนถึงชั้นบรรยากาศเอ็กโซสเฟียร์" เสิร์ช นัทนนท์
"หลังจบงาน รื้อเอาไฟประดับไปติดให้ทั่วกรุง มหานครเราจะได้ฟรุ้งฟริ้ง มีแสงสว่าง (อย่าลืมประมูลงานรื้อถอนกับติดตั้งอีกรอบล่ะ)" PHPLC
"เคยโดนโจรปล้นตรงสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีมาน่ะเมื่ิอปีก่อน โจรไม่ได้อะไรไปเพราะสู้มัน แต่โดนแทงเข้าที่แขน ถึงวันนี้ยังจับโจรไม่ได้ “ทุกชีวิตเราดูแล” ไหมล่ะ" Narongrit Veerakul
[ขอบคุณภาพ: กระทู้ "กทม.เอาเงินไปเปิดไฟ 39 ล้าน จนไม่มีเงินเหลือจ่ายไฟเลี้ยงป้ายรถเมล์แล้วเหรอคะ"]
"กทม.เอาเงินไปเปิดไฟ 39 ล้าน จนไม่มีเงินเหลือจ่ายไฟเลี้ยงป้ายรถเมล์แล้วเหรอคะ" คือชื่อกระทู้พันทิปที่ประชาชนตาดำๆ คนหนึ่งขอร้องเรียนผ่านโลกออนไลน์ คืออีกหนึ่งเสียงสะท้อนความลำบากของประชาชนในวันนี้ เธออธิบายพร้อมแนบภาพถ่ายเอาไว้ เป็นป้ายรถเมล์ที่มืดมิดแต่สว่างขึ้นได้ด้วยแฟลชจากกล้องมือถือ
“นี่ขนาดบนถนนสาทร ป้ายยังมืดเป็นหลุมดำตลอดทั้งเส้นค่ะ เป็นห่วงป้ายในพื้นที่ที่ไม่มีไฟจราจรหรือมืดๆ แบบนี้เลยค่ะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่ปีใหม่ ทำงานวันที่ 30 ธ.ค. ยังเปิดอยู่นะคะ เสียดายไม่ได้ถ่ายไว้ ส่วนซุ้มจักรยานเช่ากลับมีไฟ มีโฆษณาทุกอัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม มืดๆ จะพาลรถเมล์ไม่จอดป้าย เพราะมองไม่เห็นนี่แหละ”
[ภาพล้อเลียนที่ประชาชนชาวเน็ตทำเอาไว้"]
ย้อนกลับไปล้วงที่มาที่ไปของงานแสงสีสุดอลังการกลางกรุงในครั้งนี้ อมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อแล้ว หลังถูกหลายฝ่ายวิจารณ์อย่างหนักว่าใช้งบประมาณในการลงทุนแบบนี้ คุ้มค่าหรือไม่?
“ขอยืนยันว่า เราไม่ได้ใช้งบฉุกเฉินใดๆ ทั้งสิ้น แต่ใช้จากงบกลางที่มีประจำอยู่ทุกปี แล้วเป็นอำนาจของผู้ว่าฯ กทม. ในการอนุมัติ โดยอยู่ใน 4 หลัก คือ 1.เป็นเรื่องเร่งด่วน 2.เป็นเรื่องที่ต้องจ่ายตามอำนาจศาล 3.เป็นเรื่องที่จ่ายตามนโยบายของรัฐบาล และ 4.เป็นเรื่องที่เป็นไปตามนโยบายของ กทม.
โดย 4 ข้อ ทางรัฐสภาได้อนุมัติเป็นเงินงบประมาณจำนวน 300 ล้านบาท ดังนั้น ขอยืนยันว่า งบประมาณส่วนนี้มาจากงบประมาณกลาง ไม่ใช่งบฉุกเฉินที่เข้าใจกัน
งานนี้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่ กทม.ตั้งใจสร้างความสุขให้กับประชาชน และให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวคืนมา จริงๆ แล้วเป็นกิจกรรมที่ตั้งใจจะทำมาตั้งแต่ 3-4 ปีแล้ว แต่มาเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ เสียก่อน ทำให้ไม่สามารถสร้างได้ ตอนนี้ กทม.เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เลยจัดดำเนินการ
อยากให้มองด้วยหัวใจที่เป็นธรรม ไม่ใช้อคติ เพราะถ้ามองด้วยภาพ 2 มิติ ความงดงามจะลดลง 80 เปอร์เซ็นต์ เลยอยากให้ชาวเน็ตมาชื่นชมของจริง ส่วนเรื่องยอดเงินงบประมาณก้อนนี้นั้น เป็นการพิจารณาของผู้ว่าฯ กทม.อย่างดีที่สุดแล้ว ประเทศอื่นๆ ที่จัดงานกัน อย่างสิงคโปร์, ญี่ปุ่น หรือที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ก็ใช้งบเป็นร้อยล้าน งานนี้ถือว่าใช้งบประมาณที่จำกัดมากๆ แล้ว”
อีกหนึ่งโครงการฝันค้าง... ประชาชนยังคอย(แล)ดู
[ป้ายประกาศโครงการบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ]
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายฝ่ายพยายามจะทำความเข้าใจในการใช้งบประมาณ 39 ล้านว่า คงมีเหตุผลบางประการเพื่อ “คืนความสุขให้คนกรุงเทพฯ” แต่ที่ยังไม่เข้าใจและยังไม่มีใครออกมาช่วยแถลงไข ก็คืออีกหนึ่งโครงการในฝันที่ยังคงอยู่ในความฝัน “โครงการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์สำหรับคนพิการ” ตั้งงบไว้สูงถึง 300 กว่าล้าน แต่ยังไม่เห็นว่าจะมีความคืบหน้าใดๆ เลย ที่สำคัญ บางจุดที่ติดป้ายประกาศเอาไว้นั้น ถึงกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาก่อสร้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!
“เรียน ประชาชนทั่วไป... ด้วยกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์สำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้อ่อนแอ จึงจำเป็นต้องปิดกั้นพื้นที่บางส่วนบริเวณทางเท้า โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2557 สิ้นสุดวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้”
[เขตก่อสร้างที่ล้อมไว้ แต่ยังไม่ไปถึงไหน]
ตัวอักษรทั้งหมดในย่อหน้าก่อนนั้น คือรายละเอียดที่ระบุเอาไว้ในป้ายโครงการ ซึ่งปิดประกาศเอาไว้บริเวณ “รถไฟฟ้าอนุสาวรีย์” มาเกือบๆ จะ 6 เดือนแล้ว ดำเนินการกั้นเขตขุดปูนกันอยู่ประมาณ 3-4 เดือน แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืบหน้าไปไหน เหลือบตาขึ้นไปอ่านรายละเอียดข้อความที่ประกาศไว้กันอีกสักที จึงพบว่าระยะเวลามันล่วงเลยวันที่ “สิ้นสุดโครงการ” ตามที่บอกเอาไว้มาได้ 2 เดือนแล้ว
ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียว แต่มีรายงานเข้ามาว่ายังพบเห็นโครงการสร้างลิฟต์แบบเดียวกันนี้อีกที่ “อารีย์” และ “ราชเทวี” และคาดว่ามีอีกหลายแห่ง ตามป้ายประกาศที่ได้ระบุเอาไว้
[โครงการก่อสร้างลิฟต์เช่นเดียวกัน ที่รถไฟฟ้าอารีย์]
[ยังคงค้างเติ่งที่ ราชเทวี]
“โครงการก่อสร้างและติดตั้งลิทฟ์สำหรับคนพิการ ในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร พร้อมอุปกรณ์จำนวน 56 ตัว 19 สถานี วงเงินก่อสร้าง 350,530,000 บาท” รับผิดชอบโครงการโดย สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร และกองการขนส่ง สำนักการจราจรและขนส่ง ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง
“จะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์สำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้อ่อนแอ จึงจำเป็นต้องปิดกั้นพื้นที่บางส่วนบริเวณทางเท้า โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ (…...........) สิ้นสุดวันที่ (…...............)”
[โครงการที่ยังไม่มีวันสิ้นสุด ณ ราชเทวี]
ป้ายประกาศรายละเอียดโครงการบางส่วน ยังไม่ได้ระบุวันที่เริ่มลงมือและเสร็จสิ้นเอาไว้ แต่กลับมีการล้อมพื้นที่และดำเนินการทุบทิ้งแล้ว... ก็ได้แต่หวังว่า Big Project นี้จะช่วยกลับมาสานฝัน พิสูจน์นโยบาย “ทั้งชีวิต..เราดูแล” ให้แก่ทาง กทม.ได้อย่างเต็มภาคภูมิ...
อย่าปล่อยให้งบประมาณมูลค่าสูงที่ลงทุนไป ทำได้เพียงสร้างความรู้สึกอลังการ ส่งความสุขได้อย่างไม่ทั่วถึง ไม่เช่นนั้น การ “ดูแล” ที่เคยเอ่ยเอาไว้ จะกลายเป็นการ “แลดู” กันด้วยสีหน้าและสายตาเอือมระอาครั้งแล้วครั้งเล่า...
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754