จากที่ นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า การรับประทาน ปลาดิบ ในเมนูอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะในซูชิหรือซาซิมิ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อวิบริโอ (Vibrio) ที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องร่วง บิด และอหิวาตกโรค หากเลือกรับประทานจากร้านที่ไม่ได้มาตรฐานความสะอาดจริงๆ
หลายคนอาจสงสัย อ้าว ทำไมล่ะ คนญี่ปุ่นกินปลาดิบกันเป็นเมนูประจำวัน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
ประเด็นคือ ประเทศญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาว โอกาสที่พยาธิจะเกิดและเติบโตนั้นมีน้อย แต่ประเทศไทยบ้านเรามีอากาศร้อนเป็นหลักแทบจะครบ 365 วัน ดังนั้นจึงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
ในเว็บศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค ศรีวรรณา หัทยานนท์ เขียนบทความว่าด้วยสาระน่ารู้เกี่ยวกับเชื้อวิบริโอ ไว้ว่า
“เชื้อ Vibrio parahaemolyticus เป็นแบคทีเรียแกรมลบ รูปแท่ง มีแหล่งธรรมชาติในน้ำทะเลและน้ำกร่อย แยกได้จากน้ำทะเลทั่วโลก พบได้ในกุ้ง หอย ปลา และปูหลายชนิด ก่อโรคอาหารเป็นพิษหรือทางเดินอาหารอักเสบ” ซึ่งสาเหตุทำให้เกิดโรคมาจาก
“การกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปโดยเฉพาะอาหารทะเลพวก กุ้ง ปู ปลา หอย จำนวนเชื้อต้องมีมากพอที่ตั้งแต่ 106-109 ตัวต่อกรัม จึงสามารถทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ อาการมักปรากฏหลังจากกินเชื้อเข้าไป 10 ถึง 12 ชั่วโมง บางรายแสดงอาการภายใน 4 ถึง 96 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเป็นกรดหรือด่าง ภายในระบบทางเดินอาหาร
เชื้อนี้จะเพิ่มจำนวนเป็นเท่าตัวทุกๆ 10 ถึง 15 นาที ที่อุณหภูมิ 37'C เมื่อเข้าสู่ร่างกายเชื้อจะทวีจำนวนขึ้นในลำไส้ เชื้อชนิดสร้างสารพิษมีทั้งสร้างในร่างกายหรือในอาหารก่อนรับประทาน ทำให้มีอาการท้องร่วงรุนแรง มีอุจจาระเหลวเป็นน้ำมีกลิ่นเหม็นเหมือนกุ้งเน่า มักมีอาการปวดเกร็งที่ท้อง
ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมีอาการอาเจียนร่วมด้วย มีระยะฟักตัวค่อนข้างสั้น คือ อาจเกิดอาการในประมาณ 15-24 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารทะเลซึ่งปนเปื้อนเชื้อนี้ อาการอาจคงอยู่นานถึง 10 วัน แต่ส่วนใหญ่จะทุเลาลงภายใน 3 วัน โดยไม่ต้องรักษา
บางรายคล้ายเป็นบิด อุจจาระมีมูกเลือด มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการอาจเกิดเฉียบพลัน และอาจรุนแรงจน collapse ได้ อาการที่เป็นอาจหายเองภายใน 2 ถึง 5 วัน แต่อาจจะมีอาการอ่อนเพลียต่อไปอีกหลายวัน อัตราตายต่ำ
โรคนี้มักพบในฤดูร้อน ไม่ค่อยพบในฤดูหนาว ดังนั้นสิ่งที่ช่วยวินิจฉัย คือ จะได้ประวัติในเกือบทุกรายว่าได้รับประทานอาหารทะเลมาก่อนจะเกิดอาการท้องร่วงไม่กี่ชั่วโมง หรือรับประทานอาหารที่มีอาหารทะเลเกี่ยวข้องเช่น อาหารที่มีเนื้อปูโรยหน้า เป็นต้น”
เห็นได้ว่า แสงยานุภาพอันตรายจากเชื้อนี้จะเกิดในฤดูร้อน สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านอธิบดีกรมวิทย์ฯ เตือนไว้
“คนไทยต้องตระหนักว่าการรับประทานอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีความเสี่ยงอยู่ระดับหนึ่ง” เพราะนอกจากอากาศร้อน กระบวนการขนส่งและจัดเก็บ ก็ไม่อาจดูแลรักษาอุณหภูมิได้มาตรฐานเหมาะเจาะดีพอ
“การตรวจสอบปลาดิบนำเข้าจากญี่ปุ่นโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่พบว่ามีเชื้อโรคหรือพยาธิแต่อย่างใด แต่เมื่อตรวจในกระบวนการขนส่งหรือจัดเก็บ กลับพบว่ามีเชื้อวิบริโออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจเป็นเพราะระบบควบคุมอุณหภูมิไม่ดี ทำให้รับเอาเชื้อโรคเข้ามาภายหลัง บางร้านกว่าจะถึงมือผู้บริโภคใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว
หากจะรับประทานต้องเลือกร้านที่มีมาตรฐาน สะอาดทั้งในส่วนของสถานที่ คนปรุงอาหารและอุปกรณ์ทำครัว เป็นต้น โดยเฉพาะร้านที่วางขายในกระบะต่างๆ นั้นมีความเสี่ยงมาก”
เพื่อไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวิบริโอ แล้วต้องทุกข์ทรมานจากอาการอาหารเป็นพิษ และอาจร้ายแรงถึงขั้นอหิวาตกโรค จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะซื้อซูชิกิ๊บเก๋ราคาถูกที่นิยมขายกันในตลาด หรือออเดอร์ปลาดิบตามร้านอาหารญี่ปุ่นแผงลอยที่เป็นเทรนด์นิยมของวัยรุ่นยุคนี้ ขนาดร้านซูชิชื่อดังย่านหรู ยังตกเป็นข่าวทำลูกค้าท้องร่วงบ่อยๆ เล้ย
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754