xs
xsm
sm
md
lg

อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนหวาน “หญิง-รังสิกานต์” สาวมั่นแห่งยุค!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
บุคลิกสุดมาดมั่นบวกกับรอยยิ้มอันสดใสที่พิฆาตใจใครหลายคนให้เคลิ้มลอยของนางเอกหน้าใหม่อย่าง “หญิง-รังสิกานต์ โรจน์ชีวิน” ที่ก้าวเข้ามาสู่วงการได้ไม่นานนัก เธอกลับได้เล่นละครและได้รับบทเด่นดีกรีนางเอกคู่ 2 เลยทีเดียว หลากหลายคำถามชวนสงสัย ว่าเธอมีอะไรดี? หรือโลกของสาวน้อยคนนี้อาจมีบางอย่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ และต่อจากนี้คือเรื่องราวที่ชวนให้น่าค้นหาของนางเอกน้องใหม่ที่น่าจับตามอง

ท้อมากกับละครเรื่องแรก

  ถือเป็นนางเอกน้องใหม่มาแรงของทางวิก 3 เลยทีเดียว สำหรับสาวน้อยหน้าหวาน “หญิง-รังสิกานต์” ที่น้อยคนนักจะได้รับโอกาสดีๆ จากทางผู้ใหญ่ให้ได้รับบท “คุณเล็ก” ในละครน้ำดีเรื่อง “นางสาวทองสร้อย” และมีดีกรีเป็นถึงนางเอกคู่ 2 แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้นสาวน้อยถึงขั้นถอดใจบอกกับคุณแม่ของเธอว่าไม่อยากเล่นละครต่อไปแล้ว เพราะมันดูยากเหลือเกิน และตัวเธอนั้นคงไม่เหมาะกับอาชีพนี้เป็นแน่ “ตอนแรกร้องไห้ไม่เอาแล้ว บอกแม่ไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาอย่างเดียว มันยากมาก อยากกลับไปเรียนมากกว่า” สาวน้อยค่อยๆ เล่าถึงความรู้สึกของการเริ่มเล่นละครเรื่องแรกอันแสนทรหดให้ฟัง

“มันไม่เหมือนกับที่เรามองไว้ ตอนแรกคิดว่ามันง่ายนะคะ แบบอ่านบทแล้วก็เข้าไปพูดๆ จบ นี่มันไม่ใช่ พอเข้าไปถึงมันเกร็งไปทุกอย่าง ไม่รู้จะทำยังไง จะเดินยังไง เอามือไปวางไว้ตรงไหน พอกลับมาบ้านแม่ก็บอกว่า นี่คือโอกาสการเข้ามาตรงนี้มันไม่ได้มีง่ายๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งคนตั้งกี่คนที่เขาเดินเขามาหาพี่เอิร์น (ณิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล ผู้จัดละครค่ายมาสเตอร์วัน) กับแม่ก้อย (ทาริกา ธิดาทิตย์ ผู้จัดละครค่ายมาสเตอร์วัน) แต่เขาไม่ได้เลือก แต่เขากลับเลือกเราแสดงว่าเขาก็ต้องแบบเชื่อว่าเราทำได้ มั่นใจว่าเราทำได้นะ แล้วถ้าอยู่ดีๆ จะกลับไม่ทำ เขาก็อุตส่าห์ให้โอกาสเราขนาดนี้แล้ว เหลือแค่หน้าที่ที่ให้เราทำ และทำไมเราแค่ทำตรงนี้ให้เขาไม่ได้ ตอนนั้นก็เลยคิดว่าลองดูค่ะ”
ละครเรื่องแรก “นางสาวทองสร้อย”
 
คนที่สำคัญที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นคุณแม่ของเธอที่ท่านค่อยพร่ำสอนและค่อยๆ บอก โดยไม่ได้บอกว่าให้เธอหยุดทำสิ่งนั้นทันที และบอกกล่าวกับเธออย่างใจเย็นว่าเมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสแล้วต้องทำให้ถึงที่สุดก่อนแล้วถ้าจะทำแล้วก็ไม่เป็นไร และในที่สุดเมื่อเธอเล่นละครไปเรื่อยๆ เธอก็ทำได้และชอบมันเสียด้วยซ้ำ

“คุณแม่ก็บอกว่าเราต้องชอบและเราจะไปกับมันได้เรื่อยๆ และทำได้ดีขึ้น ถ้าจะไม่เล่นหรือไม่เอาแล้วก็ได้ แต่ต้องเล่นเรื่องนี้ให้จบ แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากัน มันยากค่ะ มันกดดัน ทุกวันนี้เรายังนั่งนึกเลยว่า ทำไมวันนั้นเราต้องขนาดนั้น มันไม่เห็นจะยากอะไรเลย แต่ตอนแรกนั้นมันยากมากจริงๆ มองย้อนกลับไปตลกตัวเองว่าทำไมเราต้องฟูมฟายขนาดนั้น ไม่เอาแล้ว ตอนนี้สบายแล้วค่ะ สนุกขึ้นเยอะ มีเรื่องต่อไปก็ไม่เครียดแล้ว (อมยิ้ม)”

สาวน้อยยังเล่าต่อถึงความรู้สึกแรกที่เข้ามาอยู่ในกองนี้ให้ผู้สัมภาษณ์ฟังว่ากดดันเหลือเกินเพราะรู้ว่าต้องเล่นกับนักแสดงที่มีประสบการณ์และมากความสามารถ แต่ในความกลัวนั้นก็ยังมีความโชคดีอยู่ตรงที่พี่ๆ ในกองคอยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจกับน้องสาวคนนี้ตลอดเลย
 
“พาไปละลายพฤติกรรม ชวนคุยนู่นนี่ เหมือนอย่างเวลาหญิงเครียดหญิงจะเฉยๆ นั่งเฉยๆ เขาก็จะบอก เฮ้ย.!มากินข้าว แล้วพี่ปอ (ทฤษฎี สหวงษ์) ก็ชอบเล่นอะไรตลกๆ ชอบแกล้ง ชอบแหย่ ก็จะเริ่มสนิทกันมากขึ้น พี่จ๊ะ (จิตตาภา แจ่มปฐม) ก็จะให้กำลังใจแล้วก็จะบอกว่ามันไม่มีอะไรเลย จะทำอะไรใจเย็นๆ ทำตัวตามสบาย แบบตอนเข้าฉากก็เล่นไปซิ เขาส่งมายังไงเราก็ส่งไปอย่างนั้น 
อย่างตัวพี่ปอเขาจะเป็นที่เล่นอะไรตลกๆ ใช่มั้ยคะ แต่พอเขาเข้าฉากเขาก็จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งเลยจะขรึม เขาจะส่งมาแบบดีมาก เป็นผู้ชายอบอุ่นมากเป็นเหมือนพี่จริงๆ ส่วน พี่กิ๊ก (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) เขาจะเล่นแรงอยู่แล้วด้วยคาแร็กเตอร์อะไรหลายๆ อย่าง เราก็จะแบบเฮ้ย.!มันจริง โดนตบก็ตบจริง อะไรแบบนี้จริงๆ มันเลยรู้สึกว่าช่วยได้เยอะมาก” (อมยิ้ม)
ละครเรื่องแรก “นางสาวทองสร้อย”
ถ้าให้พูดถึงฉากที่ยากที่สุดสำหรับน้องใหม่ในวงการอย่างเธอแล้ว คงหนีไม่พ้นฉากร้องไห้ที่ทำยังไงเธอก็ร้องไม่ออกเสียที ทำยังไงก็ยังไม่อินกับบท จนทำให้เธอเริ่มกดดันเพราะตอนนี้เธอกำลังเป็นตัวถ่วงของคนในกอง

“โหย..ตอนนั้น ต้องฉากแรกดีกว่าที่ยากๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าผ่านไปได้ยังไงเหมือนครูจะช่วยตลอด ให้ร้องไห้มาถึงปุ๊บก็ให้ร้องไห้เลย เราก็เอ๊ะ.!ทำไมให้ร้องไห้เลย เราก็ไม่เก็ต ไม่เข้าใจทำไมต้องร้องไห้ เราก็ไม่ได้เป็นคนซึมเศร้า ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนั้น เหมือนในบทก็ให้คิดถึงแม่ เรียนจบแล้ว เกรดออกแล้ว กำลังจะรับปริญญาแล้ว ให้คิดว่าถ้ารับปริญญาแล้วออกมาไม่เจอพ่อแม่เรา ทั้งๆ ที่คนอื่นเขามีกันหมด และเราก็ไม่เก็ตเพราะที่บ้านก็มีพ่อแม่พ่อแม่อยู่บ้าน เราก็ทำไม่ได้
จนตอนร้องไห้ปลอม พี่ปอก็ปลอบปลอมๆ พี่ปอก็พยายามส่งให้แล้ว ทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้จริงจังเราก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้นเราก็ไม่ร้อง ผู้กำกับก็สั่งเล่นไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มกดดัน จนพี่เขาพูดประโยคหนึ่งที่แทงใจเรามาก เราก็เลยร้องเลย ถึงบ้านก็ยังร้องอยู่ (หัวเราะ) อันนี้ก็รู้สึกว่ามันยากสุดแล้ว เพราะมันเป็นครั้งแรกด้วย”

 
หลังจากนั้นมาสาวน้อยจึงได้ค้นพบวิธีทำให้ตัวเองชนะความกดดันได้ นั่นก็คือทำตัวเองให้สบายๆ อย่าไปคิดอะไรเยอะเล่นไปตามบทและเชื่อว่าเราคือคนๆ นั้น จริงๆ
 
“ทุกวันนี้เราก็ยังเรียนแอ็กติ้งอยู่นะคะ เพราะว่ามันเกร็งมันแข็งไปหมด เขาก็ให้เรียนเพราะว่าไม่รู้จะแก้ยังไง แต่หญิงว่าการแก้ไขโดยการทำตัวสบายๆ ไม่ต้องคิดไรเยอะ คือมันไม่ต้องรู้ก่อนว่าเราจะเจออะไรเหมือนให้อยู่ตรงนั้นจริงๆ ไม่ใช่แต่ว่ามาถึงปุ๊บแล้วให้พูดๆ ตามบท แต่พอเรามาถึงปุ๊บเราเห็นอะไร เห็นพี่กิ๊กแล้วเขาด่าเรายังไง แล้วเราจะตอบโต้ยังไง คือหญิงรู้สึกว่าต้องเป็นแบบสบายๆ ไม่ใช่ไปคิดเยอะว่าเราจะโดนด่าแล้ว เขาจะทำอย่างนี้ใส่เรา แล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าเราจะต้องทำยังไง ถ้าเราโกรธเราจะต้องทำหน้ายังไงนะ เราจะเสียลุครึเปล่า มันไม่ได้ค่ะ ต้องไปเลยเป็นธรรมชาติ”

และทั้งหมดนี้คือความตั้งใจที่อยากทำละครเรื่องแรกของเธอให้ดีที่สุด เธอได้รับความกดดันมากมายถึงกับถอดใจก็มี แต่สุดท้ายแล้วผลตอบรับจากละครเรื่องนี้ถือว่าประสบความความสำเร็จมาก ผู้ชมรู้จักเธอในนาม “คุณเล็ก” และจากความที่ไม่ชอบการแสดงกลับทำให้เธอหลงรักการแสดงไปโดยปริยาย เธอบอกเล่าด้วยสีหน้าดีใจอย่างสุดซึ้ง

“นางสาวไทย” กับความต้องการของแม่

เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ใสๆ แบบนี้ การเข้าวงการบันเทิงของเธอคงหนีไม่พ้นการชักชวนจากโมเดลลิ่งอย่างแน่นอน และงานชิ้นแรกของเธอเป็นงานโฆษณา หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่นละครอย่างเต็มตัว ด้วยนิสัยส่วนตัวเธอเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน น่าเอ็นดู ไม่แปลกที่ผู้ใหญ่จะปูทางและให้โอกาสเธอ
“เข้ามาจากการเล่นโฆษณามาก่อน ตอนนั้นอยู่ปี 3 ตอนนี้เพิ่งเรียนจบก็ประมาณ 2 ปีค่ะ มีที่โมเดลลิ่งพาไปแคสต์งาน พอได้ก็โอเคนะ พอเสร็จก็มาเจอพี่เขาก็พามาเจอพี่เอิร์นกับแม่ก้อย พอมาเจอก็ชวนทำกิจกรรมร่วมกัน ไปทำบุญ ไปต่างจังหวัดไปเที่ยว แล้วก็มาให้เล่นละครเรื่องนี้ค่ะ”
แต่นั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกเสียทีเดียวที่เธอก้าวเท้าเข้ามาสู่วงการมายา ก่อนหน้านั้นเธอได้ลงประกวดเวทีขาอ่อนอย่างเวทีนางสาวไทย เพราะคุณแม่อยากให้ลอง แต่แล้วเธอก็ไม่ได้คว้ารางวัลอะไรกลับมาเลย แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจเพราะเธอบอกว่านั่นมันไม่ใช่ทางของเธอ
 คุณแม่สุดที่รัก
 
“นานแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี 1 เหมือนมีคนมาทาบทามก็ลองๆ ไปดู เหมือนมีคนมาคุยกับคุณแม่ค่ะ เขาก็เลยพาไป ในใจตอนนั้นคือไม่อยากเลย ไม่อยากไป แต่ก็ลองดูเพราะมีคนทาบทามมา (หัวเราะ) หญิงเคยประกวดมาแค่เวทีเดียว ไม่ได้รับรางวัลก็โอเคไม่ได้ ดีค่ะ ได้แค่เข้ารอบสุดท้าย 40 คน ค่ะ ที่เลือกเวทีนี้ เพราะมันไม่โป๊มั้งคะ เวทีนี้ไม่มีใส่ชุดว่ายน้ำ นางสาวไทยจะเป็นเวทีเดียวที่ไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ คุณแม่ก็เลยให้มาสมัคร ไม่ได้ก็รู้สึกดีมากตอนนั้น เพราะเรารู้สึกไม่ชอบ (ทำท่าดีใจ)”

การทำงานในวงการมายา คุณพ่อของเธอไม่ค่อยเห็นดีด้วยนักเขามองว่าเป็นอาชีพที่ไม่ยั่งยืน แต่เมื่อผลงานของลูกสาวออกมาสู่จอแก้วแล้ว มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่ภูมิใจ

  “คุณแม่โอเค แต่คุณพ่อจะไม่ชอบ คุณพ่อบอกว่าให้ไปเรียนหนังสือมันจะง่ายกว่า เขาบอกว่ามันไม่ยั่งยืน พอเราแก่ก็ต้องเด็กใหม่ๆ เข้ามามันก็ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้เรียนจบแล้วคุณพ่อเลยบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำโตแล้ว แต่คุณพ่อก็จะมีความน่ารักนะคะ พอละครออนแอร์ตอนแรกคุณพ่อก็จะไม่ดู แต่สุดท้ายเขาก็ดูหัวเราะใหญ่เลย หญิงว่าเขาก็คงชอบแล้วล่ะค่ะ คุณพ่อก็ไม่ชมหรือตินะคะ แต่ก็เห็นเขาดูตลอด เขาก็เงียบแล้วก็ยิ้ม แต่ส่วนมากคุณแม่จะเป็นคนดูให้ เรื่องเสียง การวางตัวค่ะ ก็จะบอกว่าเรื่องแรกก็โอเค ตัวเราดูเองก็จะรู้ว่ามันน่าจะได้อีกนะ”

เห็นหน้าหวานและดูเป็นสาวเรียบร้อยแบบนี้ แต่เธอแอบกระซิบมาว่าตอนเด็กๆ เธอดื้อมาก ไม่มีความหวานสักนิดในตัว อาจจะเพราะด้วยเธอเป็นพี่สาวคนโตและมีน้องชาย 2 คน จึงทำให้เธอต้องมีความแมนอยู่ในตัว
ครอบครัวนี้อบอุ่นที่สุด
 
“ดื้อมาก อย่างตอนเด็กก็จะมีพี่เลี้ยง 2 คน ก็จะอยู่บ้าน พอเขาพับผ้าเสร็จเราก็จะรื้ออกมา รื้อให้เขาพับใหม่ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แล้วอย่างตอนไปเดินสวนสาธารณะค่ะ ก็จะชอบเตะหมาแต่แปลกที่มันไม่กัดเลยแต่มันจะหนีเราทุกตัวเลย (หัวเราะ) อันนี้แม่เล่าให้ฟังนะคะ หญิงจะจำได้แบบรางๆ แล้วก็ชอบเตะต้นเฟื่องฟ้า อันนี้หญิงจำได้เลย โดนแมลงอะไรนี่แหละต่อยเต็มหน้าจนหน้าบวม แล้วก็ชอบแกล้งน้องแต่ก่อนเขาอ้วนไงคะ ก็จะชอบลากขาทั่วห้อง แล้วก็จะโดนคุณแม่ตี แต่คุณพ่อก็จะเป็นฝ่ายโอ๋ เราก็ไม่เข็ดก็ยังชอบแกล้งตลอด ตอนนั้นพี่เลี้ยงก็ลาออกไปหลายคนนะคะ”

ส่วนคำสอนของคุณพ่อคุณแม่เธอนั้น เธอบอกว่าเธอฟังและนำมาใช้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเธอคิดว่าคุณพ่อคุณแม่และเธออยู่คนละยุคสมัยกัน ดังนั้นก็ต้องแชร์เหตุผลของกันและกันบ้าง แต่ครอบครัวนี้ก็ยังมีน่ารักเอาอยู่มากๆ ตรงที่ว่าคุณแม่ของเธอนั้นห่วงลูกๆ ทุกคนจึงชอบแอบอ่านไลน์ของลูกๆ เสมอ

“เราไม่ค่อยทำตามเท่าไหร่ค่ะ คือเหมือนคุณพ่อคุณแม่ก็จะเอาคำสอนมาใช้จริงๆ แต่ถ้าถามว่าทำถามทุกขั้นตอนมั้ย ก็ไม่นะคะ เพราะอายุห่างกัน ความคิดห่างกัน เหมือนพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่ในยุคเรา เราก็โอเคเอามาใช้บ้าง แต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราด้วยว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เราจะใช้มันก็ใช้ไม่ได้ เราก็เลือกที่จะทำเอง และก็ฟังคำสอนของพ่อกับแม่ด้วย มันจะรู้สึกได้ว่ามันไม่ดีจริงๆ เราก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้าสมมติว่ามันไม่ได้ร้ายแรง เราก็มองว่ามันโอเคนะแม่จะห้ามทำไม มันไม่มีเหตุผล

คุณแม่จะรู้ทุกอย่าง คือชอบเอาไลน์ไปอ่าน อันนี้หญิงจะบอกไว้เลยว่าไม่ได้นะ มันต้องมีสเปซนะ ก็จะบอกว่าคุณแม่ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ แม่ก็จะบอกทำไมมันมีอะไร หญิงก็ไม่รู้จะพูดยังไง เขาก็จะเสียใจ มีตอนหนึ่งเคยอารมณ์เสียใส่เขา เขาก็จะแบบน้อยใจ เสียใจ ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ๆ ไม่ได้ หญิงก็จะบอกว่า มันต้องมีสเปซนะคุณแม่ ก็โอเคค่ะ หลังๆ เขาก็ไม่ดูแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็ชอบแอบเอาไปดูนะ ดูของลูกๆ ทุกคนค่ะ" (หัวเราะ)

 
ผู้หญิงง้องแง้ง คบผู้ชายดีกว่า

สาวน้อยบอกว่าเสน่ห์ของเธอนั้นคือการยิ้ม เพราะใครๆ ก็บอกว่าเธอเป็นคนยิ้มหวาน แต่เธอก็ไม่ได้มีนิสัยหวานแบบหน้าตาของเธอเสียทีเดียว ความจริงแล้วเธอเป็นคนห้าวและมีเพื่อนผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอบอกว่าคบกับเพื่อนผู้หญิงแล้วรู้สึกว่าเคมีไม่ตรงกัน

“ยิ้มมั้งคะ ชอบยิ้ม คิดอะไรไม่ออกก็ยิ้มไว้ก่อน เป็นคนห้าวๆ ส่วนมากเพื่อนที่สนิทด้วยไม่ผู้ชาย ก็เป็นเกย์ค่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะไม่สนิทกับผู้หญิงที่ง้องแง้ง รู้สึกว่าเคมีไม่ตรงกัน แต่ส่วนมากจะรู้จักเพื่อนที่แบบลุยๆ สไตล์การแต่งตัว ก็จะเป็นกางเกง หรือไม่ก็จะเป็นเดรซสั้นๆ ง่ายๆ ชอบสไตล์แบบนี้ พวกเครื่องประดับแต่เป็นคนชอบใส่แหวน ต่างหูไม่ต้องใหญ่ สร้อยคอจะไม่ใส่เลยจะไม่ชอบ”


หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่เธอจะใช้เวลานั้นหมดไปกับการทำบุญ และส่วนมากการทำบุญของเธอจะเน้นไปที่การทำทานอย่างการแจกอาหารให้คนรับประทาน

“ทำบุญเยอะค่ะ ถ้ารู้สึกอะไรที่ไม่ดีก็จะไปทำบุญ รู้สึกว่ามันก็ช่วยนะคะ แต่ส่วนมากจะเป็นทำทานมากกว่า เหมือนที่บ้านอยู่สมุทรสาครใช่มั้ยคะ ก็จะสั่งลอดช่องวัดเจษฯ ไปทำบุญ เพราะอยู่ตรงข้ามบ้าน มันอร่อย ก็จะชอบสั่งลอดช่องไปทำทานที่วัดสังฆทานบ่อยกับที่บ้าน ครอบครัวชอบทำบุญทั้งหมดเลย แต่คุณพ่อจะไม่ค่อย จะขับรถให้ จะเดินเล่น จะไม่ค่อยทำอะไร”

ตอนนี้เธอเรียนจบแล้วที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเธอบอกว่าที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและยังมีคุณพ่อเป็นแบบอย่างอีกด้วย
ว่าที่บัณฑิตจากรั้วจามจุรี
 
“จบนิติศาสตร์ จุฬาฯ ค่ะ ตอนนี้สอบทนายค่ะ สอบทนายไปแล้วแต่สอบแค่ภาคทฤษฎี ที่เลือกเรียนอันนี้เพราะคุณพ่อเป็นผู้พิพากษาก็เลยเรียนตามคุณพ่อ เห็นว่ามันก็เป็นอาชีพที่ดีเป็นอาชีพที่มีเกียรติก็เลยลองดู พอเรียนแล้วก็ยากมากแต่ก็โอเคก็ผ่านมาได้ก็รู้ว่าโอเคแต่อาจจะอ่านเยอะมาก เรียนอันนี้ไม่ค่อยมีเวลาทำอย่างอื่นเลยค่ะตอนนั้นที่เรียนอยู่ก็ถ่ายทำละครแล้วค่ะ แบ่งเวลาคือส่วนมากจะบอกกองว่าจะสอบช่วงนี้ ก็จะหยุดให้ 2 อาทิตย์ให้เราไปอ่านค่ะ ก็คือมีเวลาได้ทบทวนกับตัวเองก็ไปสอบ เกรดไม่ตกค่ะ ขึ้นด้วยซ้ำ ปี 1 นี่เละมาก พอขึ้นมา ปี 2- 3 ก็ขึ้นมาเรื่อยๆ”

โลกนี้ดึงดูดแต่คนดีๆ

คติการใช้ชีวิตของเธอคือการคิดแต่สิ่งที่ดี หากคิดแต่สิ่งไม่ดีชีวิตก็จะมีแต่สิ่งแย่ๆ เข้ามา เธอเชื่ออย่างนั้น และเธอก็ยึดคตินี้มาตลอด เลยทำให้ในชีวิตของเธอนั้นได้โคจรมาพบแต่คนที่ดี

“คือถ้าเราคิดแต่สิ่งดีๆ ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ มันจะดึงดูดแต่คนดีๆ เข้ามาค่ะ ถ้าสมมติเราคิดแต่สิ่งที่มันไม่ดี หรือเราคิดไปก่อนว่ามันจะไม่ดีมันก็จะมีแต่ไม่ดีเข้ามาจริงๆ อย่างวันนี้ไปทำอันนี้นะ คิดว่าทำไม่ได้แน่เลย มันก็จะไม่ได้จริงๆ นะ ซึ่งเราต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าต้องทำได้ ต้องทำได้ ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นมาเอง

ตอนนี้ชีวิตมันเหมือนเพิ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ เพิ่งเรียนจบเข้าสู่ชีวิตจริง ถ้าไม่ได้เข้าวงการก็คงจะไปทำงานตามที่เรียนมา แต่ก็คงธุรกิจเสริมไปด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกนะคะว่าจะทำอะไร ถ้าทำธุรกิจก็คงเป็นพวกอสังหาริมทรัพย์ค่ะ เพราะชอบทางด้านนี้ แบบเป็นที่ตั้งไปเลย เป็นจุดนัดพบ อาจจะเป็นร้านกาแฟ อาจจะเป็นสตูดิโอที่เป็นร้านกาแฟที่คิดไว้แต่ยังไม่ได้ทำอะไร นี่แค่คิดเฉยๆ นะคะ" (หัวเราะ)

ขึ้นชื่อว่าวงการมายา มันต้องมายาแน่นอน แต่เมื่อเข้ามาแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยเธอบอกว่าในวงการนี้เธอเจอแต่คนที่จริงใจและดีกับเธอ จึงทำให้เธอมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากที่ไม่ชอบก็กลายมาเป็นหลงรัก และเธอก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นนางเอกแถวหน้า แต่เธอจะยึดหลักที่ว่าจะเล่นละครยังไงให้คนดูรู้สึกสนุกที่สุดแค่นั้นเอง


 
“ตอนแรกสุดกับตอนนี้มันต่างกันมากเลยนะคะ มันแบบมายา เล่นเส้น พอเข้ามาคนละเรื่องเลย เหมือนพี่ๆ เขาจริงใจ เขารักเราเอ็นดูเรา หญิงรู้สึกว่ามันอยู่ที่เลือกที่จะทำตัวมากกว่า แล้วอีกอย่างเราอยู่กับคนที่ดีทุกคนก็เลยรู้สึกว่าเป็นมิตรนะ ไม่เคยคาดหวังว่าจะเป็นนางเอกแถวหน้า แต่จะเล่นให้ดีแล้วคนอื่นชื่นชม แล้วก็สนุกไปกับงาน หญิงรู้สึกว่าวงการบันเทิงเราต้องเล่นให้ผู้ชมดูแล้วสนุก หญิงรู้สึกว่าอยากให้มันเป็นแบบนั้นมากกว่า คือทำทุกๆ วันให้ดีก่อน”

ทิ้งท้ายไปกับเรื่องความรัก ผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันต้องสูงกว่าเธอแล้วต้องเข้ากับเธอได้ ที่สำคัญต้องเป็นคนไม่คิดร้าย ส่วนมุมมองในเรื่องความรักนั้น เธอมองว่ารักไม่ใช่ทุกอย่าง ไม่ต้องพยายามและไม่ต้องตามหา เมื่อถึงเวลามันจะมีเข้ามาเอง

“ชอบคนสูง คือต้องสูงกว่าเราเพราะหญิงเป็นคนตัวสูงอยู่แล้วไงคะ เพราะฉะนั้น จะเตี้ยไม่ได้ ต้องสูงกว่า และก็ชอบคนขาวค่ะ ตี๋ๆ อะไรแบบนี้ นิสัยแบบเป็นคนไม่ร้าย คิดอะไรก็ออกมาเลย เหมือนคุยกับเรารู้เรื่องค่ะ เหมือนเป็นคนคอยให้กำลังใจ เหมือนเข้าถึงเรา รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่ คุยด้วย อยู่ด้วย แล้วมีความสุข อบอุ่นมากกว่าค่ะ

มุมมองในเรื่องความรักของหญิง หญิงว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างแต่เห็นจากเพื่อนหลายๆ คนคิดว่าความรักคือทุกอย่าง แต่หญิงรู้สึกว่ามันก็มีส่วนหนึ่งที่มาเติมเต็มแต่ว่าคือเราว่ามันไม่ต้องหา ไม่ต้องพยายามว่าจะต้องมีคนนี้ๆ จะต้องเอาแบบนี้ หญิงว่าถ้ามันจะมีมันจะเข้ามาเอง”

เรื่อง: กรกนก วงษ์สุวรรณ
ภาพโดย: ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพบางส่วน: อินสตาแกรม “yingrangsikarn”


มาสร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกัน!!ตัวอย่างงานในเซ็กชั่นทั้งหมด>>>...

Posted by ASTV ผู้จัดการ Live on Friday, August 21, 2015

รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น