ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่างานมหกรรมยานยนต์อย่างมอเตอร์โชว์ดึงดูดผู้คน สร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึงด้วย “เนื้อ - นม - ไข่” ของเหล่าหญิงสาวพริตตี้สุดสวยมากกว่านวัตกรรมรถยนต์สุดล้ำ
ความหวือหวาที่นับปีจะเร่งดีกรีแรงขึ้น ร้อนขึ้น แรงขึ้น ฉาวขึ้น จนดูจะไม่มีที่สิ้นสุดกระทั่งข้ามเส้นแบ่งของศีลธรรมความเซ็กซี่ที่เกินกว่าจะคิดนึกขึ้นมาได้
การตลาดร้อนแรงกับการใช้เซ็กซ์ดึงดูดความสนใจเป็นกลยุทธ์ที่มีมาช้านานแล้ว แต่หลังจากเหตุนายแบบเปิดก้นอาบน้ำกลางห้างดังเมื่อไม่นานมานี้ กระทั่งล่าสุดกับการแต่งกายบอดี้ที่เปิดเผยให้เห็นทรวดทรงถึงขั้นกระทรวงวัฒนธรรมต้องออกโรงปรามสิ่งที่เกิดขึ้น
ชวนให้สงสัยว่าแล้วเส้นแบ่งการตลาดหวือหวากับศีลธรรมสังคมควรอยู่ที่ตรงไหน
การตลาดโป๊เปลือย
การตลาดที่ใช้เซ็กซ์เป็นจุดดึงดูดถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ได้ผลเสมอในการสร้างกระแสให้ผู้คนพูดถึง สร้างความคึกคักให้กับตลาดที่เงียบเหงาไร้ประเด็น สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล นักการตลาดชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในถึงกลยุทธ์การสร้างจุดขายสินค้าด้วยการโชว์วาบหวิวซึ่งบางกรณีถึงขั้นเข้าข่ายโป๊เปลือยในที่สาธารณะ มองว่า การสร้างจุดขายในลักษณะนี้ เป็น1 ในทฤษฎีทางการตลาดของซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่ใช้การกระตุ้นความต้องการทางเพศมาช่วยสร้างจุดขาย ขึ้นอยู่กับบุคคลที่จะนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ว่าจะออกมาในรูปแบบใดแต่ทั้งนี้จะต้อง สมเหตุสมผล และ รู้จักกาลเทศะ
ทว่ายิ่งนับวันความเซ็กซี่โป๊เปลือยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผศ.ดร.ม.ล.วิฏราธร จิรประวัติ อดีตอาจารย์ประจำ สาขาวิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าเพราะระดับความโป๊ของคนในยุคสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จะทำให้คนหันมาสนใจความโป๊ในระดับที่เรียกเสียงฮือฮาได้นักการตลาดบางรายมองว่าคงต้องถึงขั้นเปลือยไปเลยถึงจะเป็น Talk of The Town
“เขาไม่ต้องใช้งบโฆษณาเลย แต่ได้ลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ถ้าจะมองในแง่การตลาด ได้ครองพื้นที่สื่อในการโปรโมต ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ แต่ถ้าใช้ไม้บรรทัดอีกแบบหนึ่งวัด พูดถึงแง่ลบที่สะท้อนกลับมายังแบรนด์แล้วมันคุ้มมั้ย เพราะถึงจะได้ลงข่าวจริง คนสนใจจริง แต่มันก็เป็น Talk of The Town ด้านลบ คุณค่าความเป็นข่าวที่ได้กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ระยะยาวที่เสียไป บางครั้งมันไม่คุ้ม คิดดูว่าคนทั่วไปเห็นแล้วส่งต่อภาพนี้เยอะขนาดนี้ แสดงว่ามันไม่ปกติแล้วล่ะ มันเกินขอบเขตความพอดีไปเยอะแล้ว”
เส้นแบ่งที่ควรมี
หลังจากกระทรวงวัฒนธรรม จี้เอาผิดพริตตี้มอเตอร์โชว์ 2015 แต่งกายล่อแหลม ลักษณะบอดี้เพนต์ ชี้เป็นการอนาจาร โดยวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2015 นั้นได้มีประชาชนร้องเรียนมาว่า ค่ายรถยนต์หลายค่ายมีการใช้พริตตี้ที่แต่งกายไม่เหมาะสมภายในงาน โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ค่ายหนึ่ง มีการใช้พริตตี้ที่แต่งกายล่อแหลม ซึ่งใช้การเพนต์ลวดลายบนตัว และโชว์สรีระ ซึ่งในกรณีนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก และเป็นภาพที่ล่อแหลมมากเกินไป อย่างไรก็ตามแม้ต่างประเทศจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนคิดว่าการนำเสนอพริตตี้ในลักษณะบอดี้เพนต์นั้น ไม่เหมาะสมกับบริบท และวัฒนธรรมไทย
ทางด้าน ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ลามกอนาจาร ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัลโดยเปลือย หรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765 ประสานงานไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว นอกจากนี้การเผยแพร่ภาพของพริตตี้ที่แต่งกายล่อแหลมนั้นยังถือเป็นการผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเส้นแบ่งระหว่างการตลาดเซ็กซี่กับศีลธรรมของสังคมนั้น ดร. เกียรติอนันท์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มองว่านักธุรกิจหรือใครก็ตามควรมีจิตสำนึกคำนึงถึงความเป็นไปของสังคมอยู่ด้วย
“มอเตอร์โชว์จำเป็นต้องมีพริตตี้ในการทำให้ตลาดคึกคัก ถ้ามีรถอย่างเดียวคนไม่ไปดูแน่นอน แต่ความเซ็กซี่หวือหวาที่เกิดขึ้นมันก็ต้องอยู่ในระดับที่คำนึงถึงความเป็นไปของสังคมด้วย”
เขามองว่า ยิ่งนับวันการจัดงานทำนองนี้ก็ยิ่งจะมีความเซ็กซี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากสังคมที่มีความต้องการแต่อีกส่วนก็มาจากนักการตลาดที่ต้องการสร้างกระแสให้แรงขึ้น การแก้ไขปัญหาตรงนี้จึงจำเป็นต้องสร้างจิตสำนึกทั้งนักธุรกิจที่ทำการตลาดอย่างมีเส้นแบ่ง และประชาชนที่จะไม่คล้อยตามความหวือหวาของกระแสที่เกิดขึ้น
“การที่กระทรวงวัฒนธรรมลงมาจับประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องดีเพราะหน้าที่หนึ่งของกระทรวงวัฒนธรรมก็คือการขีดเส้นแบ่งให้รู้ว่า การกระทำตรงนี้เกินกว่าที่สังคมไทยจะรับได้หรือยัง”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754