แท็กซี่ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องจากการคิดค่าโดยสารเกินจริง ไม่รับผู้โดยสาร คุณภาพการขับขี่ ล่าสุดประเด็นด้านความปลอดภัยก็กลับมาทำให้ผู้ใช้บริการหวาดหวั่น เมื่อเกิดเหตุแท็กซี่ลวงสาววัย 19 เข้าโรงแรมม่านรูดหวังข่มขืน กลายเป็นภัยใกล้ตัวที่น่าหวาดหวั่นอีกครั้ง!
ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แท็กซี่กลายเป็นประเด็นที่คนพูดถึงนับแต่การออกมาแฉครั้งใหญ่กับการเก็บค่าโดยสารไม่ตามมิเตอร์ของแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตามต่อมาด้วยการร้องเรียนด้วยการโพสต์กระทู้มากมายในโซเชียลมีเดียจากการปรับค่ามิเตอร์ที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นเร็วอย่างผิดปกติ
นอกจากยังมีกระแสสนับสนุนการให้บริการของ UBER แท็กซี่ที่เหมือนจะคู่แข่งที่เข้ามาแทนที่แท็กซี่ได้อย่างดี ด้วยความปลอดภัยที่ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจได้มากกว่า แต่กลับถูกกรมขนส่งทางบกสั่งเบรกจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์
หลายฝ่ายต่างหันมายกระดับพัฒนาแท็กซี่ให้มีคุณภาพมากขึ้นจากการตั้งคำถามของสังคม แต่แท็กซี่ก็ยังถูกมองว่าส่วนใหญ่แล้วมีปัญหาในเรื่องของคุณภาพในการให้บริการ
กับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปล่อยให้แท็กซี่ที่คนขับไม่ตรงกับทะเบียนที่จดไว้มีการขับขี่อยู่บนท้องถนน รวมทั้งแท็กซี่ที่ไม่มีการจดทะเบียนอีกด้วย โดยที่กรมขนส่งทางบกไม่มีการตรวจสอบคุณภาพแท็กซี่เท่าที่ควร
“แท็กซี่ที่วิ่งอยู่ตอนนี้กรมขนส่งทางบกบังคับให้มีการขึ้นทะเบียนทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าสุ่มใช้บริการดูจะพบเลยว่า บัตรแท็กซี่บนกระจกกับหน้าคนขับไม่ตรงกันเยอะมาก ขึ้น 10 คัน ไม่รู้ว่าจะตรงกันสักกี่คัน ตรงนี้มีส่วนที่ทำให้แท็กซี่ก่ออาชญากรรมด้วยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกตามจับได้เพราะไม่ได้ลงทะเบียนรายละเอียดของตัวเองไว้”
เขาเผยว่า การที่คนร้ายจะก่อเหตุมักจะคำนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกจับกุมด้วย หากเป็นไปได้น้อยก็จะลงมือ แต่ถ้าเสี่ยงจะถูกจับได้ง่ายก็อาจจะเกรงกลัวและล้มเลิกการกระทำผิดไป ดังนั้นการขึ้นทะเบียนเพื่อให้สามารถตามจับคนร้ายมาได้อย่างรวดเร็วก็เป็นสิ่งที่ช่วยลดอาชญากรรมประเภทนี้ลงอีกทาง
ทั้งนี้ ในส่วนของอาชญากรรมที่คนขับขี่รถสาธารณะกระทำต่อผู้โดยสารนั้น เขาเผยว่า ยังไม่มีการสถิติชัดเจนแต่ก็มีข่าวออกมาเรื่อยเป็นระยะ ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ และด้วยความเป็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นใกล้ตัวถือเป็นภัยสาธารณะ โทษจึงมักจะหนักกว่าคนปกติทั่วไปด้วยหากมีการกระทำผิด
“คดีที่คนขับรถสาธารณะกระทำต่อผู้โดยสารผมเชื่อว่า ถ้ามีการส่งฟ้องศาลส่วนใหญ่จะลงโทษจำคุกทุกราย เพราะคุณเป็นผู้ขับขี่รถสาธารณะมาทำอันตรายต่อผู้โดยสารเสียเอง มันเป็นความปลอดภัยของสาธารณะมันควรจะมีความเข้มข้นมากกว่าเพื่อให้คนที่กระทำผิดลักษณะเดียวกันเกรงกลัว”
จากเหตุการณ์อาชญากรรมที่เกิดนี้ เขามองว่า โอกาสที่อาชญากรรมทางเพศจะเกิดขึ้นผู้หญิงนั้นมีสูงโดยผู้ลงมือโดยมากแล้วเป็นผู้หญิง ดังนั้นผู้หญิงจึงควรระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
“ถ้าต้องใช้บริการแท็กซี่โดยเฉพาะสุภาพสตรี อันดับแรกขึ้นรถให้จดทะเบียนไว้ก่อน ถ่ายภาพส่งไลน์ไปให้คนในครอบครัวเพื่อให้คนใกล้ชิดทราบว่าขึ้นแท็กซี่คันนี้จุดนี้เวลานี้ ประการที่สองจดจำตำหนิรายละเอียดคนขับโดยดูจากบัตรด้านหน้าหากเกิดเหตุตำรวจจะได้ติดตามจับกุมได้ แต่ถ้าเกิดเหตุเฉพาะหน้า ขอให้ตั้งสติใช้วิจารณญาณถ่วงเวลาเพื่อจะใช้สติคิดหาคนมาช่วยหรือขอความช่วยเหลือ เพราะถ้าเราขัดขืนทีเดียวจริงจัง อาจทำให้ผู้กระทำลงมือทำร่างกายได้”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754