หากไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับทายาทธุรกิจตระกูลดังผู้มั่งคั่งหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่อย่าง ต้น-นพพล เตชะพันธ์งาม และเพื่อนๆของเขา เราก็คงไม่ทราบถึงมุมมองและแนวคิดของผู้บริหารรุ่นใหม่เหล่านี้ว่า พวกเขาไม่เพียงแค่รวยเงินทอง รวยความรู้ และสติปัญญา หากแต่ยังรวยน้ำใจ ปลดล็อกชีวิตยามว่างจากการทำงาน รวมตัวกันจัดกิจกรรมช่วยพัฒนาคนและสังคมภายใต้ชื่อกลุ่ม "เน็กซ์ซัส ประเทศไทย (Nexus Thailand)" อีกด้วย
ต้น-นพพล เตชะพันธ์งาม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมพลเบดดิ้ง แอนด์ แมทเทรส อินดัสตรี จำกัด (SPB) ผู้ผลิตและจำหน่ายที่นอน เครื่องนอน จัดเป็นเด็กหนุ่มนักสังคมสงเคราะห์คนสำคัญของยุคนี้ เขาบอกถึงที่มาของการชอบงานช่วยสังคมของเขาว่า เป็นผลจากการเรียนเศรษฐศาสตร์ ทำให้เห็นช่องว่างระหว่างสังคมที่มีคนรวยก็รวยล้นฟ้า คนจนก็จนมาก ช่องว่างตรงนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาสังคม เขาจึงมีความคิดว่าอยากเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาสังคมตรงนั้น
ดังนั้น เมื่อว่างจากงานประจำแล้ว เขามักแบ่งเวลาช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ด้วยการเข้าไปเป็นสมาชิกและแกนนำในมูลนิธิ และองค์กรช่วยเหลือสังคมหลายแห่ง และด้วยวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น ในปี 2556 เขาได้มอบหมายให้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อตั้ง “เน็กซ์ซัส ไทยแลนด์”
“เน็กซ์ซัส ไทยแลนด์” แตกสาขามาจากสหรัฐอเมริกา วัตถุประสงค์หลักคือ เชิญชวนนักลงทุนรุ่นใหม่ ผู้มีจิตอาสา นักธุรกิจเพื่อสังคม ผู้มีอำนาจ อยู่ในตระกูลที่ทรงอิทธิพลและมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท มาร่วมกันบอกเล่าปัญหาและเสนอแนวคิดในเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น
“ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับผม เพราะผมมองว่าทุกวันนี้ พวกเราได้อะไรจากสังคมกันมากอยู่แล้วบางคนอาจจะได้มากจนเหลือเฟือ ผมทำตรงนี้ถือเป็นการคืนกลับสู่สังคม เป็นการลงทุน ลงแรงที่ไม่ได้เห็นผลกำไรเป็นเงินเหมือนทำธุรกิจ แต่การที่ผมได้มีส่วนช่วยคนที่ลำบากกว่า ผมว่าเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ที่มากกว่านั้น คือทำให้ผมได้เจอเพื่อนใหม่ที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้เราได้เรียนรู้แตกยอดความคิดออกไปได้อีกมากด้วยครับ”
ปัจจุบันกลุ่มเน็กซ์ซัส ประเทศไทย มีสมาชิกประมาณกว่า 40 คนแล้ว งานหลักของสมาชิก คือจัดสัมมนาและนำข้อมูลที่เป็นปัญหาของประเทศไทยมาแจ้งให้สมาชิกรับทราบ จากนั้นก็ให้สมาชิกนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหา โดยให้สมาชิกแต่ละคนใช้แรงบันดาลใจคิดว่าอยากทำอะไร เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับ ต้น-นพพล บอกว่า ปัญหาที่เขาสนใจอยากหยิบยกขึ้นมาแก้ไขคือเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่มีมานานแล้ว ยิ่งเมื่อเเศรษฐกิจเติบโตขึ้น ในลักษณะกระจุกตัวในคนกลุ่มเดียว ซึ่งเห็นว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา และการรักษาพยาบาล แต่การแก้ไขทั้งหมดจะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้นจำเป็นต้องช่วยกันหลายฝ่ายและอาจต้องใช้เวลานานหลายปี
“ผมอยากจะให้คนที่โชคดีกว่าคนอื่น คือเป็นคนที่มีการศึกษาดี มีทรัพยากรเยอะ นำประโยชน์ที่มีในตัวเองมาช่วยเหลือผู้อื่น แทนที่จะช่วยเหลือตัวเองอย่างเดียว ที่บริษัทถ้ารู้ว่าที่ไหนต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมจะชวนลูกน้องไปช่วยเหลือทันที ทุกครั้งที่ผมและลูกน้องออกไปช่วยเหลือแล้วกลับมาถึงบ้าน พวกเราจะมีความสุขและภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกจริงครับ”
ด้าน ดร.กิ๊ฟ-ศิริภัทรา คูสุวรรณ (ณ ระนอง) เป็นอีกหนึ่งสมาชิกขององค์กรนี้ เล่าว่า ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานให้สังคม เริ่มตั้งแต่คุณทวดที่เป็นนักธุรกิจเหมืองแร่ที่ภูเก็ตได้บริจาคที่ดินให้กับองค์กรการศึกษาหลายแห่ง เหมือนอยู่ในสายเลือด เมื่อมาถึงรุ่นของ ดร.กิ๊ฟ เอจึงอยากทำอะไรที่สร้างประโยชน์ให้สังคม และเธอก็เลือกสืบทอดในสิ่งที่ครอบครัวปลูกฝังคือ สนับสนุนเรื่องการศึกษา
กิจกรรมหลักที่เธอทำเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมาจากคุณยายและแม่ คือ การมอบทุนการศึกษาให้เด็กทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ซึ่งทุนการศึกษาที่ ดร.กิ๊ฟ มอบให้นั้น ไม่จำกัดแค่เด็กยากจนเท่านั้น แต่จะให้เด็กที่สนใจเรียนจริงๆ เพื่อให้เงินทุนที่เธอมอบให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไม่สูญเปล่า
ส่วนน้องแป้ง-ประณัยยา อุลปากร แม้จะถูกครอบครัวปลูกฝังเรื่องการ “ให้” มาตั้งแต่เด็กโดยเฉพาะการ “ให้” กับคนด้อยโอกาสมาตลอด แต่ด้วยความมีวินัยในเรื่องการใช้ชีวิต รวมถึงการรู้จักคุณค่าของทรัพยากรรอบตัว ทำให้เธอตกผลึกความคิดของตัวเองว่าจะทำอย่างไรกับคำว่า “ให้” ของเธอซึ่งต้องเป็นการให้ที่มีความหมายมากที่สุด ตรงนี้แป้ง จึงยึดคำสอนของพระบาทาสมเด็จพระเจ้าอยู่ มาใช้ คือให้วิชาความรู้ และต้องให้เขาสามารถอยู่ได้ด้วยการสอนให้เขารู้จักพึ่งตน
สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มเน็กซ์ซัส ไทยแลนด์ น้องป้งได้ไปดูงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และได้เห็นตัวอย่างการช่วยเหลือสังคมได้ โดยเฉพาะการให้อาชีพคน และช่วยให้คนอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ได้พึ่งแค่เงินบริจาค มีอาชีพเป็นอะไรที่ยั่งยืน ประทับใจการดำเนินงานของที่นี่มาก
"แป้ง คิดเหมือน ต้น และ กิ๊ฟ เรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคม แป้งเห็นว่า คนยิ่งรวย ยิ่งมีโอกาสมาก ขณะที่คนจนมากยิ่งไม่มีโอกาส ติดกับดักความยากจนไม่มีวันหลุด ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ต่อไป โดยไม่มีการช่วยเหลือ คนจนไม่มีทางเลือกก็อาจต้องหาทางออกด้วยการก่ออาชญากรรม เป็นการแก้ปัญหาหากจะให้แล้วเราต้องให้เขาสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง จึงจะเป็นการให้ที่ยั่งยืน"
เหล่านั้นเป็นเพียงความคิดเบื้องต้นที่เถ้าแก่รุ่นใหม่ที่ถ่ายทอดให้เราฟัง ก่อนจากกันทั้ง 3 ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงมุมมองในการช่วยเหลือสังคมของพวกเขา ว่าไม่จำเป็นต้องร่ำรวย ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจดัง เพียงแค่คิดว่าจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาตินั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754