ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ความหล่อที่ทำให้ “อองตวน- ลีโอ ปินโต” สองพี่น้องนักมวยชาวฝรั่งเศสฮ็อตสุดขีดในเวลานี้ แต่เพราะความรักและมุ่งมั่นในมวยไทย ทำให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักมวยต่างชาติคู่แรกที่ได้เป็นนักมวยไทยไฟต์ มีผลงานสร้างชื่อในต่างประเทศมากมาย กลายเป็นนักมวยที่ใครๆ พากันชื่นชม
แต่เบื้องหลังความสำเร็จของทั้งคู่ ใครจะรู้ว่ามีซีนต้องเสียน้ำตา ท้อแท้จนอยากเลิกมวยมานับไม่ถ้วน แต่พวกเขามาถึงวันนี้ได้อย่างไร ทั้งคู่มาเผยใจกับเราที่นี่แล้ว
ครอบครัวเป็นแรงผลักดัน
นับว่าเส้นทางนักมวยของสองพี่น้องคู่นี้มีครอบครัวเป็นแรงผลักดันสำคัญไม่น้อย เพราะความที่คุณพ่อของพวกเขา (เซิร์จ ปินโต) หลงใหลในกีฬามวยไทย จึงตัดสินใจย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมืองไทย พร้อมกับตั้งค่ายมวยไทย ชื่อ “เซ้งบ๊อกซิ่ง” ที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้อองตวนและลีโอมีโอกาสซึมซับมวยไทยมาตั้งแต่เด็กๆ
ทั้งคู่เล่าว่าการเริ่มเรียนมวยไทยในเมืองไทยอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาช่วงแรกคือ การต้องเรียนในโรงเรียนไทย หัดพูดภาษาไทยและต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ชาวไทยให้ได้
“ปีแรกเหมือนเรามาเที่ยวอย่างเดียว แต่พอมาเรียนและต้องพูดภาษาไทยก็รู้สึกยากเหมือนกัน เพราะเรายังพูดภาษาไทยไม่เป็น แล้วเราเรียนอยู่ในโรงเรียนภาษาไทย ก็เลยรู้สึกยากหน่อย ช่วงแรกๆ เลยเหนื่อย บางครั้งก็อยากกลับบ้านที่ฝรั่งเศส” ลีโอ คนน้องเล่า
ในขณะที่อองตวนเล่าว่า “เราโดนเพื่อนแกล้งบ้างตามประสาวัยรุ่น อยู่แบบไม่มีเพื่อนเลยต้องอยู่คนเดียว กว่าผมจะพูดไทยได้ก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน อาศัยฝึกฝนเองและคุยกับเพื่อนๆ แต่น้องผมไม่ค่อยคุยกับคน เลยต้องใช้เวลานานมากกว่า
“แล้วตอนเรียนในโรงเรียน คุณครูก็ไม่ค่อยได้สอนอ่านหรือเขียน ส่วนมากจะให้ผมนั่งเฉยๆ แต่เราเริ่มมาเรียนอ่าน เขียนหลังจากออกโรงเรียนแล้วมากกว่า คือ พอเราเริ่มชกมวย เริ่มมีชื่อเสียงและได้สัมภาษณ์ลงหนังสือแล้ว ก็เลยพยายามฝึกอ่านว่าเขาพูดว่าอะไร เลยทำให้อ่านได้เขียนได้”
ทั้งคู่บอกว่าตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนหลังเรียนจบม.3 เพราะต้องการทุ่มเทให้กับมวยไทยเต็มที่
“ช่วงนั้นผมเรียนและชกมวยไปด้วย เราได้เข้าไปชกที่เวทีลุมพินี ได้ชกเวทีอ้อมน้อย ซึ่งต้องซ้อมมวยหนัก เวลาพักผ่อนไม่ค่อยมี จนถึงวันหนึ่งที่เราต้องคุยกับครอบครัว ทีมงาน และค่ายมวยว่าควรจะทำยังไง ควรจะเลือกเรียนการเรียน หรือเลือกชกมวย เพราะตอนนั้นถ้าจะให้ทำทั้งสองอย่างก็ไม่ไหวจริงๆ ครับ สุดท้ายเลยหันมาทุ่มเทด้านมวยจริงจัง
“แต่ถึงเราจะหยุดไปโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้หยุดหาความรู้ ยังอ่านข่าวและสร้างความรู้ให้แก่ตนเองตลอด คือ เราไม่ได้ออกมาเพราะแค่อยากออกมา แต่เราออกมาเพราะมีเป้าหมายและจุดมุ่งหมายที่จะทำต่อไป ผมเชื่อว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่มองว่าผมขี้เกียจไปโรงเรียน หรืออยากหยุดเพราะขี้เกียจ เขาคงจะไม่สนับสนุน แต่เราทำให้เขาเห็นว่าเราหยุดเรียนเพราะอะไร เพราะเราตั้งใจซ้อมมวย คุณพ่อคุณแม่เลยสนับสนุน” อองตวนเล่า
หากบอกว่าทั้งคู่มีสายเลือดนักกีฬามาจากคุณพ่อก็คงจะไม่ผิด เพราะคุณพ่อเขาเป็นนักสกีทีมชาติของฝรั่งเศส พอถามว่าได้เรียนรู้อะไรจากคุณพ่อที่เป็นนักกีฬาบ้าง
“คุณพ่อจะสอนให้เรามีระเบียบวินัยมากกว่า เขาสอนเราว่าทำยังไงก็ได้ให้ชนะ ไม่มีคำว่าแพ้ เพราะถ้าเราตั้งใจจริงและขยัน ก็จะไม่มีคำว่าแพ้ คือ คุณพ่อเข้าใจว่ามันเป็นกีฬา ต้องมีแพ้ มีชนะ แต่เขาอยากให้เราสู้และทำการบ้านให้เต็มที่ แต่ถ้าเราไม่เต็มที่ตั้งแต่ซ้อม และชกแพ้ อันนี้ก็อาจจะมีปัญหาแน่นอนครับ (หัวเราะ)” อองตวนตอบ
ลีโอยอมรับว่าเสน่ห์ของการชกมวยไทยคือ การได้เห็นคนดูสนุกสนานกับการแข่งขัน ทำให้มีกำลังใจในการชกมวยและมีความสุขทุกครั้งที่ขึ้นชก ในขณะอองตวนบอกว่าสิ่งทำให้เขาหลงใหลมวยไทยคือ การทำให้เขารู้จักชนะใจตัวเอง
“การชกมวยคือการเอาชนะใจตัวเอง เวลาขึ้นชก ไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังชกกับคนอื่น แต่เหมือนเรากำลังชกกับตัวเองมากกว่า เวลาคู่ชกต่อยโดนเรา เราจะไม่โกรธเขา เพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องต่อยเราอยู่แล้ว แต่เราจะโกรธตัวเองมากกว่าว่าปล่อยให้เขาต่อยโดนได้ยังไง ดังนั้นเราจึงต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองและใช้สมองในการชกมากๆ พอชกสำเร็จ เราก็จะภูมิใจว่าเราทำดีแล้ว เราทำสำเร็จแล้ว”
เส้นทางบนสังเวียน
อองตวนและลีโอได้ชื่อว่าเป็นนักมวยมีฝีมือมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะทั้งคู่มีโอกาสขึ้นชกเวทีใหญ่ๆตั้งแต่อายุได้แค่ 14 ปี นับว่าเป็นนักมวยขึ้นชกอายุน้อยที่สุดของเวทีลุมพินี ทั้งลีโอยังเคยได้รางวัล “นักมวยลุมพินียอดเยี่ยมแห่งปี 2010” จากเวทีลุมพินีมาแล้วด้วย
ทั้งคู่เผยว่าเคล็ดลับการชกมวยให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้อง “ใช้สมอง” ไม่ใช่แค่กำลังแค่กำลังอย่างเดียว ดังนั้นการขึ้นชกมวยในแต่ละครั้ง พวกเขาจะต้องมีการทำการบ้านเป็นอย่างดี เพื่อให้การชกในแต่ละครั้ง “เต็มที่” ที่สุด
“เราจะเน้นดูคู่ชกมากกว่าว่าเขาชกยังไง แล้วพยายามปรับสไตล์ให้เหมาะสม เช่น ล่าสุดที่ผมไปแข่งมวย “ไทยไฟต์ 2014” ที่มาเก๊าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คู่ชกเป็นคนจีน เราเห็นว่าเขาเป็นมวยแข็งแรง เน้นมวยหมัด เราก็จะพยายามเล่นสไตล์ฝืมือ ไม่มีเตะ จะได้ไม่โดนหมัดหนักๆของเขา ไม่ใช่เห็นว่าเขาต่อยหมัดแล้ว แล้วเราคิดว่าทำได้และต่อยบ้าง มันก็ไม่ใช่ เราจะต้องชกมวยแบบฉลาด” ลีโอเล่า ในขณะที่อองตวนเสริมว่า
“ก่อนชกเราต้องมีการแก้ตั้งแต่ซ้อม เพราะบางทีเราคิดว่าคู่ชกเป็นมวยหมัด แล้วเราต้องเตะ แต่พอขึ้นไปแล้ว เขาอาจจะแก้มาและปรับสไตล์ชกมวยมาใหม่ ดังนั้นเราจะต้องมีวางแผนก่อนว่าถ้าเตะไม่ได้ เราจะทำยังไงต่อไป จะต้องมีแพลนเอ แพลนบี แพลนซีมาก่อนตั้งแต่ซ้อม ไม่ใช้มานึกหรือแก้บนเวที เพราะถ้าเราใช้เวลาหนึ่งนาทีในการคิดแก้บนเวที ถึงตอนนั้นอาจจะช้าไปแล้วก็ได้
“อย่างตอนผมไปแข่งไทยไฟต์ 2014 ที่มาเก๊า ผมรู้ว่าคู่ชกฝีมือโอเค พื้นฐานดี เป็นมวยแข็งแรง หมัดหนัก แต่เรารู้ว่าเขาประสบการณ์น้อย เวลาขึ้นชกกับเรา ก็คงจะต้องเกร็งหรือกลัวเราบ้าง เราเลยต้องขู่ตั้งแต่แรกด้วย คือ ตั้งแต่ไปชั่งน้ำหนักเลย เพื่อดูว่าใจเขาจะดีหรือเปล่า คือการขู่ของผมอาจจะไม่ใช่คำพูด แต่อาจจะเป็นแววตาหรือแสดงตัวว่าเรามั่นใจมากกว่า พอเขาเห็นเรามั่นใจ ก็อาจจะเริ่มกลัวเราล่ะ (หัวเราะ) คือ เราก็ต้องใช้จิตวิทยาด้วยเหมือนกัน”
ความสามารถของพวกเขาพิสูจน์ได้จากการที่ทั้งคู่สามารถเอาชนะคู่ชกได้ในการแข่งขันไทยไฟต์ 2014 ที่มาเก๊าครั้งล่าสุดนี้ แต่ใช่ว่าหนทางการเป็นนักมวยอาชีพของพวกเขาจะโปรยไปด้วยกุหลาบเสมอไป เพราะสองพี่น้องยอมรับกับเราว่ามีหลายครั้งที่เคยท้อ จนอยากจะเลิกชกมวยไปตั้งหลายครั้ง เรียกว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“มีช่วงหนึ่งที่ผมชกแล้วแพ้บ่อย เพราะประสบการณ์ยังน้อยและคู่ชกเก่งกว่าเยอะ เลยท้อและอยากจะเลิกชกมวยมา 4-5 ครั้งแล้ว เราไม่รู้ว่าควรจะชกมวยดีไหม ไม่รู้ว่าเราเก่งจริงหรือเปล่า พอกลับไปบ้านคุยกับคุณพ่อว่าอยากเลิกมวยนะ พ่อก็บอกว่าไม่เป็นไร อยากเลิกก็เลิก แต่สุดท้ายเลิกได้แค่ 4-5 วันก็กลับมาซ้อมเหมือนเดิม เพราะทุกคนในบ้านชกมวยกัน ไม่งั้นผมไม่มีเพื่อน เลยต้องกลับมาซ้อมตลอด แต่พอชกไปเรื่อยๆ เริ่มได้ประสบการณ์ เก่งขึ้น รู้สึกดีกับตัวเอง ทำให้ผมได้ความมั่นใจกลับขึ้นมา” ลีโอเล่า ในขณะที่อองตวนก็บอกว่ามีช่วงเวลาที่เขาเคยท้อเหมือนกับน้องชาย
“ผมก็คงเหมือนกับลีโอ เราทั้งคู่ขึ้นมาเร็วมาก ผมชกมวยไม่ถึง 20 ครั้ง ก็ได้ขึ้นชกที่เวทีลุมพินีแล้ว ถือว่าน้อยมากสำหรับตอนนั้น เพราะแต่ละคนที่ชกส่วนใหญ่มีประสบการณ์ชกมากกว่า 200 ครั้งทั้งนั้น ตอนนั้นผมอายุแค่ 14 แต่ต้องมาเจอผู้ใหญ่ที่มีหนวด แล้วเราเป็นเด็ก พอชกก็รู้สึกเจ็บ หลังจากนั้นได้ต่อยออกตู้ รู้สึกว่าตัวเองมีชื่อแล้ว แต่พอได้เจอกับคนเก่ง แพ้ติดต่อกัน 5-6 ครั้ง ไม่มีคำว่าชนะเลย รู้สึกท้อไปเลย ลืมความรู้สึกของการชนะแล้วว่าเป็นยังไง ทำให้เราขี้เกียจซ้อม และอยากเลิก แต่สุดท้ายเทรนเนอร์ของผม (สมจิตร ใจดี) บอกว่าถ้ามึงซ้อมแบบนี้ ก็เลิกชกมวยดีกว่า ไม่ต้องต่อยละ แล้วเขาก็หายไปเป็นปีเลย
“ ทีแรกคิดว่าเดี๋ยวเขาคงกลับมา แต่หายไป 2- 3เดือน ติดต่อไปก็ไม่กลับมา เพิ่มเงินเดือน 10 เท่าก็ไม่มา เทรนเนอร์บอกว่าเรื่องตังค์ไม่เอาหรอก แต่ต่อยแบบนี้มันเสียชื่อ เหนื่อยไปเป็นพี่เลี้ยง แต่คุณต่อยแบบใจไม่สู้ แล้วจะไปทำไม ให้เงินเป็นล้านก็ไม่ไป หลังจากนั้นพอเรากลับมาขยัน เริ่มมีไฟต์ที่ชนะ เทรนเนอร์ถึงกลับมา ความจริงเขาไม่แคร์หรอกว่าเราจะแพ้หรือชนะ แต่เขาขอแค่ให้เรามีใจสู้เท่านั้นเอง”
พอถามว่าแมตช์ไหนที่เป็นแมตซ์สุดยอดในดวงใจบ้าง อองตวนและลีโอตอบตรงกันว่าไม่มีแมตช์ไหนถือว่าเป็นสุดยอด เพราะพวกเขาชอบทุกแมตซ์และเชื่อว่าทุกการแข่งขันช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้พวกเขามีวันนี้
เห็นพี่น้องคู่นี้เป็นนักมวยแข็งแรงอย่างนี้ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะเสียน้ำตาทุกครั้งที่แข่งแพ้!
“เรามีน้ำตาทุกไฟต์ เพราะเสียใจกับตัวเองว่าทำไม่ได้ เราทำไม่ดีพอ ถ้าเราทำดีกว่านี้ ก็คงจะชนะ ดังนั้นผมจะโทษตัวเองมากกว่า เลยจะเสียใจตรงนี้มากกว่าครับ” อองตวนเล่า
นอกจากจะเสียน้ำตาเพราะแข่งแพ้แล้ว ทั้งคู่ยังเผยว่าบางครั้งยังเสียใจที่คนดูไม่เข้าใจเวลาที่แข่งแพ้
“ ไม่มีใครขึ้นเวทีแล้วอยากแพ้หรอก ทุกคนอยากชนะทั้งนั้น” ลีโอว่า ในขณะที่อองตวนบอกว่าเสียใจที่เห็นคนรอบข้างเสียใจมากกว่า
“เราเหนื่อยมาเยอะ ทั้งซ้อม ทั้งลดน้ำหนัก ทุ่มเทกับมวย จนชีวิตส่วนตัวไม่มีเลย พอแข่งแพ้ ก็อยากให้คนดูให้กำลังใจเราว่าเดี๋ยวไฟต์หน้าก็เอาใหม่นะ หรือแพ้วันนี้ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็ชนะ แต่เขามาด่าเราว่าใจไม่สู้ เลิกมวยไปเลย ไปเป็นมวยโชว์เถอะ คือ เจอคำด่ามาเยอะมาก ผมไม่ได้เสียใจที่เขาด่าเรา แต่เสียใจที่คนรอบข้างเสียใจว่ามีคนมาด่าเรา เช่น คุณพ่อคุณแม่ได้ยินคนมาด่าลูก เขาก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา พอเราเห็นเขาเสียใจ เราก็เสียใจตรงนี้มากกว่า”
ตอนนี้ทั้งอองตวนและลีโอถือเป็นนักมวยชาวต่างชาติคู่แรกที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักมวยของไทยไฟต์ พวกเขาเผยความรู้สึกว่าภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนมวยไทยไปแข่งขันให้ต่างชาติได้เห็นฝีมือของแม่ไม้มวยไทย
“ผมภูมิใจครับ เพราะในไทยไฟต์มีนักมวยแค่ไม่กี่คน และเราเป็นต่างชาติคู่แรกที่อยู่ในไทยไฟต์ เราทั้งคู่เลยภูมิใจมาก” ลีโอบอกกับเรา ซึ่งเราก็เห็นความภูมิในในสายตาของพวกเขาทั้งคู่
วางแผนอนาคต
เมื่อเห็นว่าการเป็นนักมวยอาชีพ เมื่ออายุมากขึ้นก็ต้องมีวันหนึ่งที่ต้องเลิกรา อองตวนและลีโอเลยวางแผนอนาคตตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง รวมถึงวางแผนจะมีค่ายมวยของตัวเองในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้ทำงานมวยที่ตนเองรักต่อไป
“ความจริงเรามีค่ายมวยของตัวเองอยู่แล้วที่อ.บางสะพาน ประจวบฯ มีนักมวยอาชีพที่เราดูแลอยู่ประมาณ 5-6 คน เรากำลังสร้างให้เป็นเหมือนเราหรือดีกว่าเราในอนาคต นอกนั้นยังมีโปรเจกต์ทจะสร้างค่ายมวยในกรุงเทพฯ ด้วย ตอนนี้กำลังรอนักลงทุนอยู่ มีคนสนใจจะมาเปิดค่ายมวยกับเรา แต่คงต้องดูความเหมาะสมว่าคนไหนเราคุยด้วยแล้วสบายใจ หรือทำงานแล้วสบายใจ ถ้าคนไหนคุยแล้วถูกใจก็คงจะเปิดค่ายมวยเลย ระหว่างรอก็ยังชกมวยหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆครับ” อองตวนเล่า
ส่วนลีโอบอกว่านอกจากวางแผนจะทำค่ายมวยกับพี่ชายตัวเองแล้ว ตอนนี้เขายังเริ่มวางรากฐานในการทำธุรกิจที่เขาสนใจ แม้ตอนนี้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่เชื่อว่าจะทำให้เขามีประสบการณ์และสามารถต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆ ต่อไป
“ตอนนี้ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ Vice Seven เป็นแบรนด์ที่ผมออกแบบและทำขายในเว็บชื่อ www.viceseven.com สินค้ามีทั้งเสื้อยืด กระเป๋า หมวก ฯลฯ คอนเซ็ปต์แฟชั่นจะเป็นสตรีตแวร์ ออกแนววัยรุ่นๆ หน่อย ผมทำเองคนเดียว เพราะชอบวาดรูปอยู่แล้วเลยออกแบบเล่นๆ ในคอมพ์ และทำออกมาขาย ทำขายมาประมาณ 1 ปีได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย เด็กวัยรุ่นครับ”
ความรักของนักมวยสุดฮ็อต
เชื่อว่าความหล่อฮ็อตของสองพี่น้องคู่นี้ คงจะทำให้สาวๆ หลายคนอยากจับจองหัวใจของพวกเขา พอถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน อองตอนตอบว่า
“สเป็กหน้าตาผมไม่มีอะไรมาก คนที่ผมเคยคุยด้วยแต่ละคน หน้าตาก็ต่างกันมาก บางคนหน้าตาดี บางคนหน้าตาธรรมดา เพราะเรื่องนี้ไม่ค่อยสำคัญ สำคัญว่าคุยกันเข้าใจหรือเปล่ามากกว่า ความที่ผมเป็นนักมวยอาชีพ ก็อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจยากหน่อย เพราะเวลาไม่ค่อยมี ต้องทุ่มเทกับงาน ดังนั้นผู้หญิงที่จะเข้ามาก็ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย
“แล้วสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือ ผู้หญิงไม่รักครอบครัว ขี้เกียจ ไม่ตั้งใจทำงาน ไม่ขยัน ชอบผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้ เพราะผมเป็นคนรักครอบครัว”
ถ้ายังจำกันได้อองตวนเคยมีข่าวว่าเคยคบหาดูใจกับนักร้องสาว “หวาย กามิกาเซ่” มาก่อน ก่อนที่ตอนหลังทั้งคู่จะห่างๆ กันไป โดยเขาได้บอกเหตุผลที่ต้องห่างกับหวายว่า
“ผมคุยกับเขามาปีครึ่ง ตอนนี้ห่างกันมาพักใหญ่แล้ว อีกอย่างเขามีคนคุยด้วยใหม่แล้ว ก็คงจะหมดสิทธิ์ละ ส่วนผมตอนนี้ผมยังไม่ได้คุยกับใครเลย คือ มันเหมือนว่าเราไม่ค่อยมีเวลา เพราะทุ่มเทกับงาน และยังไม่ค่อยมีโอกาสเจอใครด้วย
“ที่ผมห่างกับหวาย เพราะผมไม่มีเวลาเลย เราเลยห่างกันไป ตอนนั้นเขากำลังจะมีอัลบั้มใหม่ ส่วนผมเพิ่งเข้าไทยไฟต์ ยุ่งมาก คือเวลาว่างไม่ตรงกัน จนตอนหลังๆ ไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ค่อยได้เจอ แต่ตอนนี้เรายังติดต่อกันอยู่บ้าง ยังคุยกันอยู่ เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมยังคุยกับครอบครัวเขาตลอด” เชื่อว่าคำตอบของนักมวยสุดฮอตคนนี้ คงทำให้สาวๆ มีเฮ เพราะเจ้าตัวสารภาพแล้วว่ากำลังโสดสนิท!
ส่วนลีโอ เราเห็นมีสาวน้อยหน้าแฉล้มตามมาให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นคนรู้ใจของเขานี่เอง น่าทึ่งว่าทั้งคู่คบกันมานานถึง 5 ปีแล้ว แถมฝ่ายหญิงยังเคยเป็นนักมวยดีกรีแชมป์โลกมาแล้วด้วย!
“ความจริงสเป็กผู้หญิงที่ผมชอบ ขอให้นิสัยดีก็พอครับ มันอยู่ที่ว่าเราเจอแล้วรู้สึกดีกับเขาหรือเปล่า หัวเราะ) อย่างคนที่ผมคบอยู่ตอนนี้ เขาก็เป็นคนดี น่ารักดี คบกับเขามาประมาณ 4-5 ปีแล้ว ผมชอบที่เขาเป็นผู้หญิงอบอุ่น ดูแลเราดีมาก จะคอยเป็นห่วงผมเสมอ “ ลีโอเล่า ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้สาวน้อยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วบอกว่าขออุบเรื่องคนรักไว้แค่นี้ก่อน เพราะไม่อยากเปิดเผยมาก
ความสุขวันนี้
ไม่น่าเชื่อว่าความสุขของนักมวยสุดฮ็อตคู่นี้ จะเป็นแค่ความสุขที่เรียบง่าย โดยอองตวนบอกกับเราว่า
“ความสุขของผมคือ หลังชกมวยเสร็จมีเวลาพัก 4-5 วัน ผมก็มีความสุขแล้วครับ เพราะต้องซ้อมเหนื่อยทั้งปี ทั้งเดือน แทบไม่ได้พัก ดังนั้นเวลาได้พักแล้วได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับคนที่เรารัก ผมก็มีความสุขแล้วครับ ไม่ต้องการไปเที่ยวเมืองนอก หรือต้องทำอะไรมากมาย นอกนั้นผมมีความสุขเวลาเห็นทุกคนจำเราได้ ทุกคนชื่นชม เหมือนเขาชอบผลงานเรา เลยมาเชียร มาให้กำลังใจทุกงาน ผมเลยมีความสุขกับตรงนี้มากกว่า” ในขณะที่ลีโอก็พยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย พร้อมถือโอกาสขอบคุณแฟนคลับด้วยว่า
“ผมอยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ติดตามเรา เพราะถ้าไม่มีแฟนคลับ เราก็คงไม่มีวันนี้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด
“ไฟต์ต่อไป เราจะมีแข่งอีกวันที่ 16 สิงหาคมที่กัวลาลัมเปอร์ เป็นมวยไทยไฟต์ มีถ่ายทอดมาให้ชมทางช่อง 3 ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเรื่องเวลาและยังไม่ทราบว่าจะต้องแข่งกับใคร แต่คิดว่าน่าจะแข่งกับคนมาเลย์ ดังนั้นก็อยากขอกำลังใจจากแฟนเยอะๆ เพราะเราต้องไปเจอกับเจ้าถิ่น ก็คงจะยากไปอีกแบบ แต่พวกเราจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเหมือนเดิมครับ”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
เรื่องโดย สุพรรษา แก้วแสงธรรม
ภาพโดย พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.antuan-siangboxing.jimdo.com, www.leo-siangboxing.jimdo.com และเฟซบุ๊ก “อองตวน ลีโอ ปินโต”
ชมคลิปอองตวน-ลีโอ ฝากข้อความถึงแฟนๆ
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754