xs
xsm
sm
md
lg

สวย เก๋ นางเอกป้ายแดง “แคท-ซอนญ่า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หน้าตาสวยคมชวนสะกดใจของสาวน้อยลูกเสี้ยวไทย-จีน-เลบานิส ที่ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้ในละครคือหัตถาครองพิภพจบสากลในบทคุณพราวพิลาศ ทำเอาหลายคนอยากทำความรู้จักกับสาวคนนี้ “แคท-ซอนญ่า สิงหะ” ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากความสามารถทางด้านการแสดงแล้ว สาวตาสวยคนนี้ยังมีดีกรีเป็นนักร้องดูโอ้สาว KAT-PAT จากค่ายอาร์เอส เจ้าของเสียงเล็กใสที่เคยฝากผลงานเพลงประทับใจใครหลายคนมาแล้วอีกด้วย

- ชิมลางละครเรื่องแรก “คือหัตถาครองพิภพจบสากล” กระแสตอบรับน่าชื่นใจขนาดไหน

ฟีดแบกสำหรับละครเรื่องแรกก็ดีมากๆ เลย ทำให้คนรู้จักเราเพิ่มมากขึ้นเยอะมากๆ เลย แล้วก็ทำให้เราได้มีงานอื่นเพิ่มเข้ามามากขึ้นค่ะ แล้วก็เป็นละครที่ทำให้คนจดจำเราเยอะ แล้วก็ตอนหลังไปไหนคนก็จะมักเรียกเราว่าคุณพราว (ยิ้ม) ก็รู้สึกดีที่ได้ยินคนเรียกเราว่าคุณพราว เพราะรู้สึกว่ามันก็คือส่วนหนึ่งของตัวเราค่ะ

- ได้ตามเช็คกระแส แล้วได้รับทราบมีคำวิจารณ์ ติ-ชม อย่างไรบ้าง

จริงๆ แคทก็มีโอกาสได้เช็คกระแสอยู่เหมือนกันอย่างในเว็บพันทิป ตอนแรกเนี่ยเข้าไปดูก็รู้เลยว่ากระแสเราแย่มากๆ เพราะมันเป็นละครเรื่องแรกของเราด้วย แล้วก็ตอนนั้นคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจในคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เราได้รับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากนะ คนดูก็จะบอกว่าทำไมเล่นแข็ง เราอ่านกระแสเราก็จะรู้ข้อติมาว่า เล่นแข็ง เล่นไม่สมูท แล้วก็จะหลังค่อมนะ พูดจาไม่ชัด เราก็เรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวเองในข้อผิดพลาดนั้น ซึ่งด้วยความที่ละครเรื่องนี้มันต้องถ่ายไปออนแอร์ไป มันก็จะเกิดความกดดันว่าเราไม่มีเวลาแล้ว ทุกวันคือวันถ่ายพรุ่งนี้ก็ไปออนแอร์แล้ว ซึ่งมันทำให้แคทรู้สึกเครียด พอเครียดมากๆ มันก็เลยกลายเป็นแรงผลักดันให้เราเล่นอย่างเต็มที่ และพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นกระแสก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่แคทเล่นฉากดราม่า ตอนคุณพ่อเสียในเรื่องก็ต้องดราม่าร้องไห้หนัก พอเราเล่นฉากร้องไห้ได้ปุ๊บคนก็เลิกด่าเลย (ยิ้ม)
“พราวพิลาศ” ในละครคือหัตถาครองพิภพจบสากล
- อย่างนี้แสดงว่ามีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นจากเดิมใช่ไหม

แฟนคลับกลุ่มเดิมตั้งแต่ตอนแคทยังอยู่กามิกาเซ่ก็ยังติดตามกันอย่างเหนียวแน่นค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็จะมีแฟนคลับหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย อย่างตอนที่แคทเป็นนักร้องเนี่ย แฟนคลับก็จะได้ตามเราในงานร้องเพลงหรือคอนเสิร์ต ทีนี้พอมารับเล่นละครพวกเค้าก็สามารถติดตามผลงานเราจากในทีวีได้ด้วย แล้วก็ผลงานอื่นๆ อีกด้วย มันก็เลยทำให้มีคนรู้จักเรามากขึ้น มีแฟนคลับมากขึ้น ที่สำคัญคือตัวเราเองก็มีโอกาสได้พบปะกลุ่มแฟนคลับมากขึ้นด้วยค่ะ

- ละครเรื่องนี้ยากสำหรับแคทหรือไม่ เพราะเป็นมือใหม่ทางการแสดง

เล่นละครเรื่องแรกยากมั้ยหรอคะ ในความรู้สึกแคทมันยากมากๆ เลย เพราะว่าด้วยความที่คาแรกเตอร์ที่เราได้รับมาเนี่ย มันเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนกับตัวจริงเราด้วย ในละครเรื่องนี้จะเล่นเป็นคนที่เรียบร้อยมากๆ เลย ซึ่งตัวจริงอาจจะไม่ได้เรียบร้อยเท่าตัวละครนั้น อีกอย่างหนึ่งก็คือปัญหาในเรื่องของแอคติ้งตอนช่วงแรกๆ ด้วยบทบาทตัวละครที่แคทได้เล่นเนี่ย ค่อนข้างที่จะมีฉากต้องร้องไห้เยอะ

- เห็นว่า ต้องมีการเรียนแอคติ้งก่อนถ่ายทำ

จริงๆ แล้ว แคทได้มีโอกาสเรียนแอคติ้งกับอาโย (ทัศนีวรรณ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา) มาก่อนบ้างแล้ว ซึ่งโชคดีมากที่อาโยได้มาเป็นแอคติ้งโค้ชในละครเรื่องนี้ของแคทด้วย อาโยจึงจะคอยเทรนให้เราตลอด ซึ่งแคทเชื่อว่าที่เราสามารถเล่นออกมาได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการสอนของอาโยด้วยค่ะ คือตอนแรกๆ แคทร้องไห้ไม่ได้ อาโยก็จะคอยบิ้วต์เรา มีการบอกเทคนิคต่างๆ นานา จนทำให้เรารู้สึกอินกับบทบาท อินกับเนื้อเรื่องไปจริงๆ ทีนี้ฉากที่ต้องร้องไห้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป (ยิ้ม)
ส่วนพี่ๆ ในกองก็จะช่วยสอนด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นพี่จักจั่นก็จะสอนเราว่า เล่นต้องเล่นให้ดี เล่นยาวไปเลยนะ เพราะการ Insert ภาพเนี่ย เราไม่รู้ว่าคนตัดต่อเค้าจะตัดช่วงไหนยังไง แล้วก็จะมีเทคนิคอะไรอีกหลายๆ อย่าง

- เล่นกับดารามือโปร ไม่ว่าจะเป็น ป็อก-ปิยธิดา, จักจั่น-อคัมย์สิริ มีความกดดันมากขนาดไหน

จริงๆ ตอนแรกก็ค่อนข้างกดดันค่ะ เรากังวลว่าจะไปเป็นตัวถ่วงพี่ๆ เค้าหรือเปล่า เพราะเราอาจจะต้องเล่นหลายเทค แต่ตอนหลังๆ คือรู้สึกดีมาก เพราะพี่ๆ ทุกคนให้กำลังใจ ไม่ได้ดุ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด พี่ๆ ทุกคนเอ็นดูแคทเหมือนน้อง แล้วก็จะสอนว่า ต้องทำแบบนี้นะ ต้องทำแบบนั้นนะ
แล้วมีครั้งนึงแคทป่วยค่ะ พี่ป็อก-ปิยธิดา, พี่เฟรช-อริศรา, พี่จักจั่น-อคัมย์สิริ ทุกคนก็ช่วยกันหามแคทไปพักทุกงานเลย ด้วยความที่ละครถ่ายไปออนแอร์ไป ถ่ายถึงตีสี่ตีห้าทุกวัน บางวันก็เจ็ดโมงเช้า คือเป็นแบบนี้ทั้งอาทิตย์ ก็ถ่ายด้วยกันอยู่สองเดือน เพราะฉะนั้น แคทก็จะรักพี่ๆ ทุกคน บางวันถ่ายเป็นสิบๆ ซีน ต้องย้ายโลเคชั่น ทุกคนก็จะเป็นห่วงเราตลอด ต้องหามเราคนนึง พี่เฟรชถือยาดม พี่อีกคนถือเก้าอี้ คือแบบดูแลเราดีมากๆ เลยค่ะ

- บรรยากาศในกองถ่ายเป็นอย่างไรบ้าง เพราะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เซฟฟานี่ อาวะนิค, นวินดา เบอร์ต๊อดตี้, ชินวุฒ อินทรคูสิน

โอ้ย เพื่อนๆ กองนี้เม้าท์กันกระจายค่ะ (ยิ้ม) แล้วยิ่งส่วนมากเป็นลูกครึ่งด้วย ก็จะพูดภาษาอังกฤษกันตลอดเวลา พอเวลาพี่ๆ ทีมงานเดินเข้ามาก็จะถามว่า นี่อยู่เมืองนอกหรอเนี่ย เป็นดงฝรั่งเลยคุยกันแต่ภาษาอังกฤษกัน ก็ตลกดีค่ะ ส่วนในกองแคทว่าแคทก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษนะคะ ถ้าสนิทจริงๆ ก็น่าจะเป็นพี่ชิน-ชินวุฒ กับพี่ซัน-พิชยดนย์ เพราะพี่ๆ สองคนนี้จะคลุกคลีกับเรามากที่สุด ด้วยความที่เค้าต้องเล่นเป็นคู่เราทั้งสองคน ก็เลยจะวนเวียนอยู่กับสองคนนี้ตลอด ส่วนบทพี่น้องเนี่ย จริงๆ ในเรื่องก็จะเห็นเลยว่าเราไม่ค่อยได้คุยกับพี่น้องเลย จะคุยอยู่กับพระเอกตลอด (หัวเราะ)

- ฉากที่คิดว่ายากที่สุด

ฉากที่ยากที่สุดตั้งแต่ถ่ายมา น่าจะเป็นฉากตอนที่เรารู้ว่าแฟนเราไปทำผู้หญิงคนอื่นท้อง มันเป็นความรู้สึกที่ต้องผิดหวังมากๆ เลย อีกฉากที่ยากมากๆ เลย คือฉากที่ลูกตาย มันค่อนข้างที่จะดราม่านะ เพราะหนึ่งตัวเราเองยังไม่เคยมีลูก แต่เราเข้าใจว่าความรักของแม่มันยิ่งใหญ่มาก แต่เราอาจจะยังไม่สามารถสื่อถึงได้ขนาดนั้น เราก็จะกลัวๆ ว่า ฉากนี้จะส่งอารมณ์ได้ถึงหรือเปล่า เพราะว่ามันเป็นบทที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน

- งานหินเหมือนกันเพราะเรื่องนี้ต้องรับบทตั้งแต่เด็กยันโต

จริงๆ บทมันไล่มาตั้งแต่ตอนอายุ 13-14 เลยนะคะ ฉากช่วงอายุนั้นแคทก็คิดว่ายากเหมือนกัน เพราะต้องเล่นให้เป็นเด็กๆ เลย ใส่ชุดมัธยม ทำตัวเหมือนเด็ก ซึ่งละครเรื่องนี้คือทำให้เราได้ลองเล่นหลายๆ อย่างเลย เพราะไทม์ไลน์ของอายุตัวละครมันยาวมาก ตั้งแต่ยังเป็นเด็กไปจนถึงตอนแต่งงานเลย

- ประสบการณ์งานละครครั้งแรก ได้ให้ข้อคิดอะไรกับเรา

อย่างแรกคือความอดทน แคทเนี่ยเจอมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงเจ็ดโมงเช้าของอีกวัน เพราะฉะนั้น จะไม่กลัวการถ่ายละครแล้วต้องเลิกดึกๆ เลย แล้วแคทจะเป็นคนที่จำตารางงานได้เอง ว่าวันนี้ถ่ายละคร วันนั้นถ่ายละคร จะไม่ต้องรอมาถามผู้จัดการเลย ทั้งวันก็จะยกให้ไปเลยว่าเป็นวันทำงาน อย่างที่สองคือแคทได้เรียนรู้พฤติกรรมในกองถ่าย อยู่อย่างไรให้มีความสุข ถ้าอยู่เป็นมันก็จะมีความสุข เรารู้สึกเหมือนการมาเจอเพื่อน มาเจอครอบครัว ส่วนเรื่องแอคติ้งแคทคิดว่าพอผ่านละครคือหัตถาฯ มาได้มันสบายเลย
แม่หญิงไทยในภาพยนตร์ “ผีห่าอโยธยา”
- อัปเดตผลงานชิ้นต่อไปมีอะไรบ้าง

เดี๋ยวจะมีผลงานละครอตีตาค่ะ น่าจะออนแอร์ราวปลายปี ซึ่งบทบาทที่ได้รับแตกต่างมากจากเรื่องนี้ แต่จริงๆ แคทรับเล่นละครอตีตามาก่อนคือหัตถาฯ ซึ่งบทในเรื่องอตีตาเนี่ย เรารับบทเป็นตัวร้าย ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรแค่อยากลองเล่นดู แต่พอมารับเรื่องที่สองคือหัตถาฯ เราได้มาเป็นนางเอก เพียงแต่ว่ามีคิวออนแอร์ก่อน ซึ่งละครอตีตาจะรับบทร้าย แต่ก็ไม่ได้ร้ายแบบสุดๆ จะเป็นร้ายแต่ยังมีความน่ารักอยู่ ร้ายแบบเด็กๆ ซึ่งจริงๆ ตัวละครนี้มีสีสันมาก จะมีแอบตลกนิดๆ ซึ่งอันนี้แคทไม่รู้นะว่าคนอื่นๆ จะมองว่าแคทตลกหรือเปล่า แต่จริงๆ แคทว่าตัวแคทเองเป็นคนตลก (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น ถ้าใครที่ไม่เคยเห็นอีกมุมตลก ไม่ได้สัมผัสตัวจริงแคทก็คงจะไม่รู้ แต่สำหรับบทละครเรื่องนี้ก็คงเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่น่าจะไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ ก็อยากจะให้ผู้ชมละครมีความสุข ได้มีรอยยิ้ม เพราะแคทเล่นเป็นตัวเองจริงๆ อย่างบางฉากที่เข้ากับพี่ปุ๊กลุ๊ก พี่เค้าขำแล้ววิ่งออกไปเลยก็มีนะ เพราะเค้าขำ ผู้กำกับก็ขำ แล้วมันก็เป็นตัวละครที่เล่นได้เยอะ Improvise ได้เยอะ

- ผลงานอีกอย่างคือภาพยนตร์ “ผีห่าอโยธยา” ของคุณชายอดัม

ใช่ค่ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเป็นพีเรียดแบบเก่าเลย เก่ากว่าคือหัตถาฯ อีก ซึ่งเป็นหนังผี แต่ไม่ใช่ผีตลก เป็นผีจริงๆ เลยค่ะ แต่แคทไม่ได้รับบทเป็นผีนะคะ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ เราก็ได้รับบทเป็นนางเอกในเรื่องนี้ ก็จะมีพระเอกคือพี่เต้ย-พงศกร ช่อง3 บทภาพยนตร์อันนี้ค่อนข้างจะท้าทาย ซึ่งเหตุผลที่รับเล่นเนี่ย เพราะบทมันเป็นตัวเองมากๆ จากที่แคทอ่านคาแรกเตอร์มาเนี่ย จะเป็นคนที่สปอยล์นิดนึง เอาแต่ใจบ้าง แล้วก็เป็นคนที่ไม่ยอมคน สไตล์เหมือนคุณหนูนิดนึง ถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหินมา แต่ว่าเรารักผู้ชายคนนี้ เราก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก มันก็ไม่ได้ตรงกับตัวแคทแบบเป๊ะๆ แต่ว่ามันก็มีบางส่วนที่ใกล้เคียงกับเรา
อดีตดูโอ้นักร้อง “KAT-PAT”
- ในฐานะที่เคยเป็นนักร้องมาก่อน ตอนนี้มาเล่นละคร มีความแตกต่างกันหรือไม่

การทำงานแตกต่างกันมั้ย แตกต่างกันเยอะนะคะ เพราะตอนเป็นนักร้องเรายังเด็กๆ อยู่บริษัทมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนก็จะเอ็นดูเรา เราก็จะคิดว่าเราทำอะไรก็ได้ไม่ผิด เพราะทุกคนรักและให้อภัย แต่พอมาทำงานตรงนี้มันทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้ว การทำงานมันเป็นอะไรที่สำคัญกว่านั้น แคทมาถึงจุดๆ นี้ ต้องโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แล้วก็มีความตั้งใจมากๆ ที่จะอยู่ช่อง 7 ด้วย แคทเลยรู้สึกว่าพอมาอยู่ตรงนี้เราทำอะไรพลาดไม่ได้อีกแล้ว เราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อีกอย่างนึงคือเรามือใหม่มากในวงการนี้ ในวงการละคร ในช่อง เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเรียนรู้ ระมัดระวังตัวเอง แล้วก็ตั้งใจทำงานมากขึ้น

- ทำไมถึงตัดสินใจ โบกมือลาวางไมค์

หนึ่งคือตอนนั้นเราร้องเพลงกับน้องสาว (แพท-ภิรญา สิงหะ) พอมาถึงจุดๆ นึงเราก็คุยกันว่า จะทำต่อมั้ย น้องสาวแคทเองเค้าก็ไม่ค่อยชอบด้านนี้ เค้ารู้สึกเหนื่อยก็เลยตัดสินใจว่าจะทำอย่างอื่นดู ตัวแคทก็คุยกับผู้จัดการว่าอยากลองเล่นละคร ก็เลยพาไปช่อง 7 ตอนนั้นก็ตกลงเซ็นสัญญา ซึ่งอาร์เอสเค้าก็ให้โอกาสเราเต็มที่ค่ะ ไม่เคยคิดจะกั๊กเราเลย พอเห็นว่าเรามีอนาคตที่ดีก็อยากให้เราได้ไปลองดู ซึ่งตอนนั้นแคทคิดว่าการเล่นละครมันแปลกใหม่ดี ก็เลยอยากลองค่ะ

- หรือเป็นเพราะเราคิดว่า การเป็นนักร้องยังไม่ประสบความสำเร็จ

ในความคิดของแคท มันก็ประสบความสำเร็จนะคะ แต่หลายๆ คนก็คงมองว่ามันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น ไม่ได้ถึงขั้นดังเว่อร์ แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้เลย เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ไม่ใช่ทุกคนจะได้มาเป็นนักร้อง จะได้มีเพลงเป็นของตัวเอง ได้ขึ้นคอนเสิร์ตพารากอน 4-5 ครั้ง ได้ร้องเพลงในราชมังคลาฯ หรืออะไรก็ตาม แคทรู้สึกว่ามันมากกว่านั้น มากกว่าที่จะโฟกัสไปว่าเราดังหรือไม่ดัง

- หากมีโอกาส ยังอยากกลับไปจับไมค์ร้องเพลงหรือไม่

แคทไม่เคยเกี่ยงนะคะ คือถ้าแคทได้มีโอกาสกลับไปร้องเพลงแคทก็ทำ ซึ่งก็ยังหาเวลาเข้าไปที่บริษัทตลอด ยังทำตัวเหมือนเรายังอยู่ในอาร์เอส เดินเข้าไปพี่ๆ ทุกคนก็เหมือนเดิม ยังเคยคุยกันอยู่เลยว่า ถ้ามีคอนเสิร์ตเดี๋ยวจะให้มาจอยนะ คือไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางอาร์เอสเลยค่ะ แล้วแคทคิดว่า เราได้อะไรติดตัวมาเยอะค่ะ แคทรู้สึกว่าอาร์เอสได้สอนอะไรแคทมาเยอะมาก การที่แคทได้เริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก มันทำให้เรามีวุฒิภาวะในการทำงานพอสมควร แล้วก็ทำให้แคทเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย

- ได้เข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย แสดงว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นแม่ดันช่วยสนับสนุน

คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนทุกอย่างที่เราอยากทำค่ะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เค้าจะเป็นกำลังให้เสมอแล้วก็ติดตามผลงานเราตลอด (ยิ้ม) ตกกลางคืนก็จะมานั่งดูละครลูก คุยกันว่าตอนนี้สนุกนะ เล่นดีนะ อะไรอย่างนี้ ซึ่งจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่ค่อยได้ตามเราไปงาน เค้าปล่อยเราทำงานตั้งแต่เด็ก คือแคทก็เกรงใจด้วย เลยให้ติดตามอยู่ที่บ้านดีกว่า ซึ่งผู้จัดการก็เหมือนแม่คนที่สอง คอยดูแลจัดการอะไรให้เราอยู่แล้วด้วยค่ะ

- แล้วคุณพ่อคุณแม่ ให้อิสระกับเรามากขนาดไหน

คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยว่าเลย เลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ให้ลูกได้ตัดสินใจเอง ให้ทำงานอย่างมีอิสระตั้งแต่เด็ก แต่ก็จะมีกฏบ้าง อย่างเรื่องการกลับบ้าน แล้วก็กฎเหล็กคือห้ามนอนค้างที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน แคทเนี่ยไม่เคยนอนบ้านเพื่อนเลย ไม่ว่าจะกลับดึกแค่ไหน ก็ต้องกลับมานอนที่บ้าน พื้นฐานเราก็เลยค่อนข้างเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองได้ ไม่มีใครโนเนะหลุดมาเลยนะ (หัวเราะ) อีกอย่างคือแคทจะสนิทกับแพท น้องสาว เพราะเราห่างกันแค่ปีเดียว ก็เลยจะเหมือนเพื่อนกันเลย

- สุดท้าย การทำงานหาเงินได้ตั้งแต่เด็ก ทำให้เรามีข้อคิดในการใช้เงินอย่างไร

ช่วงแรกๆ ที่หาเงินได้ แคทตื่นเต้นมากๆ และก็ใช้มันแบบง่ายๆ เพราะเราคิดว่ามันหาได้ง่าย ไม่ได้ยากอะไร อย่างเช่นออกอีเวนต์ก็ได้เงิน ถ่ายรูปลงโซเชียลก็ได้เงิน มันดูง่ายไปหมด ก็เอาไปซื้อรองเท้าแพงๆ กระเป๋าแพงๆ ใช้เงินสุดโต่งเกินไป พอถึงจุดๆ นึงก็รู้สึกว่าเห้ย ถ้าวันนึงเราจะเลิกทำงานนี้ไป เราก็คงไม่เหลืออะไรนอกจากรองเท้ากับกระเป๋า (หัวเราะ) ก็เลยคิดได้ว่า มันไม่ใช่เแล้ว อีกอย่างแคทมีความเชื่อว่าให้เงินพ่อ-แม่แล้วชีวิตเราจะเจริญ ตอนแรกแคทไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยนะ เพราะพ่อแม่ก็คงไม่เคยจะมาต้องการเงินอะไรจากเราอยู่แล้ว แคทหาเงินเทียบเค้าไม่ได้อยู่แล้ว แต่แคทก็ลองดูให้เดือนนึงก็เป็นหลักหมื่น สักพักให้หลักแสน ตอนหลังคือก็ให้หมดเลย แล้วเหลือเก็บไว้ที่ตัวแค่ 10% พอ แล้วเชื่อมั้ยว่ายิ่งให้แคทก็ยิ่งได้เพิ่มมากขึ้น ยิ่งหาเงินได้เยอะมากขึ้น

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : ซอนญ่า สิงหะ
ชื่อเล่น : แคท
วันเกิด : 8 เมษายน พ.ศ. 2537
พี่น้อง : 3 คน พี่ชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน
การศึกษา : ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด
ผลงานเด่น : นักร้องค่ายกามิกาเซ่ ในชื่อ KAT-PAT
ละครคือหัตถาครองพิภพจบสากล
ความใฝ่ฝันในอนาคต : พิธีกร, ผู้จัดละคร

เรื่องโดย สุภิญญา นาคมงคล
ภาพโดย ปวริศร์ แพงราช



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


กำลังโหลดความคิดเห็น