กลายเป็นข่าวสะเทือนใจในโลกออนไลน์เพียงช่วงข้ามคืน เมื่อภาพจากคลิปวีดีโอที่พลเมืองดีรายหนึ่งถ่ายเก็บไว้ ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวเน็ต ว่ามีสุนัขผู้น่าสงสารกัดลิ้นตัวเองจนเลือดโชก ก่อนดิ้นพล่านอย่างทรมานเพราะขาดอากาศหายใจ บวกกับทนความร้อนภายในรถไม่ไหว จนเกิดเป็นเสียงประนามดังระงมต่อผู้ชมคลิปว่า "เจ้าของสุนัขคือฆาตกรดีๆ นี่เอง"
หากสืบย้อนไปถึงปัญหาดังกล่าว แน่นอนว่าการตายของชีวิตบริสุทธิ์ครั้งนี้ ย่อมไม่ใช่เคสแรกที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา ชีวิตแล้วชีวิตเล่าของเด็กตัวน้อยและสัตว์เลี้ยงจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนตกเป็นเหยื่อของความประมาทของผู้ปกครองและเจ้าของมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ชี้แจงว่า
"สาเหตุที่มีการเสียชีวิตในรถยนต์ โดยมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะความร้อนภายในที่เพิ่มสูงขึ้น มากกว่าการขาดอากาศหายใจอย่างที่คนเข้าใจ อย่างเหตุที่มีเด็กเสียชีวิตกันบ่อยๆ เท่าที่หมอเคยสัมผัสมา ก็เป็นเพราะความร้อนนี่แหละ ส่วนกรณีสุนัขที่เป็นข่าวก็เช่นกัน สังเกตุได้ง่ายๆ ว่าเจ้าของ เปิดกระจกทิ้งไว้ให้เขาหายใจแล้ว แต่เขาก็ยังทุรนทุราย"
นอกจากนี้นายแพทย์ ยังระบุอีกว่า การที่บรรดาพ่อแม่หรือผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงปล่อยเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้เพียงลำพังภายในรถ อาจไม่อันตรายมากนัก หากรถคันดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ร่มเงา อากาศถ่ายเทสะดวก ดับเครื่องและเปิดกระจกทิ้งไว้
แต่ทว่า ถ้ารถคันนั้นไปจอดอยู่ท่ามกลางแดดจ้า ที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ เกิน 30 นาที แค่เวลา 5 นาที คนเราก็จะไม่สามารถทนอยู่ได้แล้ว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ นั่นเพราะกระบวนการขับความร้อนของร่างกายที่มาในรูปของเหงื่อจะหยุดทำงาน ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด หยุดหายใจ อวัยวะทุกอย่างก็จะหยุดทำงาน
ขณะเดียวกัน รศ.นพ.อดิศักดิ์ ยังย้ำเตือนเพิ่มเติม "พ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังบุตรหลานให้มากขึ้น โดยอย่าทิ้งลูกไว้ในรถที่จอดกลางแจ้งเด็ดขาด ต้องนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงลงจากรถไปด้วยทุกครั้ง ที่สำคัญคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า ถ้าเปิดกระจกแง้มไว้ให้มีอากาศหายใจก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่จริง ๆ แล้วเด็กไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศ แต่เสียชีวิตเพราะความร้อนในรถที่เพิ่มสูง ดังนั้นไม่ควรปล่อยเด็กไว้เด็ดขาด หรือแม้แต่จอดรถในที่ร่มก็เสี่ยงได้เช่นกัน อันนี้ก็ห้ามประมาทและต้องระวัง แต่อาจใช้เวลานานกว่าจอดรถกลางแจ้ง"
ส่วนกรณีลืมเด็ก หรือทิ้งสัตว์ไว้ในรถ เพื่อไม่ให้ชีวิตที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั้นเกิดภาวะ "ช็อคร้อน" หรือ heat stroke นายแพทย์ เผยแนวทางการป้องกันว่า
1.ควรอุ้มหรือพาเด็กลงจากรถด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะคิดว่าลงรถไปเพื่อซื้อของเล็กน้อย หรือเพียงแต่เดินไปเก็บของที่กระโปรงหลังรถ เพราะเด็กมักซุกซนและไม่รู้ระบบภายในรถ เด็กอาจจะกดเซ็นทรัลล็อก เบรกมือ หรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งนั่นอาจเป็นภัยอีกชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
2.แม้ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ที่พาลูกขึ้นรถไปด้วยเองก็ตาม เมื่อลงจากรถต้องสำรวจให้แน่ใจว่าลูกลงจากรถแล้วมายืนกับพ่อแม่แล้วเรียบร้อย เพราะพ่อแม่บางคนมักจะเข้าใจว่าลูกลงจากรถมาเองแล้ว
3.หากมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องปล่อยลูกไว้ในรถ ควรลดกระจกรถทั้ง 4 ด้านลง 1/4 เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ควรปล่อยลูกไว้นานเกิน 10 นาทีเด็ดขาด
ไม่เพียงเท่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังทิ้งท้ายไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไม่คาดฝันจริงๆ ดังนี้
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อเด็กช็อกความร้อน
1.อุ้มผู้ประสบเหตุออกมานอนในที่ร่ม อากาสถ่ายเทสะดวก หรือให้เปิดพัดลมเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศ
2.ถ้ามีชุดให้คลายชุดจนหลวมหรือถอดชุดออกเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
3.ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้า ศีรษะ และตามหลอดเลือดใหญ่ อย่าง ซอกคอ แขน และขา
4.อย่าป้อนน้ำในขณะยังไม่ได้สติดี เพราะจะยิ่งทำให้มีอันตรายจากการสำลักมากขึ้น
5.รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ได้รักษาและช่วยเหลือต่อไป
อย่างไรก็ดี จากคำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญ เวลาเพียงแต่ 5-10 นาทีที่คนเป็นพ่อแม่อาจคิดว่าไม่เป็นไร ทิ้งลูกรักและสุนัขสุดหวงไว้เดี๋ยวเดียวในรถ ก็อาจนำมาซึ่งความตายอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งช่วงแดดร้อนจัดๆอย่างบ้านเราในเวลานี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องตะหนักกันให้มาก เพราะการสูญเสียที่ผ่านๆ มา ไม่ใช่ศพแรกที่ตั้แงตายเพื่อเป็นบทเรียนให้กับเรา
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ LIVE
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต