“แกรนด์ ยู” เผยปีที่ผ่านมามียอดรับรู้รายได้กว่า 3,123 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้จะโดนมรสุม EIA เมื่อปลายปี 2556 เชื่อเพราะสินค้าดี ทำเลดี และราคาเหมาะสม พร้อมเดินหน้าเปิด 3 โครงการใหม่ วางเป้าขาย 6,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25% เร่งพัฒนาองค์กร ชูเป็นต้นแบบผู้พัฒนาคอนโดฯ แนวใหม่ เผยปี 58 เปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 7,000 ล้านบาท
นายเนรมิต สร้างเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (แกรนด์ ยู) บริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ คอนโด ยู, ยู ดีไลท์ และยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของแกรนด์ ยู เป็นไปอย่างน่าพอใจ มีการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้กว่า 3,123 ล้านบาท ซึ่งตกเป้าไปจำนวนหนึ่ง เนื่องจากมีการยกเลิกงานก่อสร้างไป 2 โครงการ อันเป็นผลกระทบจาก EIA แต่มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อยอดรับรู้รายได้ปีนี้ เพราะได้เร่งก่อสร้างโครงการเพื่อโอนในปีนี้มาชดเชยแล้ว
ส่วนปี 2557 เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3 มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท, ยู ดีไลท์ @ ตลาดพลู สเตชั่น มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท และ ยู ดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 8,200 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการมียอดจองที่น่าพอใจ ถึงแม้จะเปิดตัวในช่วงสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ หากทำเล และราคาน่าสนใจผู้บริโภคก็ยังยินดีจ่าย และเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ประชาชนยังมั่นใจในศักยภาพ และปัจจัยพื้นฐานของประเทศในระยะยาวอยู่
โดยในปี 57 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,400 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 25% จากปี 56 ที่ตั้งเป้าจะทำได้ 5,137 ล้านบาท แต่สามารถทำได้ 3,608 ล้านบาท เนื่องจากยกเลิกการก่อสร้างไป 2 โครงการ
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 จะมีการเปิดตัวใหม่อีก 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยได้ซื้อที่ดินใหม่อีก 4 แปลง คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท
ชูต้นแบบผู้พัฒนาคอนโดฯ แนวใหม่
สำหรับแผนงานหลักในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาองค์กร เพื่อเป็นต้นแบบของผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแนวใหม่ คือ มีคุณภาพ มีความจริงใจ เชื่อถือ และวางใจได้ และนำเทคโนโลยีมาใช้งานเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนทัศนคติที่ผู้บริโภคมักมองว่าอาจถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบ จึงจับตามอง และไม่ไว้วางใจ โดยคาดว่า แกรนด์ ยู จะทำได้สำเร็จในปีนี้ เพราะมั่นใจว่ามีพื้นฐานดีที่สามารถก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปตามกำหนดเวลาที่ให้ไว้ อีกทั้งคุณภาพงานเป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจในตัวผู้ประกอบการ
“ปีนี้เราเปิดโครงการใหม่ไปหมดแล้ว ไม่ห่วงเรื่องยอดขายแล้ว งานในปีนี้จึงเป็นเรื่องการก่อสร้างโครงการที่เปิดขายในปีที่แล้ว โดยปลายปีนี้จะทำการโอน 6 โครงการ สำหรับเรื่องการก่อสร้างเราไม่ห่วง เพราะเรามีประสบการณ์มากว่า 10 ปี หลายปีที่ผ่านมา เรามุ่งมั่น และเน้นเรื่องการสร้างคุณภาพ จนเกิดเป็นคัมภีร์งานก่อสร้างที่สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็วจนเป็นที่พอใจแล้ว”
ดังนั้น ปีนี้เราจึงจะพัฒนาองค์กรให้แข็งแกร่ง ทั้งบุคลากร ด้านการบริการ และระบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างเกินความคาดหวัง โดยเป้าปีนี้ของเราคือการเป็นต้นแบบของผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแนวใหม่ ลูกค้าต้องมั่นใจ และเชื่อถือในความตั้งใจของเรา ว่าเราสร้างจริง เราดูแลรับผิดชอบจริง และสิ่งสำคัญคือ เราไม่ทอดทิ้งลูกค้า โดยการตั้งทีมงาน Home Friendly เพื่อดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องในห้องชุด และสภาพแวดล้อมภายในโครงการ และดูแลไปตลอดแม้จะหมดระยะเวลารับประกันไปแล้ว ซึ่งเมื่อโครงการดี ดูสวยสมบูรณ์ ก็จะส่งผลให้มีราคาขายต่อที่ดี
นอกจากนั้น เรายังนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการบริการลูกค้า เช่น การมีโปรแกรมตรวจคุณภาพห้องชุดบน iPad ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะงานซ่อมแซมห้องของตัวเองได้ หรือระบบ Grand U Member ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบการชำระเงิน เมื่อชำระเงินแล้วไม่ต้องรับใบเสร็จกระดาษแบบเดิม สามารถไปตรวจสอบในระบบออนไลน์ได้ อีกทั้งยังตรวจสอบมูลค่าห้องชุดที่เพิ่มขึ้น ตรวจสอบความคืบหน้างานก่อสร้าง และเรียกดูเอกสารเกี่ยวกับห้องชุดได้ในระบบออนไลน์ เป็นต้น ระบบต่างๆ เหล่านี้จะสร้างความเคยชินให้ลูกค้าว่าแกรนด์ ยู มีความซื่อตรง เปิดเผย หลักฐานทุกอย่างตรวจสอบได้ตลอด โดยตั้งเป้าภายในปีนี้เราจะพัฒนาออกมาเป็น 7 ต้นแบบผู้พัฒนาคอนโดมิเนียม คือ มีแบบห้องที่สวย ก่อสร้างรวดเร็ว มีคุณภาพที่วางใจได้ ห้องชุดมีราคาขายต่อไม่ตก ดูแลตลอดไปไม่ทิ้งลูกบ้าน มีความจริงใจจากใจจริง และพัฒนางานให้ดีขึ้นทุกวัน
“การลบภาพที่ผู้บริโภคมองว่าผู้ประกอบการจะเอาเปรียบ ต้องเกิดจากความไว้วางใจ เราจึงตั้งใจทำงานให้ออกมามีคุณภาพ ทำครั้งเดียวให้จบ ลูกค้าไม่ต้องจับผิดว่าเราทำงานไม่ดีเพราะมันดีอยู่แล้ว ที่สุดแล้วผมมั่นใจว่าลูกค้าเห็นความตั้งใจ และคุณภาพของเรา ก็จะรับมอบห้องโดยไม่ต้องตรวจห้องเลยก็ได้ และผมอยากขยายแนวคิดนี้ออกไปให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ได้พัฒนาการทำงานไปพร้อมๆ กัน ถ้าทุกบริษัททำคุณภาพ และมีการดูแลลูกค้าที่มีมาตรฐานที่ดีเหมือนกันก็จะสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ผู้บริโภคมีต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ได้”