UV บริษัทอสังหาฯ ในเครือเจ้าสัว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เดินหน้าลงทุนคอนโดฯ 6 โครงการ มูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 9,035 ล้านบาท โต 48.5% หวังการเมืองจบเร็ว กำลังซื้อฟื้น ส่วนปี 56 รายได้ 6,083 ล้านบาท
นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนลงทุนในปี 2557 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังคงยืดเยื้อ โดยหวังว่าการเมืองจะจบเร็วภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ตั้งเป้าเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท ภายใต้การบริหารของบริษัทแกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100%
สำหรับ 6 โครงการใหม่ที่จะลงทุนในปีนี้ ปัจจุบันมีที่ดินแล้ว 3 แปลง ส่วนอีก 3 แปลงที่เหลืออยู่ระหว่างสรรหา โดยยังคงเหลืองบซื้อที่ดินอีก 600 ล้านบาท จากทั้งหมด 1,030 ล้านบาท โดยเน้นทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้ารัศมี 1-2 กิโลเมตร และในเขตชุมชนใหญ่ ส่วนมูลค่า และขนาดโครงการขึ้นอยู่กับที่ดินที่ซื้อได้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 6,080 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 4,342 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 38% โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ จำนวน 3,190 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของเป้าหมายรายได้ และหากรวมรายได้จากบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่บริษัทถือหุ้น จำนวน 55% อีกประมาณ 2,955 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งสิ้น 9,035 ล้านบาท เติบโต 48.5% จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 6,083 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้ 9,035 ล้านบาท จะมาจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 6,242 ล้านบาท สัดส่วน 69% จากอสังหาฯ เพื่อให้เช่าประเภทอาคารสำนักงาน 1,376 ล้านบาท สัดส่วน 15% จากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 1,230 ล้านบาท สัดส่วน 14% และจากธุรกิจอื่นๆ 186 ล้านบาท สัดส่วน 2%
สำหรับโครงการใหม่ที่มีที่ดินแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการยูดีไลท์ เรสซิเดนท์ ริเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3 บนเนื้อที่ 6 ไร่เศษ พัฒนาเป็นอาคารสูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,126 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการรวม 3,400 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดพรีเชลล์ไปในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดขายไปแล้ว 30%
2.โครงการยูดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น เป็นคอนโดฯ สูง 26 ชั้น บนเนื้อที่ 3 ไร่เศษ จำนวน 1 อาคาร จำนวน 529 ยูนิต ราคา 2.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และ 3.โครงการยูดีไลท์ @ ตลาดพลู เป็นคอนโดฯ สูง 27 และ 34 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 973 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท โดย 2 โครงการหลังนี้จะเปิดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 13-16 มีนาคม 57 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“ส่วน 2 โครงการคอนโด ยู และโครงการยูดีไลท์ ซอยพหลโยธิน 23 ที่ชะลอแผนลงทุนเนื่องจากไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม หรือ EIA นั้น ที่ผ่านมา บริษัทได้คืนเงินให้แก่ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการไปหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งศึกษาแผนการลงทุนใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง เพื่อให้สอดคล้องกับผังเมืองและความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีเนื้อที่รวมกว่า 5 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท” นายวรวรรต กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 6,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,675 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 38% มาจาก 1.อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,745 ลบ. คิดเป็น 62% ของรายได้ มาจากคอนโดฯ 4 โครงการ 1.โครงการ ยูดีไลท์ 3 ประชาชื่น-บางซื่อ จำนวน 1,500 ล้านบาท 2.โครงการ ยูดีไลท์ เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ-ทองหล่อ จำนวน 940 ล้านบาท 3.โครงการ คอนโด ยู @ หัวหมาก สเตชั่น จำนวน 551 ล้านบาท 4.โครงการ ยูดีไลท์ 2@บางซื่อ สเตชั่น จำนวน 137 ล้านบาท
2.อสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า 1,201 ลบ. คิดเป็น 20% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 961 ล้านบาท หรือเติบโตกว่าปีก่อน 4 เท่าตัว เนื่องจากปีที่แล้วได้รวมผลประกอบการของกลุ่มบริษัท แผ่นดินทองทั้งปี รายละเอียดคือ อาคารสำนักงานเกรดเอ ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ จำนวน 253.9 ล้านบาท อาคารของกลุ่มบริษัท แผ่นดินทอง 947.6 ล้านบาท
3.จากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 1,057 ลบ. คิดเป็น 17% ของรายได้ภาพรวมใน 3 ปี (55-57) รายได้หลักยังคงมุ่งเน้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งมีน้ำหนักที่ 60%-70% ของรายได้ ในขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 15%-20%
นายวรวรรต กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ว่า ในปี 2556 จำนวนการเปิดตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่เพื่อขาย ร้อยละ 65 เป็นคอนโดฯ จึงเป็นอีกปีหนึ่งที่มีการแข่งขันสูง สำหรับแนวโน้มในปี 2557 บริษัทคาดว่าการเปิดตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่จะมีจำนวนหน่วยลดลง 5-9% จากปีก่อน ผู้ประกอบการเริ่มระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ เนื่องจากอุปทานในตลาดส่งผลให้ในปี 2557 น่าจะมีการแข่งขันในโครงการแนวราบมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน บริษัทจึงเน้นให้มีการศึกษาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด และสำรวจตลาดถึงความต้องการด้านต่างๆ เพื่อมาดำเนินการออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และให้สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่ง บริษัทฯ มีนโยบายในการซื้อที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ และสามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันที ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีนโยบายที่จะซื้อที่ดินเก็บสะสมไว้เพื่อเตรียมรอการก่อสร้างโครงการต่างๆ ในอนาคต เนื่องจากไม่ต้องการแบกภาระต้นทุนทางการเงิน ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น จากที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงจากราคาที่ดินที่มีการปรับตัวสูงขึ้น หรือไม่สามารถซื้อที่ดินในทำเลที่ต้องการได้ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ สูงขึ้น บริษัทจึงดำเนินนโยบายพัฒนาโครงการคอนโดฯ หลังได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เนื่องหลังจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทำให้บริษัทมีศักยภาพการแข่งขันทั้งโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูง และสามารถผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันในตลาดได้
สำหรับตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า การแข่งขันในปัจจุบันถือว่าไม่สูงมากนัก โดยคาดว่าความต้องการพื้นที่สำนักงานเช่า และอัตราค่าเช่ายังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะส่วนอาคารสำนักงานเกรดเอ ในย่าน Central Business District (CBD) ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ทั้งนี้ พิจารณาจากอัตราการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติยังมีแนวโน้มจะเข้ามาจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดอาเซียนจากการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ในอนาคตอีกด้วย
“ส่วนปัจจัยการเมืองหากยืดเยื้ออาจส่งผลต่อการชะลอซื้อของผู้บริโภค แต่บริษัทคาดการณ์ว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 2” นายวรวรรต กล่าว