เอเอฟพี - กลุ่มคนโสดในญี่ปุ่นที่อ้างว่า ถูกพวกตัวแทนบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลอกให้ซื้ออพาร์ตเมนต์ โดยแสร้งทำทีว่ามีใจให้พวกเขา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในวันนี้ (26 ก.พ.)
ชาย 2 คน และหญิง 10 คน ซึ่งทั้งหมดมีอายุราว 30 เศษถึง 40 ต้นๆ ได้ยื่นฟ้องบริษัท 14 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทปล่อยเงินกู้ พร้อมเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินมูลค่า 200 ล้านเยน (ราว 63 ล้านบาท)
ทนายความฝ่ายโจทก์ระบุว่า บรรดาโจทก์ได้เกิดความรู้สึกถูกใจคนที่พวกเขาพบในเว็บไซต์หาคู่เดตออนไลน์ โดยคนจำนวนมากถูกหลอกให้เชื่อว่าพวกเขาจะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กัน
อย่างไรก็ตาม เจตนาที่แท้จริงและสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของคนกลุ่มดังกล่าวคือการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยพวกเขาพูดชักชวนให้เหยื่อซื้อคอนโดมิเนียมอย่างน้อยหนึ่งห้อง ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 26 ล้านเยน (ราว 8 ล้านบาท) ทนายความเปิดเผย
ทันทีที่มีการลงนามและปิดสัญญา ความโรแมนติกก็มลายหายไป พร้อมกับที่บรรดาตัวแทนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ถอนตัวออกจากความสัมพันธ์ เหลือไว้แต่เพียงกุญแจให้เจ้าของหมาดๆ ใช้ไขประตูคอนโดใหม่ ไม่ใช่ประตูหัวใจตามที่เคยหวังไว้
นอกจากนี้ ทนายความระบุด้วยว่า มีเหยื่อรายหนึ่งถูกกล่อมให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ถึง 3 แห่ง
“พวกลูกจ้างของบริษัทกลุ่มนี้ชักจูงให้โจทก์ซื้อคอนโดมิเนียม โดยอาศัยประโยชน์จากการที่โจทก์รักใคร่ชอบพอพวกเขา” ทนายความ ชินอิจิ ฮิราซาว่า กล่าว
“พฤติกรรมเช่นนี้เข้าข่ายความผิดซึ่งหน้า เนื่องจากเหยื่อบางรายถูกหว่านล้อมให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาแพงกว่าอัตราท้องตลาด 30-40 เปอร์เซ็นต์” เขาชี้
ทางด้าน ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อผู้บริโภคแห่งชาติญี่ปุ่นได้กล่าวเตือนว่า การหลอกลวงตามที่มีข้อกล่าวหาเช่นนี้เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีรายงานว่าพบผู้ตกเป็นเหยื่อถึง 42 รายเมื่อปี 2013 เพิ่มขึ้นจาก 26 ราย ในปี 2012
ทั้งนี้ การที่คนญี่ปุ่นนิยมแต่งงานตอนอายุมากได้ส่งผลให้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงต้องมองหาคู่ครองอย่างสิ้นหวังเมื่อล่วงเลยเข้าสู่ 30 เศษ