ASTVผู้จัดการรายวัน - พฤกษาฯ เผยแผนครึ่งหลังปี57ทยอยเพิ่มกลุ่มลูกค้าโครงการแนวราบ แจงระดับราคาทาวน์เฮาส์จะไต่ระดับราคาขึ้นไปจากระดับ2-3ล้าน เป็น 3-5ล้านบาท บ้านเดี่ยวขยับขึ้นไปจับกลุ่มระดับราคา 5 ล้านบาท ส่วนคอนโดยังเป็นสินค้าที่รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ราคา7แสน-3ล้านบาท มั่นใจรายได้ทั้งปี 40,000 - 42,000 ล้านบาท ยอดขาย 42,000-45,000 ล้านบาท ด้านเอ มัสท์ กรุ๊ป ประกาศบุกอสังหาฯภาคอีสานเต็มสูบ เล็งงัดแลนด์แบงก์กลางเมืองขอนแก่น ผุดบ้าน คอมมูนิตี้มอลล์ เตรียมลุยต่อเมืองอุดรฯ อุบลฯและ สารคราม
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการอำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ทาวน์เฮาส์เป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 30% ของมูลค่าตลาดทาวน์เฮาส์รวม และมีแชร์ตลาดบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 10% เศษ โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 42,000-45,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้รับรู้ที่ 40,000-42,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับจากปลายที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับปัจจัยลบจากปัญหาการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของลูกค้าชะลอตัวออกไป กระทบถึงผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯ โดยในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 17,900 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าประมาณการอยู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังทิศทางตลาดปรับตัวดีขึ้น ลูกค้ากลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดและ ผลประกอบการของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทมีแผนจะขยับขึ้นไปทำตลาดที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนมากขึ้น โดยจะทยอยปรับกลุ่มสินค้าขึ้นไปเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ ซึ่งจะขยับขึ้นไปจับกลุ่มระดับราคา 3-5ล้านบาท จากเดิมที่เน้นจับกลุ่มระดับราคา 2-3 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบ้านเดี่ยวจะขยับขึ้นไปจับกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่เน้นจับกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมนั้น จะเป็นกลุ่มสินค้าที่เน้นจับลูกค้าในตลาดกลาง-ล่าง ระดับราคา700,000บาทถึง3ล้านบาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์ ซึ่งมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าและสินค้าที่ชัดเจนแล้ว
“ ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากกลุ่มสินค้าแนวราบกว่า 80% คือมีรายได้จากกลุ่มทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 50-55% มีรายได้จากกลุ่มบ้านเดี่ยว 25% และมีรายได้จากกลุ่มคอนโดมิเนียม 20%”
สำหรับแผนการทำตลาดคอนโดฯในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดใหม่ภายใต้แบรนด์ พลัมคอนโด เพิ่มอีก 2โครงการ คือ โครงการพลัมคอนโดสามัคคี มูลค่า1,500 ล้านบาท และ พลัมคอนโด แหลมฉบัง มูลค่า 480 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ อาจจะมีการเปิดคอนโดฯตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ ฟิวส์ หรือ ไอวี่ เพิ่มเพื่อให้มียอดขายและรายได้เป็นไปตามเป้า
โดยปีนี้ พฤกษาตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากกลุ่มคอนโดฯรวม 10,000 ล้านบาทเศษ และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 9,000 ล้านบาท ล่าสุด พฤกษาฯ ได้เปิดตัวโครงการ พลัมคอนโด พาร์ค รังสิต บนพื้นที่9 ไร่ เลียบถนนวิภาวดี-รังสิต โดยพัฒนาเป็นอาคารสูง8ชั้น 4อาคาร จำนวน 1,044 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 699,000 บาท มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1ส.ค.นี้ และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีขายที่ 700ล้านบาท
***เอมัสท์ ประกาศบุกอสังหาฯอีสานเต็มสูบ
นางสาวเสาวภาคย์ ถนอมศักดิ์กุล ประธานกรรมการบริหาร เอ มัสท์ กรุ๊ป กล่าวถึงแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ ว่า บริษัทเน้นพัฒนาโครงการแนวราบในภาคอีสานหลัก เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตอย่างมาก อีกทั้งยังมีการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า ร้านอาคาร และศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เข้ามา เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจ.ขอนแก่น เนื่องจากกำลังซื้อมีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งยังมีโซนการพัฒนาโครงการได้หลากหลาย คือ โซนมหาวิทยาลัย โซนศูนย์ราชการ โซนกลางเมือง และโซนทำเลใหม่ ย่านวงแหวนเชื่อมทางหลวงเอเชียไปยังระเบียงเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการที่ขอนแก่นแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ บริษัท เลคนารา และมีที่ดินอีก 3 แปลง ที่พร้อมสำหรับการพัฒนา โดยมี 1 แปลงที่อยู่ย่านโซนทำเลใหม่ อยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่โดยอาจจะมีการพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม ส่วนการพัฒนาโครงการที่ กรุงเทพฯ เน้นโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก มองว่ามีความต้องการที่อยู่ศัยเติบโตต่อเนื่อง อยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดิน คาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการอำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ทาวน์เฮาส์เป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 30% ของมูลค่าตลาดทาวน์เฮาส์รวม และมีแชร์ตลาดบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 10% เศษ โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 42,000-45,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้รับรู้ที่ 40,000-42,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับจากปลายที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับปัจจัยลบจากปัญหาการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของลูกค้าชะลอตัวออกไป กระทบถึงผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯ โดยในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 17,900 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าประมาณการอยู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังทิศทางตลาดปรับตัวดีขึ้น ลูกค้ากลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดและ ผลประกอบการของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทมีแผนจะขยับขึ้นไปทำตลาดที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนมากขึ้น โดยจะทยอยปรับกลุ่มสินค้าขึ้นไปเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ ซึ่งจะขยับขึ้นไปจับกลุ่มระดับราคา 3-5ล้านบาท จากเดิมที่เน้นจับกลุ่มระดับราคา 2-3 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบ้านเดี่ยวจะขยับขึ้นไปจับกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่เน้นจับกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมนั้น จะเป็นกลุ่มสินค้าที่เน้นจับลูกค้าในตลาดกลาง-ล่าง ระดับราคา700,000บาทถึง3ล้านบาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์ ซึ่งมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าและสินค้าที่ชัดเจนแล้ว
“ ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากกลุ่มสินค้าแนวราบกว่า 80% คือมีรายได้จากกลุ่มทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 50-55% มีรายได้จากกลุ่มบ้านเดี่ยว 25% และมีรายได้จากกลุ่มคอนโดมิเนียม 20%”
สำหรับแผนการทำตลาดคอนโดฯในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดใหม่ภายใต้แบรนด์ พลัมคอนโด เพิ่มอีก 2โครงการ คือ โครงการพลัมคอนโดสามัคคี มูลค่า1,500 ล้านบาท และ พลัมคอนโด แหลมฉบัง มูลค่า 480 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ อาจจะมีการเปิดคอนโดฯตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ ฟิวส์ หรือ ไอวี่ เพิ่มเพื่อให้มียอดขายและรายได้เป็นไปตามเป้า
โดยปีนี้ พฤกษาตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากกลุ่มคอนโดฯรวม 10,000 ล้านบาทเศษ และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 9,000 ล้านบาท ล่าสุด พฤกษาฯ ได้เปิดตัวโครงการ พลัมคอนโด พาร์ค รังสิต บนพื้นที่9 ไร่ เลียบถนนวิภาวดี-รังสิต โดยพัฒนาเป็นอาคารสูง8ชั้น 4อาคาร จำนวน 1,044 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 699,000 บาท มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1ส.ค.นี้ และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีขายที่ 700ล้านบาท
***เอมัสท์ ประกาศบุกอสังหาฯอีสานเต็มสูบ
นางสาวเสาวภาคย์ ถนอมศักดิ์กุล ประธานกรรมการบริหาร เอ มัสท์ กรุ๊ป กล่าวถึงแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ ว่า บริษัทเน้นพัฒนาโครงการแนวราบในภาคอีสานหลัก เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตอย่างมาก อีกทั้งยังมีการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า ร้านอาคาร และศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เข้ามา เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจ.ขอนแก่น เนื่องจากกำลังซื้อมีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งยังมีโซนการพัฒนาโครงการได้หลากหลาย คือ โซนมหาวิทยาลัย โซนศูนย์ราชการ โซนกลางเมือง และโซนทำเลใหม่ ย่านวงแหวนเชื่อมทางหลวงเอเชียไปยังระเบียงเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการที่ขอนแก่นแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ บริษัท เลคนารา และมีที่ดินอีก 3 แปลง ที่พร้อมสำหรับการพัฒนา โดยมี 1 แปลงที่อยู่ย่านโซนทำเลใหม่ อยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่โดยอาจจะมีการพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม ส่วนการพัฒนาโครงการที่ กรุงเทพฯ เน้นโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก มองว่ามีความต้องการที่อยู่ศัยเติบโตต่อเนื่อง อยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดิน คาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท
