xs
xsm
sm
md
lg

“ไผ่-สไปร์ท” 2 วัยรุ่นฮอร์โมน “ไม่ต้องมาเอาเราเป็นไอดอล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วินาทีนี้ ไม่ว่าใครคนหนึ่งคนใดจากซีรี่ส์พันธุ์ไทยเรื่อง "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" เดินสายไปงานไหน แฟนคลับผู้คลั่งไคล้ก็จะยกทัพแห่ตามไปร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น

ด้วยเนื้อหาเข้มข้นโดนใจผู้ชมทั้งวัยรุ่น และผู้ใหญ่ไปแบบเต็มๆ ไม่แปลกที่ซีรี่ส์พันธุ์ไทยเรื่องนี้จะกลายเป็นปรากฏการณ์ฮอร์โมนที่มีคนพูดถึงไปทั่วบ้านทั่วเมือง และกำลังทวีความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เช่นเดียวกับกิจกรรมนิทรรศการบุหรี่ "รักไร้ควัน" เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่จัดให้มีสัมมนาวิชา "เกิน" หัวข้อ คุยเพลิน ๆ กับวัยรุ่น วุ่นจังว้าาาา แม้จะมีนักแสดงจากเรื่องนี้มากันแค่ 2 คน และอีก 2 ผู้เขียนบท แต่ก็ทำให้ Event Hall ชั้น 2 อาคารศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สสส.ถูกจับจองที่นั่งจนเต็มในเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับงานนี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า คุยเพลิน ๆ กับวัยรุ่น ซึ่ง “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” รับบทเป็นไผ่ และ “เก้า-สุภัสสรา ธนชาต” รับบทเป็นสไปร์ท ก็ขอเป็นตัวแทนวัยรุ่นพูดในประเด็นที่น่าสนใจหลาย ๆ เรื่อง ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ไม่พลาดที่จะเก็บมาฝากแบบคำต่อคำ

รู้สึกอย่างไรกับบทที่ได้รับ
ต่อ : รู้สึกธรรมดาตั้งแต่แรก เพราะพี่ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ (ผู้กำกับ) บอกว่า ขอเอาเรื่องของต่อมาทำนะ แต่ก็เป็นแค่เพียงบางอย่างนะครับ (ต่อรีบชิงแก้ตัว)

เก้า : ตอนแรกตกใจค่ะ แต่ก็เชื่อในฝีมือพี่ย้งอ่ะค่ะ พี่เขาต้องทำออกมาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งพี่เขาบอกว่า เขาจะทำให้คนดูรักตัวละครตัวนี้ให้ได้

พูดถึงตัวละครตัวอื่นๆ ในซีรี่ส์ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
ต่อ : ผมขอพูดถึงต้าร์ละกันครับ ที่ผมชอบตัวละครตัวนี้ เพราะเป็นตัวละคนที่หล่อมาก (ลากเสียงยาว) นอกจากตัวจะจิ๋วแล้ว เรื่องใจเขา ต้องขอบอกว่า เป็นตัวละครที่ผมรู้สึกว่า เกิดมาในสังคมที่ค่อนข้างเกินระดับตัวเอง เพื่อนก็หล่อเป็นป๊อปปูล่าของโรงเรียน ส่วนอีกคนก็ติสท์แตก ในขณะที่ตาร์ เขาไม่มีอะไรเลย แต่สิ่งเดียวที่มีคือดนตรี ซึ่งดนตรีที่เล่น พอมีโอกาสได้เล่นบทเวที เขาก็เล่นให้รู้ว่าฉันนี่แหละเท่ แต่สุดท้าย พอมันดูเยอะไป จากคนที่ดูมีเสน่ห์อยู่แล้วในการเล่นดนตรี กลายเป็นว่า ทำไมมันไม่เท่เลย นั่นแสดงให้เห็นว่า เขาใช้อารมณ์มากกว่าความสามารถของตัวเอง ผมเลยรู้สึกว่า ผมชอบตัวละครตัวนี้มาก เพราะถ้าคิดกลับกัน การที่เขาทำอย่างนี้ ก็เพื่อให้อยู่รอดในสังคมต่อไป

เก้า : เก้าชอบต้าร์เหมือนกันค่ะ เพราะว่า ประทับใจฉากที่เอาไม้บรรทัดไปขูดคำว่า "อีแรด" ที่เขียนด้วยลิควิดออกจากโต๊ะของคนที่เขาชอบ ถ้าเป็นเราจะมีผู้ชายที่ไหนมาทำให้แบบนี้ไหม (หัวเราะ)

เห็นว่าในเรื่องมีภาพวัยรุ่นสูบบุหรี่ด้วย อยากให้แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องบุหรี่สักหน่อย
ต่อ : ผมเจอทุกวันครับ ไม่ว่าจะเดินออกมาหน้าบ้าน ลุงผมก็สูบ ปกติลมตอนเช้ามักจะพัดเข้าบ้านตัวเอง (หัวเราะ) มันก็จะมีสัญญาณตลอดว่า เช้าแล้ว เพราะมันมีกลิ่น เนื่องจากเราไม่ได้สูบ มันก็เลยรู้สึกเหม็นเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ผมจะพูด ไม่ได้บอกว่าสูบแล้วผิด เพราะผมรู้สึกว่า บุหรี่ไม่ได้มีกฏหมาย ฉะนั้น คุณไม่ได้ทำผิด แต่การสูบ ไม่ต้องมานั่งสูบให้ใครเห็นก็ได้ เพียงเพราะคิดแค่ว่ามันเท่ ถ้าจะสูบก็ควรหลบ ๆ เนื่องจากคนที่เขาไม่ได้สูบ พอได้สูดเข้าไป นอกจากเหม็นกลิ่นบุหรี่แล้ว ยังเป็นอันตรายต่อร่างกายของเขาด้วย

เก้า : เก้าเป็นคนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่มากๆ แล้วแบบได้กลิ่นเต็ม ๆ เก้าจะเดินหนี เดินออกทันที อยู่ใกล้ไม่ได้เลย ส่วนตัวคิดว่า มันไม่ผิดหรอกถ้าเราจะสูบบุหรี่ เพราะถ้าผิดกฏหมาย เขาคงไม่เอามาขายกันหรอก แต่การสูบ คนรอบข้างก็ได้รับเต็ม ๆ ด้วยเหมือนกัน ดังนั้น เป็นห่วงคนรอบข้างบ้าง

คิดว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่เท่ไหม
ต่อ : ผู้หญิงที่เขาสูบ เขาคงคิดว่าเท่มาก แต่ผมว่า อย่าสูบเลยครับ แม้จะบอกว่าผู้ชายสูบได้ แล้วทำไมผู้หญิงถึงจะสูบไม่ได้ ใช่ครับ ผู้ชายสูบได้ ผู้หญิงก็สูบได้ แต่ผู้หญิงในความคิดผม เป็นเพศที่บอบบาง เปรียบเสมือนผ้าที่ควรจะพับไว้อย่างเรียบร้อย ไม่ควรจะไปแปดเปื้อยด้วยนิโคติน และทาร์ (เสียงกรี๊ดดังสนั่น) ดังนั้น เพศที่บอบบาง และอ่อนหวาน ไม่เหมาะหรอกครับกับไอ้แท่งแข็ง ๆ ที่อัดไปด้วยเศษหญ้าอยู่ข้างใน

เก้า : ส่วนผู้ชายที่สูบก็ไม่คิดว่าเท่เหมือนกัน บางคนสูบก็เพราะอยากเข้าสังคม อยู่กับกลุ่มเพื่อน หรือเบื่อ ๆ เครียด ๆ ก็ออกไปสูบ แต่ส่วนตัวไม่ชอบอ่ะค่ะ เพราะว่ามันเหม็น

ความรัก VS บุหรี่
ต่อ : ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกันเสียทีเดียว ถ้าถามว่า เกี่ยวได้ไหม เกี่ยวได้ นั่นก็คือ การทำร้ายคนรอบข้าง ถึงแม้จะเป็นคนที่เราไม่รู้จัก แต่อย่างน้อย ๆ ก็ควรมีความรักคนในสังคมที่เราอยู่ร่วมกันบ้าง การสูบมันอาจเป็นการทำร้ายเขา หรือความรักในครอบครัวเอง พ่อสูบ แม่ไม่สูบ พอมีลูก ลูกไม่ให้อุ้ม ก็สะท้อนให้เห็นอีกมุมที่เกี่ยวกับความรัก ว่า ลูกเหม็นบุหรี่ ลูกจึงไม่ให้อุ้ม พ่อก็ต้องหาวิธีอื่น แต่ผมคิดว่าเริ่มที่ต้นเหตุดีที่สุด คือ เลิกครับ

เก้า : บุหรี่คืออีกเรื่องหนึ่ง ความรักก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่มันก็เอามาเกี่ยวโยงกันได้ ถ้าเราสูบบุหรี่แล้วเราไม่นึกถึงคนที่เรารัก มันก็จะส่งผลต่อคนที่รักเรา นั่นก็คือ เขาก็คงไม่อยากให้เราเป็นอะไรไปก่อน ถ้ายิ่งสูบมาก ๆ ร่างกายก็ไม่ดี เราก็อาจจะไปก่อนเขา เขาก็อยากให้เราอยู่นาน ๆ หรือเปล่า อะไรประมาณนั้น

พูดข้อเสียของบุหรี่
ต่อ : ผมว่าสูบแล้ว จะเป็นคนที่บุคลิกไม่ดี บางคนสูบแล้วถุยน้ำลาย และที่ออกมาก็ไม่รู้ว่าใช่น้ำลายอย่างเดียวหรือเปล่า มันอาจจะมีมวลก้อนบางอย่างออกมาด้วยก็ได้ เวลาผมเห็นแล้ว มันบาดตาบาดใจมาก เสียงแหมะนี่ยังดังอยู่ในหัวเลย (หัวเราะ)

เก้า : นอกจากบุคลิกไม่ดีแล้ว รูปร่างหน้าตาค่ะ ปากเราก็ไป เหงือกเราก็ไป ฟันนี่ก็เหลืองไปหมด จริง ๆ แล้วมันไม่ดีเลยค่ะ

ถึงวัยรุ่นที่คิดจะสูบบุหรี่
ต่อ : ถ้ากำลังคิด และอยากให้คิดใหม่ ถึงความที่ว่า เห็นใครดูดแล้วเท่ คืออยากให้อ่านข้างกล่องให้ละเอียดก่อนว่ามันสารอะไรบ้าง หรือภาพที่อยู่บนกล่อง ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้นก็อย่าสูบเลย เพราะนี่มันคือภาพในอนาคตของคุณ อยากฝากไว้แค่ให้ดูเยอะ ๆ ผมเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนคิดเองได้"

เก้า : ถ้าอยากจะสูบเพราะคิดว่าเท่ หรืออยากเข้าสังคม เก้าว่ามันไม่เกี่ยวนะ หาอย่างอื่นทำดีว่านะ

ซีรี่ส์ฮอร์โมน ดูแล้วต้องคิดตาม
ไม่เพียงแต่ “บุหรี่” เท่านั้น ในตัวซีรี่ส์ ยังมีภาพของเซ็กซ์ในวัยเรียน พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว เป็นเรื่องที่ต่อ และเก้าอยากฝากให้ดูแล้วคิดตาม ไม่ใช่ดูเพื่อความบันเทิง และยกพฤติกรรมไม่ดีของตัวละครนั้น ๆ มาเป็นไอดอล

ต่อ : ตอนแรกผมอยากจะฝากให้ดูเรื่องนี้ แต่ต่อจากนี้จะไม่ฝากดู แต่จะฝากให้ดูแล้วคิดเยอะ ๆ อีกเรื่องคือ การเอาตัวละครไปเป็นไอดอล โดยเฉพาะสไปร์ท หรือไผ่เอง อย่างผมเคยเจอ วันนั้นผมไปเซ็นทรัลลาดพร้าว และต้องรีบไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมก็นั่งวินไป ใกล้จะถึงแล้ว มีเด็กขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสาม แว้นตามหลังมาเลยแล้วบอกว่า พี่ไอดอลผมเลย ผมก็อึ้ง ๆ คืมผมอยากจะบอกว่า เราไม่ได้ขายความแรง ไม่ต้องมาเอาเราหรือตัวละครอื่น ๆ เป็นไอดอล มันไม่ใช่ประเด็น แต่สิ่งที่อยากให้มองก็คือ การกระทำ มองแล้วคิด เพราะหนังได้สร้างเส้นทางออกมาแล้วว่า ทางไหนบวกหรือลบ ทำแบบนี้มีเส้นทางต่อไปคือต้องเจอกับอะไร เพราะฉะนั้นอยากให้มองกันกว้าง ๆ ครับ ไม่อยากให้เอาจุดเล็ก ๆ ที่ไม่ดีของตัวละครมาเป็นกระแส

เก้า : เก้าก็อยากจะฝากว่า ดูแล้วคิดกันเยอะ ๆ ค่ะ ตอนนี้เราก็เห็น ๆ กันแล้วว่าผลตอบรับดีมาก ๆ แต่สิ่งที่เรา และทีมงานอยากจะได้รับจริง ๆ คือ อยากให้ดูแล้วคิด แยกแยะให้ออก ไม่ใช่ดูเพราะความสนุกอย่างเดียว

ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว ยังมี 2 ผู้เขียนบทไผ่-วิน (เกรียงไกร วชิรธรรมพร) และสไปร์ท-ขวัญ (ธนีดา หาญทวีวัฒนา) มาร่วมงานด้วย ซึ่งทั้งสองท่านก็ได้พูดพร้อมสะกิดใจวัยรุ่น และผู้ใหญ่ไว้อย่างน่าสนใจเช่นกัน

ธนีดา ผู้เขียนบทสไปร์ท-ขวัญ ฝากกว่า “บางคนอาจจะคิดว่า พวกเราคิดไว้ให้หมดแล้ว ถ้าทำแบบนี้จะต้องเป็นแบบนี้ได้เลย ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นค่ะ บางทีในหนัง มันก็เป็นแค่บทค่ะ แค่เรื่องที่แต่งขึ้น เอามาจากเรื่องจริงบ้าง เราอาจไม่โชคดีเหมือนตัวละครนั้น ๆ ก็ได้ หรืออาจจะโชคดีกว่าก็ได้ ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น มันเป็นชีวิตของเรา ถ้าเราคิดว่า เราจะทำเหมือนกับตัวละครในเรื่องนี้ เราก็ต้องคิดให้ดีนะ เพราะนั่นเรื่องไม่จริงนะ แต่นี่ชีวิตจริงของเรานะ แล้วผลของการกระทำบางทีมันส่งผลตลอดชีวิตของเราก็เป็นไปได้ ลองคิดดูดี ๆ ค่ะ”

เช่นเดียวกับ เกรียงไกร ผู้เขียนบทไผ่-วิน ได้ฝากปิดท้ายเป็นแง่คิดว่า “ซีรี่ส์เรื่องนี้ เหมือนเป็นการลองแทนเราครั้งหนึ่งแล้ว เป็นการลองสิ่งต่าง ๆ ของการเป็นวัยรุ่น เช่น ถ้าเราทำแบบน้องดาวบ้างสักครั้ง บางทีมันอาจเตลิดไปไกลกว่านั้น ผมอยากให้ผู้ใหญ่ดูแล้วคุยกับลูก หรือลูกเอาไปให้พ่อแม่ดูแล้วคุยกัน เพราะผมเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ต้องเริ่มต้นจากการคุยกันในครอบครัว อย่าให้เขาไปคุยกับคนอื่นข้างนอกเลย เพราะเรารู้จักเขาดีที่สุด”

ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live




กำลังโหลดความคิดเห็น