เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 33 ซีรี่ส์ 16 เน้นลงทุนในประเทศ ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 3% สองครั้งภายใน 5 เดือน เผยสี่เดือนกว่ากวาดยอดขายทาร์เกตฟันด์ไปแล้ว 9,000 ล้านบาท และมีกองทุนที่ได้ตามเป้าหมาย 8 กองทุน
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีสามารถกวาดยอดขายทาร์เกตฟันด์ซึ่งเป็นกองทุนสุดฮิตของผู้สนใจไปแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาทในช่วงสี่เดือนเศษที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังสามารถสร้างผลงานจากการบริหารทาร์เกตฟันด์ที่ลงทุนในประเทศได้ตามเป้าหมายถึง 8 กองทุน ซึ่งแต่ละกองทุนใช้เวลาบริหารประมาณ 1-2 เดือนเศษ โดยล่าสุดทาร์เกตฟันด์ที่ประสบความสำเร็จคือกองทุนเปิด SPOT33 ซีรี่ส์ 12 ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีได้เปิดขายทาร์เกตฟันด์ กองทุนเปิด SPOT 33 ซีรี่ส์ 16 ตั้งแต่วันที่ 3-12 มิถุนายน 2556 เพื่อตอบรับกระแสความต้องการลงทุนในกองทุนดังกล่าวที่ยังแรงต่อเนื่อง
กองทุนเปิด SPOT 33 ซีรี่ส์ 16 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในประเทศ ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งรวมเป็นร้อยละ 6 ภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไปจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 3 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 3 ต่อไป
ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนโอกาสการลงทุนของทาร์เกตฟันด์มาจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั้งจากกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบและมีเม็ดเงินมาลงทุนมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเคลื่อนย้ายมาสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะคงมีต่อไปใน 6 เดือนข้างหน้า สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5-5.5% ภายในปีนี้จากการบริโภคของภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และคาดว่านโยบายการเงินของไทยยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 18-20 นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ แม้ค่า P/E ใกล้เคียงกับภูมิภาคแต่การขยายตัวของกำไรที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสซื้อขายที่สูงกว่าค่า P/E เฉลี่ย
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีสามารถกวาดยอดขายทาร์เกตฟันด์ซึ่งเป็นกองทุนสุดฮิตของผู้สนใจไปแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาทในช่วงสี่เดือนเศษที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังสามารถสร้างผลงานจากการบริหารทาร์เกตฟันด์ที่ลงทุนในประเทศได้ตามเป้าหมายถึง 8 กองทุน ซึ่งแต่ละกองทุนใช้เวลาบริหารประมาณ 1-2 เดือนเศษ โดยล่าสุดทาร์เกตฟันด์ที่ประสบความสำเร็จคือกองทุนเปิด SPOT33 ซีรี่ส์ 12 ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีได้เปิดขายทาร์เกตฟันด์ กองทุนเปิด SPOT 33 ซีรี่ส์ 16 ตั้งแต่วันที่ 3-12 มิถุนายน 2556 เพื่อตอบรับกระแสความต้องการลงทุนในกองทุนดังกล่าวที่ยังแรงต่อเนื่อง
กองทุนเปิด SPOT 33 ซีรี่ส์ 16 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในประเทศ ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งรวมเป็นร้อยละ 6 ภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไปจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 3 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 3 ต่อไป
ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนโอกาสการลงทุนของทาร์เกตฟันด์มาจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั้งจากกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบและมีเม็ดเงินมาลงทุนมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเคลื่อนย้ายมาสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะคงมีต่อไปใน 6 เดือนข้างหน้า สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5-5.5% ภายในปีนี้จากการบริโภคของภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และคาดว่านโยบายการเงินของไทยยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 18-20 นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ แม้ค่า P/E ใกล้เคียงกับภูมิภาคแต่การขยายตัวของกำไรที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสซื้อขายที่สูงกว่าค่า P/E เฉลี่ย
