xs
xsm
sm
md
lg

MFC ส่งทริกเกอร์ฟันด์กองใหม่ตั้งเป้า 6%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.เอ็มเอฟซีเผยยอดจองซื้อทาร์เกตฟันด์กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 2 (SPOT33S2) ล้น เตรียมเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 3 รองรับความต้องการของผู้สนใจวันที่ 25-26 ธันวาคมนี้เท่านั้น

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในผลงานโดดเด่นของกองทุน Target Fund ของเอ็มเอฟซีที่สามารถมอบผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องถึง 10 กองทุนด้วยกันในปีนี้ และโอกาสเหมาะสมกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ขยายตัวจากกำไรที่สูง ตลอดจนเศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัวได้ดีในปีหน้า จึงมีผู้สนใจลงทุนในทาร์เกตฟันด์ของเอ็มเอฟซีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 33 ซีรี่ส์ 2 (SPOT33S2) ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 11-25 ธันวาคมนี้ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย

ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการลงทุนในทาร์เกตฟันด์ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนหลักทรัพย์ในประเทศ เอ็มเอฟซีจึงเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 3 (SPOT33S3) ต่อทันที โดยมีนโยบายเหมือนกองทุนเปิด SPOT33S2 คือมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ในประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งรวมเป็นร้อยละ 6 ภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไป กองทุนเปิด SPOT33S3 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 3 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 3 ต่อไป

สำหรับกลยุทธ์ของกองทุนเปิด SPOT33S3 จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการบริหารกองทุนแบบ Active ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures โดยเอ็มเอฟซีคาดว่ามีปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อโอกาสการลงทุนของกองทุนเปิด SPOT33S3 ให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ได้แก่ เศรษฐกิจโลกซึ่งคาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า ประกอบกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ส่งผลให้คาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5-5.0% ในปีหน้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 18% ในปีนี้ และ 17% ในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุนจากการขยายตัวของกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค


กำลังโหลดความคิดเห็น