บลจ.เอ็มเอฟซีปล่อยกองทุน “เอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33)” ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 3% สองครั้งภายใน 5 เดือน เปิดขายวันที่ 20-28 พฤศจิกายน 2555 พร้อมส่งกองทุน “เอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน ซีรี่ส์ 5” ลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เปิดขายวันที่ 19-26 พฤศจิกายน 2555
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมกองทุนในปีนี้ บลจ.เอ็มเอฟซีสามารถกวาดยอดขายกองทุนรวมที่เสนอขายใหม่เป็นเงินกว่า 11,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ 10 กองทุน รวมกว่า 7,000 ล้านบาท และกองทุนทาร์เกตฟันด์ 9 กองทุน รวมกว่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ปีนี้ยังเป็นอีกหนึ่งปีทองของทาร์เกตฟันด์ที่เอ็มเอฟซีประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุน และผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายถึง 8 กองทุนด้วยกัน
โดย บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33) ทาร์เกตฟันด์ที่เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 3% สองครั้งภายใน 5 เดือน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน ซีรี่ส์ 5 (I-Fix12M5) เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับ 3.3% ต่อปี ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนได้ในระยะเวลาปานกลางถึงยาว และรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ
โดยกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33) มีนโยบายลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไป กองทุนเปิด SPOT33 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตรา 3% ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีก 3% ต่อไป
สำหรับกลยุทธ์ของกองทุนเปิด SPOT33 จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการบริหารกองทุนแบบ Active ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures
“โดยเอ็มเอฟซีคาดว่ามีปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อโอกาสการลงทุนของกองทุนเปิด SPOT33 ให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ได้แก่ เศรษฐกิจไทยที่สามารถขยายตัวได้แข็งแกร่งจากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคของภาคเอกชน โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5-5.0% ในปีหน้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 18% ในปีนี้ และ 17% ในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุนจากการขยายตัวของกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค”