xs
xsm
sm
md
lg

ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ละครซีรีส์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นที่คนเป็นพ่อแม่ต้องดู !!/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สัปดาห์ที่ผ่านมาลูกชายสองคนวัยกำลังเข้าสู่วัยรุ่นคุยกันถึงเรื่องละครซีรีส์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น บอกว่ากำลังโด่งดังมากในกลุ่มเพื่อนวัยรุ่น และชวนแม่ดูด้วย ครั้งแรกก็ขี้เกียจดูเพราะละครมาดึกมากอยากนอนมากกว่า แต่ครั้งที่สองเป็นฝ่ายขอไปนั่งดูด้วย
…………
วันแรกที่ดูเป็นตอนที่ “ดาว” เด็กนักเรียนชั้นมัธยมที่ 4 ลูกสาวแสนดีคนเดียวของครอบครัว พื้นฐานครอบครัวอบอุ่นฐานะดี แต่แล้วดาวก็ไปรู้จักกับเพื่อนชายชื่อ “ดิน” ในสถานที่เรียนพิเศษ เมื่อแม่รู้เข้าก็สั่งให้เลิกคุยกับดินทันที เพราะกังวลไม่อยากให้เธอต้องเสียการเรียน จนวันหนึ่งแม่ดาวก็จับได้อีกครั้งว่าดาวยังคงคุยกับดินอยู่ จึงตัดสินใจทำความรู้จักกับดินเสียเลย ซึ่งทำให้แม่ดาวรู้ว่าดินไม่ใช่เด็กชายไม่เอาไหนอย่างที่คิดไว้ แม่จึงเบาใจและให้ดาวคบหาเป็นเพื่อนได้ เพราะคิดว่าดีกว่าให้ลูกไปคบกับเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนอื่นๆ
ดาวดีใจมากที่แม่อนุญาตให้คบกับดินเป็นเพื่อนได้ ทำให้เธอได้มีโลกแห่งความรักอันสดใสที่วาดฝันไว้และนำมาเขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ตามจินตนาการของเธอลงในโลกออนไลน์ มีอยู่คืนหนึ่งที่ฝนตก ดินได้ปีนหน้าต่างห้องของดาวเข้ามาเพราะว่าอยากเจอหน้าดาว ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่พักหนึ่งก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ตกใจจนสะดุ้งเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกันหลังจากนั้นทั้งคู่ก็มีอะไรกัน

ตอนเช้าที่ห้องของดาวมีดาวนอนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ดาวตื่นมาไม่พบดินนอนอยู่ข้างๆ แต่มีรอยคราบเลือดเล็กๆ ทิ้งอยู่ ทำให้เธอคิดว่าเธอกำลังจะท้อง เธอจึงไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน หลังจากหนึ่งสัปดาห์ไปแล้วถ้าเธอประจำเดือนไม่มาแสดงว่าเธอท้องแล้วแน่นอน เธอรอมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนั้นเธอก็พยายามที่จะติดต่อกับดิน แต่ดินก็หายตัวไปเลย เธอเป็นกังวลมาก จนครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ประจำเดือนของเธอยังไม่มา เธอจึงไปที่คลินิกทำแท้ง แต่ที่คลินิกทำแท้งนั้นดูน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ เธอจึงวิ่งหนีออกมาจากคลินิก แล้วไปซื้อที่ตรวจครรภ์ ระหว่างที่เธอกำลังตรวจครรภ์นั้น เธอก็ได้พบว่า ประจำเดือนของเธอมาแล้ว เธอจึงสบายใจพร้อมกับโล่งใจที่ผ่านพ้นกับช่วงความทุกข์ที่กลัวว่าตัวเองจะท้อง
……………………………
เรื่องย่อข้างต้นเป็นฝีมือของเจ้าลูกชายคนโตที่แม่ร้องขอให้เขาช่วยเขียนเรื่องย่อที่เราได้ดูด้วยกัน เพราะใจจริงก็อยากรู้ว่าเขาจะถ่ายทอดออกมาอย่างไร พร้อมกับการสนทนาแลกเปลี่ยนกันต่อว่าเขาคิดเห็นอย่างไรต่อละครเรื่องนี้

พวกเราคุยและแลกเปลี่ยนกันตามสมควร ดิฉันถามลูกชายว่าทำไมเขาและเพื่อนๆ ชอบดูละครเรื่องนี้กันล่ะ
เขาสรุปง่ายๆ ว่า “วัยรุ่นชอบเรื่องนี้แน่ครับเป็นเพราะมันสนุก โดน และเนื้อหาตรงดีครับ เหมือนชีวิตวัยรุ่นจริงๆ ที่มีหลากหลายรสชาติ และหลายหลายความรู้สึก เพียงแต่ดูแล้วต้องใช้วิจารณญาณด้วย เพราะบางทีก็มีความรุนแรงและไม่เหมาะสม หรือมีสถานที่ที่ไม่ถูกกฎหมาย ความจริงคนเป็นพ่อแม่ก็ควรดูด้วย จะได้เข้าใจและเอาไปปรับใช้กับลูกได้”
ดิฉันเห็นด้วยกับเจ้าลูกชายที่บอกว่า เรื่องนี้คนเป็นพ่อแม่ต้องดู และก็แอบดีใจที่เจ้าลูกชายชวนดู ..!!
เนื้อหาของละครซีรี่ส์เรื่องนี้ แบ่งออกเป็นตอนๆ มีตัวละครเด่นแยกกันไปแต่ละตอน และทุกตอนก็จะนำเสนอเรื่องราวที่มักเกิดขึ้นกับเด็กวัยรุ่น เช่น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร, ปัญหายาเสพติด, ยกพวกตีกัน, ความรุนแรง, ความผิดพลาด หรือแม้กระทั่งแบบอย่างที่ไม่ดีของพ่อแม่ที่ลูกได้รับอิทธิพลมาด้วย ฯลฯ
เรียกว่าเนื้อหาสามารถสะท้อนชีวิตปัญหาของเด็กวัยรุ่นในบ้านเราอย่างตรงไปตรงมาผ่านตัวละครแต่ละคน และวิธีการเดินเรื่องก็กระชับ ผู้เขียนบทสามารถตีโจทย์ปัญหาวัยรุ่นได้โดนใจกลุ่มเหล่านี้อย่างมาก จึงทำให้เรื่องนี้ดังเป็นพลุแตกในหมู่วัยรุ่น
อีกเหตุผลหนึ่งที่ละครเรื่องนี้สุดฮิตในหมู่วัยรุ่น ก็เพราะพวกเขาและพวกเธอรู้สึกว่าโดนใจ มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโรงเรียน ซึ่งพวกเขามักจะเผชิญปัญหาเหล่านี้แบบลองผิดลองถูก และพวกเขามักคิดว่าพ่อแม่และผู้ใหญ่ไม่เข้าใจพวกเขา ฉะนั้น เมื่อการเดินเรื่องมีการขยายความถึงพ่อแม่และคนที่เกี่ยวข้องมีวิธีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกเขาเผชิญ ก็ยิ่งทำให้ “โดน” เข้าไปอีก เช่น เมื่อลูกสาวเริ่มมีเพื่อนผู้ชายแม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่เมื่อแม่รู้เข้า แม่ก็สั่งให้เลิกคบทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกทำใจลำบากและรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ ก็ยิ่งทำให้เขาหรือเธออาจทำตัวในทางตรงข้าม หรือโกหกพ่อแม่ไปเลย

ฉะนั้น ถ้าพ่อแม่ได้เห็นภาพเหล่านี้ก็อาจช่วยสะกิดใจ และหันไปใช้วิธีอื่นในการสื่อสารกับลูกวัยรุ่น มิใช่ออกคำสั่งเพราะถือดีว่าเป็นพ่อแม่ และนั่นอาจได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม
เราต้องไม่ลืมว่าก่อนที่เราจะเป็นพ่อแม่ เราก็เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน มีหลากหลายเหตุการณ์ที่เราอาจไม่ชอบใจวิธีการของพ่อแม่เราในยุคสมัยนั้น เราก็ควรจะปรับวิธีการ ยิ่งสภาพสังคมยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสภาพปัญหามากมายกว่าอดีตหลายเท่านัก นั่นยิ่งต้องทำให้คนเป็นพ่อแม่ต้องยิ่งเปิดใจรับฟัง พูดคุย และทำความเข้าใจในตัวลูก เพื่อให้ลูกไว้วางใจและกล้าที่จะปรึกษาพ่อแม่ในทุกเรื่อง
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินลูก จนกว่าเราจะได้รับฟังลูกด้วยความเข้าใจก่อนค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น