xs
xsm
sm
md
lg

ใครได้ใครเสีย “แข่งซิ่ง F1 2014” โปรโมตประเทศ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การแข่งขันยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่หลายประเทศต่างกันยื้อแย่งอยากจะเป็นเจ้าภาพ “การแข่งขันรถสูตรชิงแชมป์โลก ฟอร์มูลา 1” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 ณ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ งานนี้มีทั้งคนชอบและคนชัง ส่วนหนึ่งว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทยจะได้อวดโฉมสู่สายตาคนทั่วโลก บ้างก็ว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในเรื่องของเส้นทางการแข่งขันที่ต้องผ่านสถานที่สำคัญ รวมถึงโบราณสถาน ความขัดแย้งนี้เป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ที่น่าขัดข้องใจคือเรื่องของงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้ ใครได้ใครเสีย!!

F1 อลังการงานโปรโมตประเทศ

งานใหญ่ระดับโลก โครงการที่วางแผนไว้แล้วตั้งแต่ ชุมพล ศิลปอาชา ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ในขณะนั้น) วาดฝันเอาไว้ ในการจัดการแข่งขันรถสูตรชิงแชมป์โลก หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า ฟอร์มูลา 1 การแข่งขันนี้ถือได้ว่ามีชื่อเสียงมาก ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากมาย สร้างรายได้มหาศาล อย่าง สิงคโปร์ บ้านใกล้เรือนเคียง เวลามีการแข่งขันก็เป็นช่วงสำคัญกอบโกยรายได้ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างจองตั๋วแห่ไปดูการแข่งขันนี้

ทั้งนี้ในปี 2558 ประเทศไทยจะได้เป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ได้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยเลือกแข่งขันในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต ไนท์เรซ เหมือนกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการศึกษาเส้นทางและจัดเตรียมแผนทำสนามแข่ง โดยคณะทำงานพิจารณาเห็นว่าเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดจะสตาร์ทที่กรมอู่ทหารเรือ ท่าราชวรดิษฐ์ ผ่านถนนมหาราช เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าพระธาตุ ลอดใต้สะพานปิ่นเกล้า เข้าสู่ถนนจักรพงษ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมรุ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินใน ผ่านถนนมหาชัย เลี้ยวขวาเข้าถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาเข้าเส้นชัยบริเวณกรมอู่ทหารเรือ รวมระยะทาง 5.995 กม.

ส่วนสถานที่เตรียมรถแข่ง (Paddock) และอัฒจันทร์ผู้ชมหลักจะอยู่บริเวณสนามหลวง และยังสามารถรองรับผู้เข้าชมได้กว่า 150,000 คน จากโซนที่นั่งอีกหลายจุด สำหรับเส้นทางการแข่งขันนี้จะผ่านสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร เช่น พระบรมมหาราชวัง, สนามหลวง, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, วัดอรุณราชวราราม อย่างไรก็ดี ในตอนแรกได้มีการเสนอเส้นทางแข่งขันไว้ 3 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนิน, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และเมืองทองธานี แต่สุดท้ายคณะทำงานพอใจและลงความเห็นเลือกถนนราชดำเนินเป็นสังเวียนซิ่ง พร้อมยกย่องว่าสนามที่ถนนราชดำเนินนั้น เป็นสนามแข่งขันที่สวยที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการจัดแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งมา เพราะมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยมากมาย

งบแข่งสูงลิ่ว 1,000 ล้าน!!

ด้านราคาตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟอร์มูลา 1 สนามประเทศไทย ในปี 2558 คาดว่าราคาไม่น่าจะต่ำกว่า 10,000 บาท อ้างอิงจากราคาตั๋วการแข่งขันของประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วจะเห็นได้ว่าราคาเริ่มต้นที่ 7,897 บาท ไปจนถึง 34,132 ซึ่งนอกจากราคาบัตรสูงพอตัวแล้ว ในช่วงการแข่งขันนี้ ผู้ประกอบการต่างๆ อย่างโรงแรมก็ปรับราคาห้องสูงขึ้น ร้านอาหารก็ขายดิบขายดีเป็นพิเศษด้วย ซึ่งมั่นใจว่าการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันครั้งนี้จะมีรายได้ไหลเข้าสู่ประเทศมากกว่าหมื่นล้านแน่นอน แต่ก็ต้องแลกด้วยเงินลงทุนหลักพันล้านเพื่อแผนโปรโมตประเทศสุดอลังการยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขงบประมาณที่คาดการณ์ว่าต้องทุ่มมหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาท อาจทำให้หลายคนตกใจหงายหลัง รัฐใช้เงินภาษีมาจัดการแข่งขันเพื่อคนกลุ่มเดียวหรือ? แต่ความจริงงบส่วนนี้ก็ไม่ใช่มาจากรัฐบาลเพียงส่วนเดียว เพราะทางบริษัท เรด บูล ในนามของเรด บูล และกระทิงแดง เสนอตัวขอเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันหลักอย่างเป็นทางการ อาจจะใช้ชื่อว่า “เรด บูล แบงค็อก ฟอร์มูล่า 1” โดยงบประมาณจะเป็นจากรัฐบาล 60 เปอร์เซ็นต์ อีก 40 เปอร์เซ็นต์มาจากภาคเอกชน และยังมีผู้ให้การสนับสนุนรายอื่นๆ ที่สนใจเข้ามาให้การสนับสนุนนั่นเอง

จากจำนวนเงินมหาศาลนี่เอง เลยทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเค้กก้อนโต กินกันให้พุงกาง อย่างความคิดเห็นนี้ อ่านแล้วไม่ได้ขอให้เชื่อ แต่ถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในสังคมไทยหรือไม่ คงปฏิเสธไม่ออก

“ต้องยอมรับครับว่าการจัดการแข่งขัน F1 สามารถทำรายได้ด้านการท่องเที่ยวได้มหาศาล ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ใครๆ ถึงได้อยากทำ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับ ท่านไม่แปลกใจเหรอว่า ทำไมคนที่ผลักดันเรื่องนี้ ถึงได้ดันกันสุดติ่ง เหตุผลง่ายๆ ก็คืองบประมาณในการจัดการแข่งขันไงครับ เท่าที่รู้มา ถ้าโครงการนี้ผ่าน ผู้ว่าฯ หนวดงามจะได้ประมาณ 3% ส่วนเจ้าของกระทรวงฯ ได้ประมาณ 7-10% นี่ยังไม่รวมผู้ทรงคุณวุฒิอีกนะ
ไม่มีใครเถียงหรอกครับว่า การแข่งขัน F1 ในไทย มันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเราเช่น สิงคโปร์ ที่กลายเป็นตำนาน แต่สิงคโปร์เค้าแทบไม่มีการคอร์รัปชั่นไงครับ ปัญหาเลยไม่มี ทุกคนทำงานกันอย่างแฟร์ๆ ไม่อยากจะคิดครับว่าเงินภาษีของเราๆ ท่านๆ ที่จ่ายให้ประเทศเพื่อไปพัฒนา จะโดนพวกมันกินไปอีกเท่าไหร่กับโครงการนี้

“ไม่เถียงครับว่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ต้องคิดด้วยว่ามันต้องลงทุนไปอีกเท่าไหร่ ในประเทศที่ไม่เคยวางแผนระยะยาวอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงค่าลิขสิทธิ์นะ แค่ทำรั้วกั้นสองฝั่งถนน ทำถนนให้ดี แล้วก็ทำประกันให้กับบ้านเรือนร้านค้าแถวนั้นทั้งหมด ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถแหกโค้งไปถล่มบ้านเขา คิดแค่นี้นะ ไม่ต้องเอาเรื่องรถติดมาพูดถึง แค่ทำรั้วเนี่ยจะหมดไปกี่ล้านเพื่อจะใช้งานแค่ไม่กี่วัน และทันทีที่จบงาน มันจะกลายเป็นขยะทันที เรื่องทำถนน แค่ปกติทำให้เรียบยังไม่ได้เลย
ผมว่าจริงๆ แล้ว ประเด็นมันอยู่ที่ว่าบ้านเมืองนี้ทำอะไรไม่เคยโปร่งใสครับ สมมุติว่าใช้งบร้อยล้าน พวกท่านๆ ทั้งหลายก็กินกันไปเกินครึ่งแล้ว จนมันเหมือนว่าตอนนี้ทำโปรเจ็กต์ขึ้นมาเพื่อที่จะได้งาบเท่านั้นเอง”

แม้แต่ทางกรมศิลปากรเองก็ยังอึกอัก และมีทีท่าไม่แน่ใจในคำตอบ ถึงแม้จะมีประชาชนส่วนหนึ่งเป็นห่วงต่อโบราณสถานก็ตาม สหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร ก็กล่าวแค่เพียงว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้ เนื่องจากหน่วยงานต้นสังกัดที่จัดงานยังไม่ได้ส่งหนังสือขอความคิดเห็นมายังกรมศิลปากร ทั้งนี้ หากผู้จัดงานส่งหนังสือมายังกรมศิลปากร จะมอบให้สำนักโบราณคดีพิจารณาว่า ระยะห่างของการแข่งขัน กับโบราณสถาน ห่างกันมากเพียงใด รวมทั้งให้วิศวกรเป็นผู้ตรวจสอบ จากนั้นจะพิจารณาตามหลักการวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถาน หลักการอนุรักษ์เท่านั้น

ผนึกกำลังค้านแข่งซิ่ง

ตั้งแต่มีกระแสข่าวออกมา ได้มีเสียงตอบรับและคัดค้าน บางส่วนที่มองว่าการจัดการแข่งขันฟอร์มูลา 1 ไม่เหมาะสมกับกรุงเทพฯ ในบริเวณที่จัดงานก็ได้ยกประเด็นมาให้คิด เช่น มลพิษทางเสียงที่ดังกระหึ่ม และผู้ชมการแข่งขันนี้ก็ต้องใส่เอียร์ปลั๊ก ส่วนคนอยู่บริเวณนั้นก็ต้องทนอุดหูระหว่างการแข่งขันในช่วงค่ำคืน ผิดกฎผังเมือง เนื่องจากมีการประกาศชัดเจนว่า ถนนสาธารณะไม่ใช่พื้นที่การจัดการแข่งขันรถ ปัญหาจราจรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องปิดถนน 5 วัน และการจราจรบริเวณนี้ก็ติดขัดอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ หากเกิดอุบัติเหตุไปโดนโบราณสถานจะทำอย่างไร ซึ่งนอกจากประชาชนสองฟากฝั่งถนนที่ไม่พอใจแล้ว ยังมีนักวิชาการด้านต่างๆ ที่เห็นคล้อยตาม อย่างเมื่อต้นสัปดาห์ ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ก็ได้ออกมาคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า การจัดการแข่งขันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง มีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุในการแข่งรถประเภทนี้ เพราะทุกตารางเมตรของพื้นที่จัดแข่งรถล้วนเป็นพื้นที่ทางโบราณสถาน ทางประวัติศาสตร์ของเกาะรัตนโกสินทร์และของชาติอีกทั้งเสียงและแรงสั่นสะเทือนของรถแข่งจำนวนมากจะทำให้โครงสร้างของพระบรมหาราชวัง อาคารประวัติศาสตร์และโบราณสถาน วัดสำคัญๆ ต่าง ๆ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติได้รับผลกระทบเสียหาย

“การที่กกท.และกทม. จะใช้อำนาจโดยพลการ นำไปสู่การเห็นชอบให้ผู้ประกอบการเอกชนนำรถฟอร์มูลา 1 มาแข่งขันเพื่อโปรโมตแบรนด์สินค้าของเอกชน โดยสมอ้างว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น ทางสมาคมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินการดังกล่าว หากยังดื้อดึงก็จำเป็นที่สมาคมและชาวชุมชนเกาะรัตนโกสินทร์ที่หวงแหนโบราณสถานและทรัพย์สมบัติของชาติ จะนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อระงับเพิกถอนโครงการทันที”

ทั้งนี้ ได้มีการระบุว่า การแข่งขันดังกล่าวเป็นการดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดพ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535, พรบ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2535 และขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 74 มาตรา 290 ประกอบมาตรา 57 มาตรา 58 และมาตรา 67 รวมถึง กทม. เองก็เพิ่งออกระเบียบใหม่ว่าห้ามแข่งรถในเมืองหลวงชั้นใน ดังนั้นจึงจะต้องมีการหารือกันอย่างใกล้ชิด

กรณีนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะการแข่งขันฟอร์มูลา 1 ในอนาคตปี 2558 นั้น ก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ตอนนี้ยังต้องใช้เวลาในการศึกษาว่าผลกระทบแท้จริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าอีก 2 ปี ข้างหน้าคงต้องมีการหยิบยกขึ้นมาพูดใหม่อีกครั้งแน่นอน และที่สำคัญอยากให้งบประมาณที่ทุ่มจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ใช่ว่าใกล้แข่งขันถึงได้คิดมาทำแบบผักชีโรยหน้า อย่างที่คนไทยเห็นจนเอือมระอาแล้ว

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


ภาพโชว์วิ่งรถฟอร์มูลา 1 เมื่อปี 2010
กำลังโหลดความคิดเห็น