xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์ดารา? “ร้อยตำรวจตรี” ฟรี ไม่ต้องสอบ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอตำแหน่งว่างก็เสียบได้เลย สำนักงานตำรวจให้ตำแหน่งเราเอง ผมเรียนจบปริญญาตรี กำลังเรียนปริญญาโท ถ้าเป็นก็เป็นร้อยตำรวจตรี หรือถ้าจะรอจบปริญญาโท เราก็จะได้ตำแหน่งที่สูงกว่านี้อีก”
คำสัมภาษณ์เพียงไม่กี่คำจากปากพระเอกหน้าเข้ม อาร์ต-พศุตม์ ทำเอาสะเทือนสีกากีไปทั้งกรม ร้อนใจไปอีกหลายฝ่าย โดยเฉพาะชาวเน็ตที่เร่เข้ามาจวกยับ ด่าเละ หาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไร้ความยุติธรรม คนทั่วไปสอบแทบตายกว่าจะได้ แต่กับดาราดันประเคนดาวให้แบบฟรีๆ!! ส่วนความจริงจะเป็นเช่นไร ตรงกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากน้อยแค่ไหน คำตอบอยู่ในบรรทัดต่อจากนี้...




คำให้การของ “ว่าที่ร้อยตรี”
เห็นรับบทตำรวจมาหลายเรื่องติดๆ กัน แต่ใครจะคาดคิดว่าบทโทรทัศน์จะกลายมาเป็นบทชีวิตจริง อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในหนังสือพิมพ์ข่าวสดว่า ขณะนี้กำลังเตรียมพร้อมยื่นเอกสาร ขอรับตำแหน่ง “ตำรวจนักประชาสัมพันธ์” ตามที่ถูกผู้ใหญ่ทาบทามไว้ด้วยท่าทีดีอกดีใจ จะได้ทำความฝันวัยเด็กให้เป็นจริง
 

“ผมว่าจริงๆ ก็เป็นความใฝ่ฝันของเด็กผู้ชายหลายๆ คนที่อยากเป็นตำรวจ คิดดูสิจากเด็กนักเรียนช่าง อยู่ดีๆ ได้เป็นตำรวจ จากตอนแรกอยู่ดีๆ ได้เป็นดารา ตอนนี้อยู่ดีๆ ได้เป็นตำรวจก็ดีนะ” ทั้งยังบอกเอาไว้ด้วยว่ารับบทเป็นตำรวจมาก็หลายเรื่อง ถ้าให้เป็นตำรวจจริงๆ “ผมก็เป็นนะ เพราะถ้าเราเป็นตำรวจแล้วเป็นตำรวจที่ดี คนก็จะนับถือเราเยอะ”
 

จากนั้นจึงเผยใจความสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวถกเถียงกันใหญ่โตอยู่ในขณะนี้ออกมา บอกว่าถ้าจะเป็นตำรวจตอนนี้ก็เป็นได้เลย “พี่ที่รู้จักเขาบอกว่ารอแค่ตำแหน่งว่าง เพราะผมเรียนจบปริญญาตรี กำลังเรียนปริญญาโท ถ้าเป็นก็เป็นร้อยตำรวจตรี หรือถ้าจะรอให้เรียนจบปริญญาโทก็ได้ เราจะได้ตำแหน่งที่สูงกว่านี้อีก"
 

ซ้ำยังย้ำอีกว่า ไม่ต้องสอบเข้าเหมือนคนอื่นๆ “รอตำแหน่งว่างก็เสียบได้เลย เหมือนว่าเขาให้ตำแหน่งเราเอง โดยสำนักงานตำรวจเป็นคนมอบให้ จะเป็นเหมือนตำรวจประชาสัมพันธ์ เวลามีงานอะไรของตำรวจเราก็เข้าไปช่วย ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง การพูดของเราจะคล่อง แต่อาจจะต้องมีการฝึกแบบตำรวจในช่วงแรกบ้าง"
 
ขณะนี้ เจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงจัดเตรียมเอกสาร ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่ยังยืนยันด้วยความมั่นใจว่า “ได้เป็นอยู่แล้วครับ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่เรายังไม่มีเวลาเอาเอกสารเข้าไปให้เขา คือถ้าผมมีเวลาปุ๊บ จะเข้าไปทำแน่นอนครับ พอพี่เขาเข้ามาชวนให้เป็นตำรวจ คุยรายละเอียดเสร็จ ผมก็โทร.บอกฝน (พัชรินทร์ จัดกระบวนพล ผู้เป็นแฟนสาว) ว่ามีพี่เขาติดต่อให้เป็นตำรวจ ฝนถามกลับมาว่าพี่ว่ายังไงบ้าง ผมก็บอกว่าดีนะ มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ก็ตื่นเต้นดี ฝนเขาก็บอกว่าเป็นเลย"




สายตรงจากกรม ไม่มีข้อมูล...
ด้วยความสงสัยจึงติดต่อคนที่จะสามารถให้คำตอบได้ดีที่สุดคนหนึ่งเกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลในสีกากี ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คอลัมนิสต์ “โลกของตำรวจ” ซึ่งทำงานวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมภายในองค์กรตำรวจมาเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว
ครั้งแรกที่ติดต่อไป เธอได้แต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อหู คล้ายไม่เคยได้ยินข่าวคราวเรื่องนี้มาก่อน ได้แต่ให้ข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้ว่า ทราบมาบ้างว่ามีการคุยกันภายใน ต้องการให้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ของทางกรมตำรวจ แต่ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นดาราชื่อ “อาร์ต-พศุตม์” เช่นนี้
 

หลังขออนุญาตวางสายจากผู้สื่อข่าวเป็นการชั่วคราว โทร.เช็คทุกหน่วยงานที่น่าจะเกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายสารสนเทศ ฝ่ายโฆษก และฝ่ายกำลังพล จึงได้คำตอบว่า “ไม่ใช่แน่นอน ต้องกลับไปถามน้องอาร์ตเขาว่า เขาได้รับทาบทามจากใครหรือหน่วยไหน เพราะพี่เช็คหมดทุกหน่วยแล้ว โทร.ถามท่านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยนะ ไม่มีใครรู้เรื่องเลย”
 

“พี่เองก็ตั้งข้อสังเกตว่า อาร์ต-พศุตม์ ไม่น่าจะใช่คนที่จะมารับตำแหน่งประชาสัมพันธ์ พี่คิดว่าเขาไม่น่าเหมาะ เพราะคำให้สัมภาษณ์ของน้องเขาถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายมากนะ
โชคดีที่โทร.ไปเช็คก่อน เพราะถ้าอ่านจากคำสัมภาษณ์ของเขาแล้วไม่โทร.ไปเช็ค พี่จะว่าองค์กรตำรวจแน่นอนว่าจะรับคนด้วยวิธีนี้เหรอ นึกจะไปเชิญใครก็ไปเชิญมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้สมัคร ร้อยตรีเทียบเท่ากับนายร้อยเรียน 4 ปี ซึ่งโหดมากเลยนะกว่าจะผ่านมาได้ แต่อาร์ตเขาให้สัมภาษณ์แบบนี้ เหมือนเป็นเรื่องได้มาง่ายๆ มันทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำงานด้านประชาสัมพันธ์”
 

ประการที่สองคือ การให้ข่าวของดาราหนุ่มหน้าเข้มรายนี้ดูขัดกับหลักการปกติที่ตำรวจรับบรรจุกำลังพลตามปกติอยู่มากทีเดียว เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีดาราคนไหนได้รับอภิสิทธิ์อย่างนี้มาก่อน จะใช้วิธีเปิดรับนักเรียนตำรวจแบ่งเป็นรอบๆ ไป จะมีการเปิดสอบแบบพิเศษกรณีเดียวเท่านั้นคือ คุณวุฒิขาดแคลน เช่น แพทย์ขาดแคลน ซึ่งการสอบพิเศษแบบนี้ก็ต้องผ่าน ก.ตร. (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) พิจารณาก่อน และผ่าน ผบ.ตร. อีกทอดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันรับเธอแล้ว เธอเข้ามาเซ็นชื่อก็เรียบร้อย มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งยังต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ และมีสอบสัมภาษณ์ โอกาสที่จะเปิดรับก็มีน้อยมาก
 
“แค่เรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ การเลื่อนยศร้อยตรีให้แก่นายดาบ และการให้คนที่จบปริญญาตรีเป็นนายร้อย ก็วุ่นวายจะแย่แล้ว อย่าเพิ่งเพิ่มปัญหาใหม่เลย”




กลยุทธ์ใหม่ เปลี่ยน “ตำรวจดำ” เป็น “ตำรวจขาว”
ยอมรับตามสภาพจริง ทุกวันนี้ ภาพลักษณ์ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในสังคมไทยช่างมืดหม่นดำยิ่งนัก แต่ละข่าวที่ถูกนำเสนอออกมา ส่วนใหญ่มีแต่ทำลายศรัทธาประชาชนแทบทั้งสิ้น อาจารย์ปนัดดาจึงลงมาช่วยนั่งวิเคราะห์และเสนอแนะว่า ถ้ารักจะล้างภาพเก่าให้หมดไป ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยการทำให้ตำรวจสีดำกลายเป็นตำรวจสีขาวผ่านงานประชาสัมพันธ์
 

“ตำรวจ ตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนมา มันเป็นการโชว์ตัวเอง โชว์โฆษกตำรวจว่าทำอะไรบ้าง แต่ไม่ได้สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรโดยรวมเลย เพราะฉะนั้น ควรจะต้องเอามืออาชีพมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ทำงานให้สมกับงานประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่การให้ข่าว เพราะตำรวจก็มีทั้งตำรวจดีและไม่ดี แต่ข่าวที่ออกมาตลอดคือข่าวตำรวจไม่ดี ส่วนข่าวที่ออกมาจากตำรวจ จะเป็นการให้ข้อมูลว่าทำอะไร-ที่ไหน มากกว่า ไม่เคยมีบทบาทเชิงรุกในการสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรเลย
 

ทุกวันนี้สื่อค่อนข้างมีอิทธิพลอย่างมาก ประชาชนใช้สื่อมาเป็นเครื่องมือในการป้องกันตัวเอง ตำรวจก็ควรจะมีความก้าวหน้าในการใช้สื่อและเทคโนโลยีเหมือนกัน ไม่ใช่โบราณอย่างปัจจุบัน งานอื่นเช่นงานปราบปราม อาชญากรรม ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตลอด แต่งานประชาสัมพันธ์ล้าหลังมาก ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเลย”
 

และถ้าจะกู้ภาพลักษณ์อย่างจริงจัง ขอเตือนไว้เลยว่า วิธีที่ไม่สนับสนุนอย่างแรงคือ การเลือกดารามาเป็นตำรวจฝ่ายประชาสัมพันธ์ “เพราะดาราไม่ใช่มืออาชีพด้านการสื่อสาร และงานประชาสัมพันธ์ตำรวจจะมาสร้างภาพมันก็คงไม่เหมาะ มันต้องอาศัยความจริงในระดับสูง แต่อยู่ที่ว่าจะเอาความจริงมาเผยแพร่ยังไงให้รู้สึกอุ่นใจ งานดาราจึงไม่ใช่มืออาชีพในสายตาของพี่ ไม่ใช่นักประชาสัมพันธ์องค์กรที่ดี แต่ถ้าจะเอาดารามาเป็น Brand Ambassador ก็ต้องเป็นคนที่เป็นมืออาชีพด้านสื่อสารมวลชนจริงๆ ไม่ใช่แค่เล่นละครเป็นตำรวจแล้วจะเป็นเหตุผลที่จะเอามาบรรจุได้
 

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ากลยุทธ์แบบใหม่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางเอาไว้จะออกมารูปแบบไหน จะช่วยล้างภาพตำรวจดำเป็นตำรวจขาวได้หรือไม่ คงต้องรอดูคำตอบ แต่ที่แน่ๆ คือ ถ้าความเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นการโยนหินถามทาง เจ้าของคำสั่งผู้ทาบทามพระเอกหน้าเข้ม คงได้คำตอบชัดเจนแล้วว่า ภาพลักษณ์ของตำรวจในสายตาประชาชนจะลงเอยเช่นไร และนี่คือเสียงบางส่วนที่สะท้อนกลับมา

“มันไม่แปลกอะไรที่ประเทศนี้มีระบบเส้นสาย เป็นแค่ดาราแสดงละคร ตำรวจก็จะมอบตำแหน่งให้ โธ่! วงการตำรวจทำได้เนอะ พวกที่สอบแข่งขันกันก็เลือดตาแทบกระเด็น เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า คุณค่าของคนอยู่ที่หน้าตา ประเทศคงเจริญตายเลย”
 

“บางคนสอบตั้ง 4-5 ครั้งถึงสอบได้ แต่ดาราจบแค่ปริญาตรี ประเคนยศร้อยตรี แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าอาชีพมีเกียรติอีกเหรอ ตำรวจที่เขาทุ่มเทน่ะอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้โน่น พวกคุณไม่สงสารเขาเหรอ”

“ก็มีคนคิดแบบง่ายๆ แบบนี้ไง ประเทศถึงได้ถอยหลังลงคลอง”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE





กำลังโหลดความคิดเห็น