xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์ คนขี้เมื่อย นวดผิดหลัก ไม่สะอาด เสี่ยงถึงตาย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทุกวันนี้จะเดินไปตามตรอกซอกซอยไหนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ร้านรวงริมทางที่เห็นจนชินตาคงต้องมี "ร้านนวดแผนไทย" รวมอยู่ด้วยแน่นอน มันเลยกลายเป็นธุรกิจที่ใครๆ ก็ทำได้ ไล่ไปตั้งแต่ระดับปูเสื่อนวดจนถึงร้านนวดระดับวีไอพี แต่ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด สิ่งที่ต้องใส่ใจที่สุดคือความปลอดภัยในการรักษาความสะอาด ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนพระเอกดัง “สมบัติ เมทะนี” ที่แค่นวดฝ่าเท้าแต่ได้รับของแถมเป็นเชื้อโรคในกระแสเลือดแทน!!

นวดผิด เสี่ยงถึงตาย

หลังจากวันที่ 26 มีนาคม พระเอกชื่อดังอย่าง สมบัติ เมทะนี ต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการมีไข้สูง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และเท้ามีอาการบวม ซึ่งด้านภรรยา กาญจนา เมทะนี ได้สันนิษฐานว่า เกิดจากการที่สามีไปนวดฝ่าเท้ามาจากร้าน ณ ท่าอากาศยานอุดรธานี ซึ่งเธอสังเกตว่าไม่สะอาด เนื่องจากพอเข้าไปในร้านก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนน้ำ เปลี่ยนผ้าเลย โดยในภายหลังแพทย์ตรวจพบว่ามีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่ง พล.อ.ต.นพ. ธนกฤต ลิ้มรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลาดพร้าว ได้แถลงผลวินิจฉัยว่า

“การติดเชื้อในกระแสเลือดนั้นมาจากแผลที่เกิดจากไม้ที่ไปรูดผิวหนัง ซึ่งเผอิญผ้าและไม้ที่ใช้ไม่สะอาด ไม่เกี่ยวกับการนวดกดทับครับ แต่ถ้าถามเชื้ออะไรตอบยาก เพราะตัวเราก็มีเชื้ออยู่แล้ว รวมถึงเชื้อด้านนอกที่เข้ามา ก็คงเป็นสาเหตุที่เชื้อเข้าไปในร่างกาย เป็นเชื้อที่อยู่ในผิวหนัง เพราะปกติในผิวหนังคนเรามีเชื้อเยอะอยู่แล้ว ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส แต่อยู่ได้อย่างปกติ แต่เมื่อไหร่ที่เกิดแผลเราก็ยังไม่สามารถตรวจได้ว่าเชื้อตัวไหนเข้าไป แต่อาการที่เกิดค่อนข้างเร็วคงเป็นเชื้อแบคทีเรียและคงไม่ใช่ตัวเดียว”

อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบไปยังร้านแล้ว อุปกรณ์คุณภาพเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ถือว่าได้มาตรฐาน หมอนวดมีการผ่านการอบรมถูกต้องตามหลักสาธารณสุข และได้ให้คำแนะนำในการบริการนวดแก่ผู้ที่มารับบริการได้ดี มาตรฐานถูกต้องตามหลักสากล

นอกจากการระวังเรื่องติดเชื้อจากอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น เตียงนวดตัวหรือเบาะนวดตัว หมอน ผ้าขนหนู ครีมหรือน้ำมันสำหรับนวดฝ่าเท้า น้ำมันนวดตัว ไม้กดจุด ที่ไม่สะอาด ผิดหลักสุขลักษณะแล้ว สิ่งที่ผู้นิยมการนวดพึงระวังคือการตรวจสภาพร่างกายของเราเองว่าเจ็บป่วย มีอาการบาดเจ็บหรือเปล่า รวมไปถึงผู้ป่วย ผู้มีโรคประจำตัว จะเป็นการดีถ้าหลีกเลี่ยงการนวดได้ อย่างคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยงการนวด หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานหากนวดฝ่าเท้าด้วยการกดน้ำหนักที่แรงมากเกินไป อาจทำให้เนื้อเยื่อช้ำ เกิดการอักเสบและเป็นแผลในเท้าซึ่งรักษาได้ยากจนอาจถึงขั้นต้องตัดเท้าทิ้ง

ข้อมูลจากแหล่งข่าวยังระบุว่า ตั้งแต่มีเทรนด์ฮิตการนวดผ่อนคลาย พบว่ามีผู้ป่วยที่ต้องผ่าเลาะพังผืดบริเวณบ่าและไหล่จำนวนมาก จึงเตือนว่า เวลาไปนวด อย่าไปนวดแบบกดหนักๆ จนกล้ามเนื้อช้ำ เพราะถ้าเกิดอาการช้ำหลายๆ ครั้ง มันจะสร้างพังผืดขึ้นมาทำให้กล้ามเนื้อยึด และต้องผ่าเลาะออก โดยอาการนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับอาการนิ้วล็อกจากการถือของหนัก จนต้องผ่ามือเลาะเอาพังผืดออกนั่นเอง

ระวัง!! นวดเถื่อนเกลื่อนเมือง

แม้กระทั่งข่าวครึกโครมเมื่อปีที่ผ่านมาเรื่องหมอนวดเขมรทำบัณฑิตสาว รั้วจุฬาฯ ดับ โดยครั้งแรกรักษาด้วยการใช้เท้าเหยียบหินก้อนใหญ่แล้วมาเหยียบตามร่างกายเป็นเวลาหลายครั้ง รวมถึงสั่งงดยาเบาหวานและให้นอนค้างที่คลินิก จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยสาเหตุหัวใจวาย ซึ่งเมื่อถูกจับกุมหมอเถื่อนเขมรนั้นให้การว่ามีลูกค้ามารักษาถึงวันละ 5-6 ราย เลยทีเดียว

จากที่ธุรกิจการนวดเฟื่องฟูมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นทำธุรกิจร้านนวดแบบเล็กๆ นั้นไม่ต้องใช้เงินจำนวนสูงมากนัก อีกทั้งมีคอร์สเรียนนวดแผนไทยที่เปิดเป็นเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง เลยทำให้ร้านนวดแผนไทยผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดตามแหล่งชุมชน แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สำหรับให้พักนวดผ่อนคลายเพื่อฆ่าเวลา และยังมีหมอนวดอีกจำนวนหนึ่งที่รับนวดนอกสถานที่ก็ปรากฏให้เห็นเกลื่อนกลาดในอินเทอร์เน็ต

อย่างบริเวณย่านถนนพระอาทิตย์ ถนนรามบุตรี ย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ก็มีร้านนวดแผนไทยเรียงรายเต็มสองข้างทาง ยิ่งพอตกเย็นจะมีบางกลุ่มกางเตียงผ้าใบนวดกันริมถนน หรือบริเวณสนามหลวงก็จะมีหมอนวดหญิงทั้งแก่ ทั้งสาวปะปนกันไป ปูเสื่อรับนวดกันเป็นทิวแถว ซึ่งน่ากลัวว่าหมอนวดเหล่านี้ นอกจากจะเป็นหมอนวดเถื่อนแล้วยังไม่รู้ว่าอาจจะแฝงขายบริการไปในตัวด้วยหรือเปล่า เสรัชย์ ตั้งตรงจิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์สุขภาพเชตวัน (วัดโพธิ์) ก็เคยกล่าวแสดงความเป็นห่วงว่า

“ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพไทย ยังประสบปัญหาด้านภาพลักษณ์ของธุรกิจด้วย เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริการนวดเพื่อสุขภาพไทย เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเปิดอาบอบนวด หรือสปานวดเฉพาะจุดให้ผู้ชาย(พริตตี้ สปา) กันมาก จนทำให้ภาพลักษณ์นวดเพื่อสุขภาพไทยโดยรวมเสียหาย จึงอยากให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การนวดเพื่อสุขภาพไทยแบบที่ถูกต้องให้ต่างชาติเข้าใจถูกต้องขึ้น”

หวั่นกระทบธุรกิจนวดไทย

ในปัจจุบันการนวดนั้นแบ่งออกง่ายๆ เป็น 2 ประเภท คือการนวดรักษาและการนวดเพื่อสุขภาพ ในการนวดรักษานี้ จำเป็นต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ โดยผู้ขอขึ้นทะเบียนสอบต้องผ่านการเรียนการสอนตามรายวิชาและตามระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ส่วนนวดเพื่อสุขภาพก็เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ผู้นวดสามารถเรียนตามสถาบันต่างๆ ที่เปิดสอนกันมากมายได้ในระยะเวลาสั้นๆ

การนวดที่ไม่ถูกต้องนั้นจะทำให้ผู้ถูกนวดเดี้ยงเอาง่ายๆ ซึ่งความปลอดภัยในการนวดนั้นขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้นวด และประสบการณ์ความชำนาญของผู้นวด ผู้นวดจะต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานทางกายวิภาคต้องรู้วิธีและตำแหน่ง บริเวณหรือจุดของการนวด และวินิจฉัยโรคหรือภาวะต่างๆ ที่ต้องห้ามหรือต้องพึงระวังในการนวด โดยอาจจะดูได้จากหลักสูตรหรือใบประกาศที่ผู้นวดได้ผ่านการอบรมมา

แน่นอนว่าเหตุการณ์ “นวดฝ่าเท้าจนหวิดดับ” ครั้งนี้ คงสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชน หลีกเลี่ยงการใช้บริการเพื่อความปลอดภัย จึงอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการนวดไทยอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจนี้ในระยะหลังเติบโตขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในต่างประเทศ และคาดว่าหลังจากที่ไทยร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะเป็นโอกาสทองของธุรกิจนวดแผนไทย โดยที่ผ่านมานอกจากมีคนไทยสนใจมาเรียน พบว่ามีชาวต่างชาติสนใจมาเรียนนวดกันมากขึ้น และมีหลายรายที่กลับไปเปิดกิจการบริการนวดแผนไทยในประเทศของตัวเอง

การนวดถือเป็นการผ่อนคลาย และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่เมื่อเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว คงไม่ต้องถึงกับตื่นตระหนก เลิกใช้บริการนวดอีกต่อไป แต่เก็บไว้เตือนเป็นอุทาหรณ์เมื่อเวลาไปนวดตัวเราเองก็ต้องไม่ประมาท พึงระวังข้อห้ามต่างๆ รวมไปถึงการเลือกใช้บริการจากร้านนวดที่มีใบอนุญาต ถูกต้องตามมาตรฐาน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเราเอง




*** ล้อมกรอบ ***

กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพการนวดไทย
ระบุว่า ผู้นวดต้องรับผิดชอบถ้าเกิดอันตรายแก่ผู้ถูกนวด ดังนี้

• หากทำให้ผู้อื่นเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ จะผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

• ถ้าผู้ถูกนวดเป็นอันตรายสาหัส โทษจะเป็นจำคุก ตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี ดังนี้
ก. ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียม่านประสาท
ข. เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถในการสืบพันธุ์
ค. เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว หรืออวัยวะอื่นใด
ง. หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
จ. แท้งลูก
ฉ. จิตพิการอย่างติดตัว
ช. ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
ซ. ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนา หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน

• ถ้ากระทำโดยประมาท เช่น นวดแล้วเกิดอันตรายสาหัส โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

• การนวดผู้ป่วยแล้วทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ถือเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


กำลังโหลดความคิดเห็น