xs
xsm
sm
md
lg

ตะลุยฟาร์มเต่ายักษ์ สัตว์เลี้ยงไฮโซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โลกใบนี้มีเต่าไม่กี่สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่จนน่าเกรงขาม “ซูลคาต้า” ก็เป็นเต่าทุ่งหญ้าแอฟริกาอีกสายพันธุ์หนึ่งเช่นกัน ซึ่งมีคนสนใจและนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา

ด้วยความที่เป็นเต่าซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และมีนิสัยเชื่องคนง่าย จึงเป็นที่รักของนักนิยมเลี้ยงสัตว์แปลก

“ซูลคาต้ากินเก่ง แอกทีฟ โตไว เป็นมิตรกับคน สามารถป้อนอาหารกับมือได้” วิว - พิริยะ ศุขพัฒน์ เจ้าของฟาร์มเต่ายักษ์ ReptileHiso บอกถึงลักษณะนิสัยเด่นๆ ของมันที่ทำให้หลายคนที่รู้จักหลงรักเต่า

“เราเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ที่ชอบและเลี้ยงจริงจังก็เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และที่มาทำฟาร์มเต่าเลยประมาณ 3 ปี จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะทำเป็นธุรกิจอะไร เราเลี้ยงเพราะชอบมาก่อน มันเข้ากับนิสัยเราได้ ทำงานประจำไม่มีเวลา เลี้ยงพวกนี้มันไม่ต้องใช้เวลามาก เต่าก็เลี้ยงง่าย กินผัก กินหญ้า เวลานั่งดูมันกินอาหาร รู้สึกมีสมาธิ ทำให้เราใจเย็นด้วย”

“ซูลคาต้า” เต่ายักษ์แสนเชื่อง
พฤติกรรมที่ชอบทำหัวหุบๆ โผล่ๆ เวลามีสิ่งใดเข้าใกล้ เป็นการป้องกันระวังภัยตามสัญชาตญาณของสัตว์ชนิดนี้ แต่สำหรับเต่าซูลคาต้า ด้วยความที่มีนิสัยเชื่องคนมากกว่าเต่าพันธุ์อื่น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เจ้าของสามารถลูบหัวเบาๆ ขณะให้อาหารได้

ลักษณะเด่นของซูลคาต้า (Sulcata) เป็นเต่าใหญ่ยักษ์อันดับ 3 ของโลก รองจาก เต่าอัลดาบร้า (Aldabra) และเต่ากาลาปากอส (Galapagos) เต่าซูลคาต้าสามารถมีน้ำหนักตัวได้กว่า 100 กิโลกรัม และยังมีขนาดกระดองยาวมากถึง 36 นิ้ว หากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจะเป็นเต่าที่มีอายุยืนราว 100 ปี

ในธรรมชาติอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าสะวันนา บริเวณพื้นที่แห้งแล้งของชายขอบทะเลทรายซาฮาร่า ตั้งแต่ประเทศมาลี เซเนกัล ในแอฟริกาตะวันตก ไปจนถึงประเทศเอธิโอเปียในแอฟริกาตะวันออก เต่าซูลคาต้าจึงชอบพื้นที่แห้ง อากาศค่อนข้างร้อน และไม่ชอบความชื้น

ลักษณะตัวมีสีน้ำตาลออกเหลืองทอง ลายกระดองมีความสวยงาม ขาทั้ง 4 ข้างแข็งแรงและมีเกล็ดแข็งปกคลุม เช่นเดียวกับเต่าทะเลทรายทั่วไป เต่าซูลคาต้ามีนิสัยเดินเก่ง กินเก่ง โตไว แข็งแรง บึกบึน เชื่องคนง่ายกว่าเต่าสายพันธุ์อื่น

เลี้ยงง่าย ตายยาก
ในธรรมชาตินั้นอาหารหลักกว่า 80% ของเต่าซูลคาต้า คือหญ้า ที่เหลืออาจจะเป็นพวกวัชพืชและผลไม้ต่างๆ แต่สำหรับเต่าในที่เลี้ยงนั้น สามารถให้ผักทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด ซึ่งเต่าก็กินได้เกือบหมด เช่น กระเจี๊ยบเขียว ผักบุ้ง กวางตุ้ง ใบยอ ใบหม่อน กระบองเพชรเสมา ใบบัวบก หญ้ามาเลเซีย ถั่วฝักยาว ผักหวาน แครอท ฟักทอง และผักพื้นบ้านทั่วๆ ไป นอกจากนี้ ดอกชบา และดอกอัญชันก็สามารถกินเสริมได้เหมือนกัน

ควรเน้นผักที่มีไฟเบอร์สูงๆ หรืออาจจะให้พวกหญ้า หรือพวกผักใบเขียวต่างๆ ผักที่เน้นให้เต่ากินควรเป็นผักที่มีแคลเซียมสูง โดยเฉพาะใบม่อน ใบยอ เพื่อนำไปใช้สร้างกระดองให้เจริญเติบโตแข็งแรง พยายามอย่าให้พวกผลไม้ที่มีรสหวานบ่อยๆ เพราะในธรรมชาตินั้น เต่าซูลคาต้าจะกินหญ้าเป็นหลัก หากกินผลไม้ที่มีรสหวานมากจะทำให้เกิดโปรโตซัว และอาจจะทำให้เต่าไม่สบายได้

“เน้นอาหารที่มีแคลเซียม ช่วยสร้างกระดอง และจำพวกมีไฟเบอร์สูงที่ช่วยในการย่อยอาหาร ควรให้อาหารหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป เพื่อให้เต่าได้มีสารอาหารที่ครบถ้วน ห้ามให้อาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อเร่งการเจริญเติบโต อย่างอาหารแมว อาหารหมา เพราะจะทำให้กระดองปูด เนื่องจากขยายไว จนเสียรูปทรงได้”

สำหรับเต่าเด็กสามารถกินผักใบเขียวได้เกือบทุกชนิดเหมือนเต่าตัวโต แต่ควรสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่าย
หากมีพื้นที่เลี้ยงจำกัด ตอนเล็กๆ อาจเลี้ยงในกระบะพลาสติกก่อน ใช้กระดาษรองพื้น หรือไม่ก็เป็นหญ้าแห้งธรรมดา เพราะช่วยซับกลิ่นของเสียที่ถ่ายออกมาได้

โดยปกติสถานที่เลี้ยงควรมีแสงแดดส่องถึง เพราะซูลคาต้าเป็นเต่าที่ต้องการแสงแดดช่วงเช้าทุกวัน วันละประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ฉะนั้นต้องรับรังสียูวีเพื่อช่วยดึงแคลเซียมไปใช้ในการเจริญเติบโต แต่ก็ควรจะมีบริเวณที่เป็นร่มไม้บ้างเพื่อให้เต่าสามารถเข้าไปหลบได้เมื่ออากาศร้อนเกินความต้องการ สำหรับสถานที่เลี้ยงนั้น ยิ่งกว้างได้มากเท่าไรจะยิ่งดีกับเต่า เพราะเต่าจะได้เดินออกกำลังกายและจะได้ไม่เครียด อาจมีถาดน้ำตื้นๆ ใส่ไว้ด้วยก็ได้ ถึงแม้จะเป็นเต่าทะเลทราย แต่ก็มีความต้องการน้ำอยู่บ้างเหมือนกัน

“สิ่งที่ต้องระวังในการเลี้ยงเต่าซูลคาต้า สมัยก่อนเวลาเลี้ยงซูลคาต้า คนจะเข้าใจว่าต้องเอาไปกกไฟ เพราะคิดว่ามาจากทวีปแอฟริกา น่าจะต้องการความร้อน ชอบอากาศร้อนจัด โดนน้ำไม่ได้เลย แต่ถ้าร้อนมากๆ น้ำก็ไม่ได้กินก็จะทำให้เต่าสูญเสียน้ำไปเรื่อยๆ สุดท้ายทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี จนเกิดเป็นโรคนิ่ว

สังเกตอาการป่วยดูได้จากสัตว์ไม่ค่อยกิน ไม่ค่อยเดิน ดูหงอยๆ บรรเทาอาการเบื้องต้น โดยให้แช่น้ำอุ่นตื้นๆ ไม่เกินปากในช่วงเช้า อาจทำเป็นประจำสัก 3 - 4 วัน/ครั้ง เพื่อให้เขาได้กินน้ำและช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ก็จะช่วยหลีกเลี่ยงโรคนิ่วไปได้ อีกอย่างหนึ่งโรคหวัดก็ต้องระวัง ถ้ามีน้ำมูก ตาเชื่องซึม ต้องรีบเอาไปแช่น้ำ ตากแดดให้ได้รับความอบอุ่น เต่าก็จะดีขึ้น”

การทำความสะอาดกระดองเต่าสามารถทำได้โดยใช้น้ำเปล่า และใช้แปรงสีฟันนุ่มๆ ขัดเบาๆ ให้คราบสกปรกหลุดออกไป ไม่ควรใช้สบู่หรือสารเคมีอื่นๆ เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเต่าได้

วิธีเพาะเลี้ยง ความลับที่น่าทึ่ง
ตอนนี้ ReptileHiso มีพ่อแม่พันธุ์ซูลค้าต้าอยู่ประมาณ 10 กว่าตัว ถือว่าเป็นฟาร์มเต่ายักษ์ที่มีขนาดใหญ่อีกฟาร์มหนึ่งในเมืองไทย ซึ่งตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดถึง 28 นิ้ว เมื่อเทียบกับเต่าตัวจิ๋วเพิ่งเกิดขนาด 2 นิ้ว จึงทำให้ดูใหญ่โตจนน่าทึ่ง ซึ่ง ReptileHiso สามารถเพาะเลี้ยงเต่าน้อยซูลคาต้าได้ถึงปีละนับ 100 ตัว

การผสมพันธุ์ของเต่าซูลคาต้านั้น มีความพร้อมเมื่ออายุประมาณ 8 ปี หรือขนาดกระดองประมาณ 17 นิ้วขึ้นไป (ถ้าเป็นเต่าบางชนิดอย่างอัลดาบร้า ต้องมีอายุถึง 30 ปี ถึงจะผสมพันธุ์ได้) สามารถเลี้ยงตัวผู้น้อยกว่าตัวเมียได้ อาจมีตัวผู้สัก 2 ตัว ต่อตัวเมีย 4-5 ตัว ควรใช้ตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย เพื่อให้สามารถกดทับตัวเมียให้อยู่กับที่ในขณะทำการผสม

การแยกเพศเต่าจะสามารถดูได้ต่อเมื่อเต่ามีขนาดใหญ่แล้ว โดยตัวผู้กระดองด้านล่างจะค่อนข้างเว้าลึกเข้าไปและบริเวณก้นจะเป็นรูปตัว V และมีโคนหางยาวกว่าตัวเมีย ส่วนตัวเมียใต้ท้องจะแบนเรียบและบริเวณก้นจะเป็นรูปตัว U โคนหางสั้นกว่าตัวผู้ โดยเมื่อตัวผู้ต้องการจะผสมนั้น จะขึ้นไปคร่อมตัวเมียและจะสอดหางเข้าไปผสมกับตัวเมีย โดยใช้เวลาในการผสมนานพอสมควร

ฤดูผสมพันธุ์จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ช่วงเวลาอื่นจะไม่ใช่หน้าผสมพันธุ์ เต่าก็จะอยู่ด้วยกันตามปกติ โดยตัวเมียจะออกไข่เฉลี่ยครั้งละ 18-30 ฟอง โดยในแต่ละปี จะสามารถวางไข่ได้ถึง 3-4 ครั้ง/ แม่พันธุ์ 1 ตัว (ประมาณ 50 ฟอง/ตัว/ปี)

สำหรับการฟักไข่นั้น หลักสำคัญก็เพียงควบคุมความชื้นอยู่ที่ประมาณ 75-85% และคุมอุณหภูมิให้คงที่ประมาณ 29-31 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการฟักไข่ตั้งแต่ตัวเมียเริ่มวางไข่ จนลูกเต่าฟักเป็นตัวประมาณ 90 วัน เต่าซูลคาต้าก็จะเริ่มทยอยเจาะเปลือกไข่ออกมา เมื่อออกมาจากไข่ครั้งแรกจะมีขนาดประมาณ 2 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 20-30 กรัม

โดยจะมีถุงไข่แดงติดใต้ท้องมาด้วย ทำให้ในช่วงอาทิตย์แรกลูกเต่าไม่ต้องการอาหาร เพราะใช้อาหารจากไข่แดงที่ติดมาด้วยนั่นเอง หลังจากไข่แดงยุบหายไป ก็เริ่มให้ผักกับลูกเต่าตัวน้อยได้ ลูกเต่าที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ในประเทศนั้นค่อนข้างจะมีความแข็งแรง ไม่ค่อยเป็นโรค และมีอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างดีกว่าลูกเต่าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากไม่ต้องมาปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม

“เมื่อเรานำไข่มาฟักด้วยตู้ฟักไข่ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่ไข่ที่มีเชื้อจะออกมาเป็นตัวได้เกือบ 100% มีอัตราการตายน้อยกว่าเต่านำไข่ไปกกในดินตามธรรมชาติ เพราะตู้ฟักไข่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม จึงทำให้อัตราการตายน้อยลง ซึ่งเต่ามีอายุขัยเฉลี่ยพอๆ กับคนเรา ประมาณ 70 กว่าปีขึ้นไป”

ราคาไฮโซ และการตลาดชั้นยอด
“เต่าตัวละแสน อาจจะมองว่าใครจะบ้าไปซื้อ แต่ความจริงแล้วไม่พอขายเลย”

ReptileHiso ศูนย์รวมสัตว์เลื้อยคลานระดับไฮโซ ที่มีเต่ายักษ์ซูลคาต้าเป็นตัวชูโรงที่น่าสนใจ แม้ว่าจะเพิ่งทำตลาดอย่างจริงจังเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ชื่อ ReptileHiso เป็นที่จดจำของกลุ่มคนรักเต่าจำนวนมาก

“ที่มาของชื่อ ReptileHiso มาจากที่ผมทำงานเป็นก็อปปี้ ไรท์เตอร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) ก็จะชอบคิดอะไรให้คล้องจองกัน Reptile อะไรดีให้ชื่อมันติดหูคน มาลงตัวที่ ReptileHiso คล้องจองกันดีและความหมายก็ดูไฮโซ เหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหนือกว่าสัตว์ธรรมดาทั่วๆ ไป ให้ความรู้สึกว่าคนไฮโซๆ เขาเลี้ยงกัน การใช้ชื่อนี้มันจึงดูเข้ากับการตลาด ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ได้ไฮโซอะไรมากมาย ตั้งให้ดูน่าสนใจไว้ก่อน”

ราคาเต่าซูลคาต้า เริ่มต้นที่ตัวละ 3,500 บาท สามารถขายได้เมื่ออายุประมาณ 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับขนาดของกระดอง วัดจากด้านใต้กระดอง ตั้งแต่หัวถึงปลายกระดอง เฉลี่ยนิ้วละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นราคาขายตามท้องตลาดปกติ

“ปีที่แล้วผลิตได้ประมาณ 100 กว่าตัว แต่ไม่พอขาย ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากเว็บไซต์ http://reptilehiso.com/ ที่ทำขึ้นส่วนตัว และจากเฟซบุ๊ก ReptilehisoFanpage ถ้าอยากเลี้ยงผมจะให้เข้ามาดูที่บ้าน เราจะได้แนะนำวิธีเลี้ยงที่ถูกต้อง ตอนนี้มีลูกค้าโทร.มาทุกวัน อาทิตย์หนึ่งมาหาที่บ้าน 3-4 คน ส่วนใหญ่ผมจะพยายามนัดช่วงเย็นหลังเลิกงาน หรือไม่ก็เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ บางคนโทร.มาจองขณะที่ยังไม่ออกจากไข่เลย

นอกจากนี้ลูกค้าต่างประเทศก็มีเหมือนกัน อย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย เพราะตอนนี้สัตว์เลี้ยงจำพวกเลื้อยคลาน หรือสัตว์แปลก (Exotic Pet) ทั่วโลกกำลังเป็นที่นิยม ประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังบูมมาก ยิ่งช่วงหลังประเทศจีน ก็ให้ความสนใจมากเช่นกัน”

“ส่วนเรื่องการลงทุน ถ้าอยากได้ทุนคืนเร็วก็ต้องยอมซื้อเวลา ซื้อตัวใหญ่มาเลย อาจมีราคาแพงหน่อย แต่พอออกลูกมาคอกหนึ่งก็คืนทุนหมดแล้ว มันเป็นวัฒนธรรมในเชิงธุรกิจ เลี้ยงสัตว์แล้วมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอด ยิ่งโตยิ่งแพง ดีกว่าฝากธนาคาร ไม่เหมือนหมานะ พอแก่ก็ไม่มีใครเอา”

ตอนนี้ก็มีคนเริ่มเพาะเลี้ยงเต่าซูลคาต้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเห็นช่องทางทำเงิน ส่วน ReptileHiso มีแพลนจะขยายไลน์ไปเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงอย่างอื่นแทน เน้นให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น งู BallPython, กิ้งก่า เบียร์ดดราก้อน, อีกัวน่า, แพรี่ด็อก และเต่าน้ำ โดยยึดคติที่ว่าควรเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมกับเรา

ใครสนใจเลี้ยงเต่าซูลคาต้า ติดต่อมาได้ที่ ReptileHiso ฟาร์มเต่ายักษ์ซูลคาต้า ซ.รามอินทรา 19 แยก 21 สอบถาม โทร.08-2522-5556 (วิว) หรือ 08-1432-0100 (หญิง) อีเมล : cyberwew@hotmail.com












กำลังโหลดความคิดเห็น