แม้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งล่าสุดของประเทศไทยจะได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่มันทิ้งไว้ก็คือบาดแผลที่ปรากฏอยู่ในใจของผู้ประสบอุทกภัยและความเสียหายของอาคารบ้านเรือนซึ่งถ้าจะตีออกมาเป็นมูลค่าแล้วก็คงหลายหลายสิบหลายร้อยหลานพันหลายหมื่นล้านบาท และแน่นอนว่าความเสียหายเหล่านี้ มันไม่สามารถแก้ไขเยียวยาได้ในเวลาอันสั้นแน่นอน
ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐและเอกชนก็พยายามเข้ามาทำการเยียวยาปรับปรุงซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดมาจากน้ำท่วม แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ครอบคลุมไปยังทุกพื้นที่ และแต่ละพื้นที่นั้นก็ยังต้องมีขึ้นตอนการซ่อมแซม เยียวยา และฟื้นฟูที่แตกต่างกันออกไป
‘ชุมชนวัดปุรณาวาส’ ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ต้องประสบกับอุทกภัยในระดับที่ร้ายแรง แม้ว่าทางจะได้รับการเยียวยาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ในส่วนของการฟื้นฟูนั้นยังต้องทำต่อไปอีกมาก ซึ่งล่าสุดทางผู้บริหารและพนักงานบริษัท โอสถสภา จำกัด ผนึกกำลังกับกำลังพลจากกองทัพบก สำนักงานเขตทวีวัฒนา ร่วมจัดกิจกรรมทาสีบ้านผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมขึ้น
พร้อมส่งมอบพระบรมฉายาลักษณ์ ป้ายเลขที่บ้าน นาฬิกา และถุงของขวัญโอสถสภาให้กับชุมชนที่ได้รับการซ่อมแซมบ้านเรือน ในโครงการ ‘ซ่อมบ้านแปลงเมืองให้สดใส ถวายพ่อหลวง’ ซึ่งได้รับงบประมาณส่วนหนึ่งมาจากโครงการโอสถสภาร่วมใจ ช่วยผู้ประสบภัยเพื่อชีวิตที่ดี...ยิ่งกว่า ซึ่งจัดขึ้นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายในการทาสีบ้านใหม่ทั้งชุมชน ซึ่งบ้านเหล่านี้เป็นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมให้กลับมามีความสวยงาม เพื่อให้ชุมชนและคนในชุมชนอยู่กันอย่างมีความสุข ซึ่งจะทำการทาสีบ้านทั้งสิ้นจำนวน 120 หลัง
ในความเป็นจริงแล้ว วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถือเป็นวันแห่งความรักที่สำคัญสำหรับหนุ่มสาวหลายคน แต่ในครั้งนี้ คนในชุมชนวัดปุรณาวาส ทหารและพนักงานจิตอาสาของโอสถสภาจะมารวมตัวกันแสดงความรักในแบบที่แตกต่างออกไป ด้วยการมาทาสีเพื่อคืนความสดใสให้กับชุมชน
เวลาประมาณ 9 นาฬิกา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา ธนา ไชยประสิทธิ์ ก็ได้เดินทางมาถึงยังวัดปุรณาวาส เพื่อที่จะทำพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ตอนนั้น แม้แดดจะยังไม่ร้อนสักเท่าไร แต่ก็พอเดาได้ว่าในช่วงบ่ายมันจะต้องร้อนมากกว่านี้แน่ๆ ทว่าตั้งแต่ประธานในพิธีไล่ไปจนถึงพลทหารที่มาร่วมงาน ต่างก็มีสีหน้าที่แจ่มใสและพร้อมจะร่วมมือกันทำสาธารณประโยชน์ไปพร้อมๆ กัน
และหลังจากพิธีการต่างๆ ได้เสร็จสิ้นลง คณะผู้จัดงานก็พร้อมที่จะหิ้วถังและถือแปรงไปมาสีชุมชนกันแล้ว โดยกำลังหลักของการทำงานครั้งนี้ ก็คือเหล่าทหารหารนั่นเอง โดยพันเอกสันติพงษ์ มั่นคงดี ผู้บังคับการกองพันทหารสารวัตร ที่11 ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของความร่วมมือระหว่างทหารและเอกชนครั้งนี้ไว้ว่า
“ชุมชนนี้อยู่ในระเบียบของกระทรวงกลาโหมเลยว่า ถ้าเกิดสาธารณภัยอะไรขึ้น เราจะต้องลงมาดูแลชุมชนนี้ ซึ่งกองพันทหารสารวัตร ที่11ของเรานั้นดูแลอยู่ 4 เขตคือ ทวีวัฒนา บางแค ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน เราก็สัมพันธ์กับชุมชนมาโดยตลอด แต่ตอนน้ำท่วมเรามีภารกิจพิเศษที่จะต้องไปช่วยบริเวณบางชันก่อน จึงไม่ได้เข้ามาที่นี่เต็มที่ แต่พอดีกับทางโอสถสภาเขามีโครงการช่วยเหลือที่นี่พอดีเราจึงเข้ามาร่วมด้วย พอดีกับว่าวันนี้มันเป็นวันแห่งความรัก”
โดยพันเอกสันติพงษ์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่ารู้สึกประทับใจกับความสามัคคีของคนในชุมชนนี้ เพราะที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาจนครบทุกหลังแต่คนในชุมชนก็มีความเข้าใจกันและไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเหล่านี้
“ทั้งเขตนั้นมีบ้านเป็นหมื่นๆ หลัง แต่การเยียวยานั้นสามารถจ่ายเงินได้ไม่ครบทุกหลัง กระนั้นเขาก็ไม่ได้ผิดใจกันนะ ผมก็เลยคิดว่าอยากจะเข้ามาทำอะไรให้กับชุมชนนี้ เลยสรุปว่าน่าจะเป็นการทาสีทำให้ชุมชนทั้งชุมชนสดใส โดยทั้งหมดนั้นก็อาศัยงบประมาณที่มีและความร่วมมือของนักเรียน คนในชุมชน พนักงานอาสาของโอสถสภาและกำลังจากกองพันทหารสารวัตรที่ 11 มันเป็นงานจิตอาสาร้อยเปอร์เซ็นต์”
ซึ่งความสามัคคีของชุมชนวัดปุรณาวาสนั้น แม้ในตอนแรกอาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง เพราะความไม่เข้าใจกัน แต่มันก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
“คือแม้ว่าบางบ้านอาจจะไม่ได้รับเงินเยียวยาในรอบแรก แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรก็ยังร่วมไม้ร่วมมือกันดี เข้าใจกันหมดแล้ว มันอาจจะมีการสำรวจที่ไม่ทั่วถึง แต่คนที่บ้านได้รับความเสียหายมากๆ และมีทะเบียนบ้านก็จะได้รับการพิจารณาก่อนแต่ยังไงมันก็ไม่สามารถให้ได้ครบทุกหลังอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้ก็ต้องเข้าใจกัน”
บุญช่วย เทศน์พงษ์ รองประธานชุมชนวัดปุรณาวาสเล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ในชุมชน
“ก็ขอขอบคุณที่ทุกฝ่ายร่วมไม้ร่วมมือกันจัดงบประมานลงมาและลงแรงมาร่วมกันทาสีชุมชนในวันนี้ มันเป็นการบรรเทาความทุกข์ร้อน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ช่วยให้ดีขึ้นมาก สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการมาทำให้บ้านของเราสดใสขึ้นจากการทาสีมากกว่า”
ในส่วนของานภาคสนาม แม้แดดจะแรงมากขึ้นกว่าตอนเช้า แต่อาสาสมัครทุกคนก็ไม่ได้ย่อท้อ และด้วยความที่ชุมชนนั้นตั้งอยู่เลียบกับคลองมหาสวัสดิ์ ทำให้พอมีลมอยู่บ้างซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้บรรยากาศโดยรวมดีขึ้น
กระบวนการทำงานนั้น ก็เป็นไปแบบเรียบง่าย โดยกำลังพลจากกองพันทหารสารวัตรที่ 11 ที่เป็นชายฉกรรจ์ ก็จะเป็นผู้ดำเนินการขนถังสีเข้ามายังพื้นที่ชุมชน ส่วนอาสาสมัครคนอื่นๆ ก็จะเป็นผู้ลงมือทาสีลงบนผนังของบ้านที่ยังคงมีรอยความเสียหายจากน้ำท่วมให้เห็น
ซึ่งภาพของความร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้มันได้สะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำจิตน้ำใจของคนไทย ที่ไม่สามารถทนอยู่เฉยได้เมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อน จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีทักษะในการทาสีซึ่งถือเป็นกิจกรรมหลัก แต่กระนั้นทุกคนก็ยังมีความพยายาม ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าบ้านเรือนหลังจากทาสีแล้วจะออกมาไม่สวย
เพราะสุดท้ายแล้วทางชุมชนก็จะมีมืออาชีพมาคอยเก็บงานให้อยู่ดี ซึ่งพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเหล่าทหารจากกองพันทหารสารวัตรที่ 11 ที่เคยทำงานช่างมาจนเชี่ยวชาญ
“มาทำงานภาคสนามไม่ค่อยบ่อยครับ แต่ถ้าออกก็จะเป็นงานโยธาเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ทาสีนี่ก็ทำได้ เพราะว่าก่อนจะมาเป็นทหารผมก็เป็นช่างมาก่อน” พลทหารอนุวัฒน์ คำงาม พลทหารจากกองพันทหารสารวัตรที่ 11 กล่าวถึงพื้นเพอาชีพเดิมก่อนมาเป็นทหาร ซึ่งอาสาสมัครที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ก็มีหลายคนที่สามารถทำงานช่างได้ดี ดังเช่น สมจิตร จงจอหอ นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชื่อดัง เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกจากปักกิ่งเกมส์ เมื่อปี 2551 ก็ได้มาร่วมกันซ่อมบ้านแปลงเมืองให้สดใสในครั้งนี้ด้วย
“ตอนช่วงน้ำท่วมผมก็ไปช่วย และหลังจากน้ำลดผมก็ดีใจที่ได้มาร่วมฟื้นฟู เพราะผมคิดว่าคนไทยต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ยิ้มให้กัน ส่วนเรื่องทาสีนี่สบายมากเลยครับ เพราะผมเป็นช่างเก่าอยู่แล้ว”
..........
แม้ว่าการทาสีชุมชนวัดปุรณาวาสในครั้งนี้ จะเป็นการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงและความหวังว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่สูญเสียไปกับอุทกภัยใหญ่ จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หรือบางที... มันอาจจะมีสิ่งที่ดีกว่าเดิมเกิดขึ้นก็ได้ เพราะความยากลำบากที่เพิ่งผ่านพ้นไป นำมาซึ่งความสามัคคีร่วมมือ และความรักที่จะช่วยเหลือกันมากขึ้น
>>>>>>>>>>
……….
เรื่อง : Call Me Bond
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภน