xs
xsm
sm
md
lg

สาวป็อปพีเจ “Love Me Love My Mom”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
สาวน้อยที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ บุคลิกสดใส ร่าเริง ที่ใครๆ ต่างเรียกเธอว่า “PJ” นักร้องน้องใหม่จากค่ายโซนี่ มิวสิค กับการเปิดตัวซิงเกิลแรกต้อนรับวันแม่ “Love Me Love My Mom” ซึ่งบ่งบอกความเป็นตัวตนของเธอ โดยผ่านบทเพลงนี้ได้อย่างชัดเจน จากเด็กน้อยในวันวานที่มีความฝัน สู่การเป็นนักล่ารางวัลอย่างมืออาชีพ กิจกรรมต่างๆ ที่เคยผ่านมา จึงเป็นเครื่องการันตีความสามารถที่มีอยู่ในตัวเธออย่างมากมาย

M-open นัดสาวน้อยมานั่งพูดคุย เพื่อให้ได้สัมผัสตัวจริง เสียงจริงกันแบบไม่มีปิดบัง เธออยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ ช่างดูน่ารัก สมวัย หลังจากรอเวลาให้เธอเสร็จสิ้นหน้าที่สำคัญของการเป็นนักเรียนวันนี้ เธอเดินเข้ามาทักทายอย่างอารมณ์ดี ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา พาให้เราพลอยส่งยิ้มหวานตอบรับอย่างไม่รู้ตัว ด้วยบุคลิกที่เป็นธรรมชาติ ช่างเจรจา จึงทำให้ดูเป็นคนน่ารักแบบเปิดเผย วันนี้เธอจะมาเล่าประสบการณ์มันๆ ลุยๆ ในมุมมองความคิดแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

เด็กไฮเปอร์
สาวน้อยไทยแท้ที่เรียนโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่เด็ก หลายคนอาจคงสงสัยกับชื่อของสาวน้อย PJ (พีเจ) แต่คงเดาได้ไม่ยากว่า อักษรภาษาอังกฤษสองตัวนี้ต้องย่อมาจากคำว่าอะไรสักอย่าง รู้ไหมว่ากว่าที่เธอจะได้ชื่อนี้มา ต้องเสียน้ำตาให้แก่มันไปแล้ว

“ชื่อพีเจ ย่อมาจากพลอยจันทร์ จริงๆ แล้วพีเจเกิดมาชื่อพลอยจันทร์ เนื่องจากคุณตาของพีเจเป็นคนขายพลอยที่ จ.จันทบุรี พอตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่หมั้นกันก็ใช้แหวนพลอยจันทร์ ก็เลยเอาคำว่าพลอยจันทร์ตั้งเป็นชื่อเรา แต่พอพีเจเข้าโรงเรียนนานาชาติ คุณครูคนแรกของพีเจก็เป็นคนต่างชาติใช่ไหมค่ะ เขาก็เรียกชื่อเพื่อนทุกคนว่าปีเตอร์ จอห์น อะไรก็ว่าไป ทุกคนก็เฮฮากับคุณครู แต่พอเรียกเด็กหญิง พอยช้าน ไม่ยอมหันสักที ก็กลายเป็นปัญหาว่าครูเรียกชื่อไม่ได้ และพีเจไม่ชอบก็เลยไปบอกแม่ ซึ่งตอนอยู่ชั้นอนุบาล 3 แม่ก็คิดชื่อให้ใหม่ ณ บัดนั้นเลย เปลี่ยนเป็น พีเจ แล้วเราก็ตื่นเต้นมากไปบอกทุกคนว่าเราชื่อ พีเจ นะ ตอนนี้คนที่รู้จักพีเจ จะเรียกชื่อพีเจหมดเลย ส่วนชื่อพลอยจันทร์ จะเป็นญาติๆเท่านั้นที่เรียก”

คุณแม่พีเจตั้งใจใช้ชื่อพลอยจันทร์ ตั้งให้เป็นชื่อจริงของลูกสาวคนเดียวนี้ เพราะทั้งความหมายในที่มาของชื่อ และเป็นคำไพเราะแบบไทยๆ แต่พอพาไปหาพระ ท่านก็ทักว่าให้ชื่อ หริสวรรณ ดีกว่า ชื่อนี้จึงกลายเป็นชื่อจริง และพลอยจันทร์จึงเป็นชื่อเล่นไป แต่บุคลิกที่ซ่า แซบ ซน ของเธอ ช่างดูไม่สมชื่ออันแสนเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างพลอยจันทร์เอาเสียเลย จนมีคนตั้งฉายาให้เธอว่า “อยู่ไม่สุข” เพราะเธอเป็นเด็กไฮเปอร์มากถึงขั้นที่คุณแม่ต้องพาไปปรึกษาแพทย์เลยทีเดียว

“ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติคิซ (KIS) Grade 11 พีเจเรียนโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยเรียนโรงเรียนไทยเลย แต่อยู่ประเทศไทยตลอด คุณพ่อ คุณแม่ก็เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ พ่อของพีเจเรียนจบมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา คุณพ่อเขาจึงอยากให้เราคุ้นเคยกับภาษาต่างประเทศ เพราะคุณพ่อเห็นว่าภาษาอังกฤษมีประโยชน์มากในการทำงาน และพีเจควรจะได้หลายๆภาษา แล้วจึงได้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง รองจากภาษาไทย”

“พีเจเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กแซบซน ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น คือพีเจเป็นเด็กที่ไม่อยู่นิ่งถึงขั้นไฮเปอร์ได้เลย คุณแม่เคยพาไปหาหมอ ขนาดนั้นเลย เพราะเราอยู่นิ่งไม่ได้ พีเจนามสกุล อยู่สุข ใช่ไหมค่ะ แล้วมันจะเป็นประเด็นมาตลอดทุกครั้งที่คนเจอหนู ไอ้นี่มันอยู่สุขตรงไหนเนี่ย...กลายเป็นหริสวรรณ อยู่ไม่สุข (หัวเราะ) แต่คุณแม่ก็ค้นพบที่เขาไปทำรีเสิร์ชมาว่าเด็กที่เป็นอย่างนี้ควรทำยังไงดี คุณแม่ก็เลยให้ลองเรียนเต้น เรียนร้องเพลงดู เผื่อว่ามันจะได้ใช้ Energy ตรงนั้นไปแทน ก็สรุปแล้วเราชอบอีกต่างหาก”

กลับกลายเป็นว่าความไฮเปอร์ของพีเจเป็นผลดีต่อตัวเธอ เพราะเธอชอบที่จะไม่อยู่นิ่งนานๆ พีเจจึงกลายเป็นเด็กกิจกรรม เรียนร้องเต้นจริงจังตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พีเจถึงกับเอ่ยปากบอกว่า มันเหมือนมาทางสายเลือด เพราะเราชอบกิจกรรมแบบนี้กันทั้งบ้าน คือคุณแม่พีเจ เขาก็ทำละครเวที เป็นพิธีกรมาตั้งแต่สมัยอยู่มหา’ลัย ส่วนคุณพ่อสมัยอยู่สหรัฐฯก็มีวงดนตรี คุณตาคุณยายก็พบรักกันตอนไปเต้นชะชะช่า และพอเราช่วงเด็กๆ แม่ก็พาไปเรียนนู้นเรียนนี้ มันก็ค่อยๆพัฒนามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายที่ได้เข้ามาโซนี่ ก็เพราะออดิชันศิลปินใหม่แล้วผ่านเข้ามา

มีซิงเกิลแรกได้ เพราะติดแม่
นี่เป็นความฝันอีกก้าวหนึ่งของพีเจ ด้วยการเปิดตัวซิงเกิลแรก ในชื่อเก๋ๆ ต้อนรับวันแม่ “LOVE Me LOVE My Mom” แนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ป็อป ฟังง่าย สนุกสนาน โดนใจวัยใส ในสไตล์พีเจ ที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของเธอเองทั้งหมด ว่าถ้าใครจะรักพีเจ ก็ต้องรักคุณแม่ของพีเจด้วย

พีเจอยู่กับคุณแม่ 24 ชั่วโมง บางคนกลับบ้านก็เจอแม่ แต่พีเจไปโรงเรียนก็เจอ กลับบ้านก็เจอ เพราะคุณแม่ทำงานที่โรงเรียน คุณแม่เป็นคุณครูสอนภาษาไทย เรียกได้ว่าอยู่กับคุณแม่ตลอดเวลาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังนอนกับแม่อยู่เลย จนคุณอาโปรดิวเซอร์ สังเกตว่า พีเจไปไหนมาไหนก็มีแม่มาด้วยตลอด และตัวเองมันก็มั่นใจล่ะนะ แต่ถ้าจะให้มั่นใจยิ่งขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องคุณแม่คอนเฟิร์ม ก็เลยกลายเป็นกิมมิกเล็กๆ ของพีเจไปว่า เราติดแม่ จึงเกิดเป็นเพลงนี้ คือเหมือนกับว่า เอ๊ะ! เอาไงดี ถามแม่ก่อนแล้วกัน แม่ว่าคนนี้โอเคไหม แล้วถ้าเธอรักฉัน เธอก็ต้องรักแม่ของฉันด้วย เพราะฉันอยู่กับแม่ฉันตลอดเวลา อะไรอย่างนี้ มันก็เลยกลายเป็นมุกขำๆ

“ถ้าใครรู้จักพีเจก่อนหน้านี้ก็จะรู้ว่า เพลงมันใช่ จริงแบบสุดๆ แทบจะทุกอย่างในเพลงนี้เป็นเราหมดเลย ทั้งดนตรีที่มีการผสมผสานของอะคูสติกตอนเริ่มนิดหนึ่ง ส่วนเรื่องการแต่งตัว พีเจก็ชอบแต่งสไตล์นั้นอยู่แล้ว เพี้ยนๆ หน่อย สีเยอะๆ ก็ตามนั้นเป๊ะเลย และภาพหน้าปกพี่เขาก็ให้พีเจวาดเอง เราก็รู้สึกที่นี่มันใช่อย่างแรง ชอบมาก”

เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่เธอเกิด จนถึงวัยเรียน ไม่ว่าจะเป็นในระดับชั้นไหน แม่ของพีเจก็จะอยู่กับเธอในทุกที่ ขนาดถึงขั้นที่ว่าย้ายตามมาเป็นครูสอนในโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่เลย เพราะฉะนั้นพีเจจึงตัวติดกันกับแม่ตลอดเวลา แม่จึงกลายเป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจเธอที่สุด และไม่มีใครสามารถมาแทนได้

“พีเจปรึกษาคุณแม่ทุกเรื่องนะค่ะ พีเจสนิทกับแม่เป็นเพื่อนเลย เราเข้าใจกันเสมอ เนื่องจากว่าเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ที่โรงเรียนเก่าคุณแม่ก็อยู่ด้วย เราย้ายตามกันมาจริงๆ ของแท้เลย อย่างตอนพีเจเกิด คุณแม่ก็ทำงานอยู่โรงพยาบาล พอเริ่มเข้าโรงเรียน คุณแม่ก็เข้ามาสอนที่โรงเรียนด้วย จนเคยมีคนแซวเล่นๆ ว่า อย่างนี้ถ้าเข้ามหา’ลัย คุณแม่ไม่ตามไปด้วยหรอ แต่คุณแม่ไม่ได้ตีกรอบขนาดนั้น ก็ให้อิสระในตัวพีเจเหมือนกันนะ”

“คุณแม่เป็นคนไม่ดุ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ (ยิ้ม) แถมยังใจดีมาก และตลกด้วย ถ้ารวมกลุ่มเพื่อนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน แล้วจะเอาผู้ใหญ่ไปด้วยสักคนหนึ่ง เราก็บอกว่า นี่ไง แม่พีเจ เอาไปเลย ได้ทั้งครู ทั้งผู้ปกครอง ที่ผ่านมาไปหัวหิน บางทีแม่เป็นคนนำเกมด้วยซ้ำ บ้านพีเจไม่ค่อยเครียด เสาร์ อาทิตย์ก็ไปเที่ยวหาอะไรกินกัน”

แพกคู่แม่-ลูก
เธอพูดอยู่เสมอว่า “ไปกับแม่แล้วสนุก” ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งของเธอและแม่ แทบจะบอกได้ว่าเป็นเนื้อฟิล์มเดียวกัน ไม่ว่าเธอจะทำอะไร จะไปที่ไหนก็จะเห็นแม่ไปด้วยกันกับเธอในทุกๆ ที่ แถมยังมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันราวกับฝาแฝดคู่เหมือน ไม่เพียงหน้าตาที่หลายคนบอกว่าเหมือนกันเท่านั้น ลักษณะนิสัยของทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความอ่านก็ออกมาเป็นพิมพ์เดียวกัน เหมือนกับโรเนียวอย่างไงอย่างงั้นเลย

“เราเคยไปประกวดคู่แม่ลูกหน้าเหมือนกัน แล้วได้รางวัลไปเที่ยวโรงแรมฮิลตัน โอ้โฮ!...อลังการมาก ภูมิใจมาก ด้วยความที่หน้าเหมือน ทำให้ได้ไปฟรี สนุกมาก เขาก็ให้เขียนเรียงความส่งไปด้วย เราก็เขียนขำๆ สไตล์คุณแม่กับพีเจว่า เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เขียนนู่นนั่นนี่ คุณลูกเป็นอย่างนั้น คุณแม่เป็นอย่างนี้”

พีเจลำดับเหตุการณ์ให้ฟังเพื่อยืนยันถึงความหน้าเหมือนระหว่างแม่ลูกว่า ตอนนั้นพีเจเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่ เป็นโรงเรียนนานาชาติ พอย้ายมา ทุกคนเห็นแม่พีเจก่อนแล้วก็เห็นพีเจ เขาไม่รู้ว่ามาด้วยกัน ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าเหมือนกันมากเลย พอทุกคนรู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน เขาก็บอกนั่นไงว่าแล้ว หน้าเหมือนกันขนาดนี้

ถ้าเธอยืนยันความหน้าเหมือนขนาดนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่านิสัยเหมือนกันด้วยไหม เอาอย่างนี้ดีกว่า...และแล้วพีเจก็ลำดับเหตุการณ์ต่อให้ฟังอีกว่า มีพี่คนหนึ่งเขาเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ แล้วเขาเพิ่งเรียนจบ พีเจเดินเข้ามาแล้วทักเขาว่า “เฮ้ย!...พี่ เรียนจบแล้วเหรอเนี่ย แน่ใจเหรอ” (สนิทกัน แซวกัน) สักพักหนึ่งคุณแม่เดินขึ้นมา พูดประโยคเดียวกันเลย ก็จะเป็นอย่างนี้ ทุกคนบอกว่า นัดกันมารึเปล่าเนี่ย แต่เราไม่เคยนัดกันเลย แค่เราชอบอะไรเหมือนๆ กัน

“สมัยเด็กแม่ก็มีความฝันอยากจะร้องเพลง แต่ว่าคุณยายอยากให้เป็นคุณครู พอคุณแม่มีลูกก็เลยให้พีเจเต็มๆ เลย และเราก็เป็นลูกคนเดียวด้วย คุณแม่ก็ Support ทุกเรื่องเลย ความสามารถพิเศษของพีเจจึงเยอะมาก (จนต้องแบ่งประเภทความสามารถกันเลยทีเดียว) เริ่มตั้งแต่เล่นดนตรีก่อน พีเจเล่นตี Cajon และก็เล่นอูคูเลเล่ เนื่องจากว่าคุณอาโปรดิวเซอร์เขาชำนาญด้านนี้ ก็เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้ลองเล่นดู และเราก็ทำได้ดี มันเหมือนเป็นกระแสนิยมส่วนหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ พีเจยังฝึกยิงปืน Rifle คุณอาโปรดิวเซอร์อีกนั่นแหละที่ช่วยสอน พีเจก็ชอบด้วยแหละอันนี้ ยิงแม่นด้วยนะ...จะบอกให้ พีเจมีเรียนทำกับข้าวด้วย เช่น คัพเค้ก สปาเกตตี อาหารฟิวชันไปเรียนมาหมด บางทีแม่ก็ไปเรียนด้วยกัน ตอนนี้พีเจพูดได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น และสื่อสารด้วยภาษามือได้อีกด้วย เพราะคุณยายเป็นครูสอนภาษามือสำหรับเด็กหูหนวก พีเจก็ทำได้ แต่ยังไม่เก่งขึ้นขั้นที่ทำมือให้ดูได้รวดเร็วเหมือนในจอโทรทัศน์ (ยิ้ม)”

ความสามารถของสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ยังไม่หมด เพราะเธอเคยรับเป็นพิธีกรคู่กับแม่ “พีเจเคยเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ร่วมกันกับแม่ เกิดจากพี่ที่รู้จักกันเขาให้ช่วยทำรายการหน่อย อยากให้รายการมันดูเป็น Family และก็เคยเป็นพิธีกรงานแต่งคู่กันก็มี คนเขาก็บอกว่าแปลกดี ไม่เคยเห็นพิธีกรเป็นแม่ลูกคู่กัน” ตอนนี้ไม่ว่าคู่แม่ลูกทั้งสองจะไปไหนมาไหน ถ้าเห็นพีเจก็ต้องเห็นแม่พีเจด้วยเหมือนกัน

คำแม่สอน
ด้วยความที่พีเจค่อนข้าง Alert แบบเด็กไฮเปอร์ คุณแม่ของเธอจึงต้องมีการสอนที่พิเศษ หรืออาจเรียกว่าแปลกกว่าคนอื่น แต่ทั้งหมดที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้ จะด้วยหนทางไหนก็แล้วแต่ แม่ของพีเจก็ตั้งใจทำให้ลูกสาวคนนี้อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโอกาสมากมายที่หยิบยื่นมาถึงเธอ เบื้องหลังคนสำคัญที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก จึงเป็นใครไม่ได้นอกจากแม่ของเธอคนนี้นี่เอง

“พีเจภูมิใจตรงนี้ คือคุณแม่เขาจะมีวิธีการสอนแปลกๆ เพราะตอนเด็กๆ พีเจไม่ค่อยจะอยู่นิ่งด้วย เขาก็เลยต้องมีวิธีการสอนที่แปลกกว่าคนอื่น เวลาพีเจจะท่องคำศัพท์ คุณแม่จะอัดเสียงใส่เทปไว้ให้ฟังบนรถ พีเจก็รู้สึกเท่นะ มีแม่แบบนี้ หรือบางทีคุณแม่จะมีกิมมิกเล็กๆ สอน อย่างตอนพีเจร้องไห้ คุณแม่เขาจะทำให้พีเจยิ้มได้ทุกครั้งที่ร้องไห้ ถ้าพีเจไปออดิชันแล้วผิดหวังกลับมา แม่ก็จะสอนว่าไม่เป็นไรหรอกลูก มันเป็นโอกาสของคน เรามีโอกาสได้ทำนู่น ทำนี่ อย่างน้อยก็ได้ทำอย่างนี้ ดีกว่าคนอื่นๆ มากมาย เขาไม่มีแม้โอกาสที่จะมาได้ลองตรงนี้ แต่เราได้ลองแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ไม่เป็นไรหรอก จึงเป็นสิ่งพิเศษที่พีเจภูมิใจ

“ครอบครัวพีเจ เลี้ยงกันในแบบที่ค่อนข้างแตกต่างจากบ้านอื่น ค่อนข้างจะฟรีสไตล์ อย่างการเลือกเสื้อผ้า บางบ้านอาจจะเลือกให้ลูกเลย แต่แม่พีเจจะเลือกมาก่อน 2 ชุด แล้วก็ให้พีเจเลือกอีกครั้ง ว่าจะเอาอันหนึ่งหรืออันสอง คือยังมี Choice ให้ลูก ซึ่งคุณแม่ก็คัดสรรมาแล้วว่ามันเหมาะกับลูก และของที่คุณแม่ซื้อมาให้ พีเจก็ชอบทุกครั้ง แปลกมาก อย่างปลอกโทรศัพท์มือถือสีส้มแสด พีเจเห็นแวบแรก อยากได้มาก คุณแม่เห็นก็ซื้อมาให้ พีเจชอบอะไรที่มีสีแสบตา นาฬิกาข้อมือสีเขียวจี๊ดนี้ แม่ก็ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”

พอถามถึงสเปกหนุ่มๆ พีเจบอกทันทีเลยว่า อุ้ย! เขิน...และเธอก็ค่อยๆ เผยบุคลิกหนุ่มตามแบบที่คิดไว้ “พีเจชอบคนที่มีอะไรคล้ายๆกัน เช่น ชอบคนที่เล่นเครื่องดนตรีได้ จะแนวไหนก็ได้ อะคูสติก ป็อป ร็อก แค่อยากให้เล่นเครื่องดนตรีได้ ชอบติสต์นิดหนึ่ง แต่พีเจว่าเขาจะเป็นยังไงก็ได้ แค่ไม่แย่งพีเจพูดก็พอแล้ว (หัวเราะ) เพราะเราพูดเก่ง จึงชอบคนที่นั่งฟังมากกว่า พีเจเคยไปกับเพื่อนแล้วเขาพูดแข่ง เราก็รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ขำๆ เอาเป็นว่าอย่าแย่งพีเจพูดแล้วกัน”

“พีเจเชื่อว่า ความรักเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่ามันจะทำให้เรามีความสุขหรือมีความทุกข์ มันก็เป็นเรื่องที่ดีหมดเลย แม้ว่าเราจะอกหัก แต่เราก็ยังได้เรียนรู้ชีวิตว่า มันไม่ได้มีความสุขแค่มุมเดียว ยังมีความทุกข์แบบนี้ แล้วถ้าเราเรียนรู้จากการอกหักก็นำมาเป็นบทเรียนได้ พีเจก็ยังเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามจริงๆ ถึงแม้ว่ามันอาจทำร้ายใจเรา หรือมันอาจทำให้เรามีความสุขมากแค่ไหน แต่มันก็สอนอะไรหลายๆ อย่าง”

ไม่ว่าความรักจะมาในรูปแบบไหน จะสุขหรือทุกข์ แต่ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามและยิ่งใหญ่มากสำหรับเธอเสมอ และความรักของเธอที่มีต่อแม่ด้วยเช่นกัน เนื่องในโอกาสวันแม่ พีเจจึงขอถือโอกาสนี้บอกถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อแม่ผู้ให้เสมอมา “พีเจรักคุณแม่นะคะ และขอบคุณคุณแม่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้พีเจมา พีเจเชื่อว่าพีเจทำอะไร เท่าไหร่ ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่สามารถตอบแทนคุณแม่ที่ได้ให้ชีวิตพีเจมา และพีเจสัญญาว่าจะเป็นคนดีของคุณพ่อ คุณแม่ และของสังคม”




ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : หริสวรรณ อยู่สุข (พีเจ/พลอยจันทร์)
วัน เดือน ปีเกิด : 8 มิถุนายน 2538
ส่วนสูง-น้ำหนัก : 164 ซม./ 44 กก.
การศึกษา : Grade 11 (มัธยมศึกษาปีที่ 5) โรงเรียนนานาชาติคิซ (KIS)
ความสามารถพิเศษ : พิธีกร ไทย-อังกฤษ, ร้องเพลง, เต้น, ละครเวที, ละครโทรทัศน์, เล่นเครื่องดนตรี Cajon และ Ukulele, ยิงปืน Rifleและสื่อสารด้วยภาษามือ
ผลงานเด่น : ร้องเพลงประกอบโฆษณา แบรนด์จูเนียร์, หมูบ้านปริญสิริ ล่าสุดเปิดตัวซิงเกิล “Love Me Love My Mom”

 
 
 

 
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน










คุณแม่ และพีเจ
กำลังโหลดความคิดเห็น