น้ำตาเริ่มคลอเบ้า... แล้วเริ่มรินไหล เบื้องหลังการเปิดใจหญิงแกร่งผู้มาดมั่น และได้ฉายาว่า แรง! ตลอดกาล ด้วยวาจาดุดันและมีจุดยืนเป็นของตัวเองอย่าง ‘ลีน่า จังจรรจา’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘ลีน่า จัง’ นักธุรกิจเครื่องสำอาง ร้านเสื้อผ้า และนักกฎหมายผู้มีสีสันทางการเมืองมากมาย วันนี้อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเก็บตัวเงียบ ไม่อยากเป็นข่าว พร้อมกับเอ่ยปากออกมาว่า เจ็บปวดหัวใจ!!!
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ผ่านมาเริ่มต้นขึ้น หลายคนตั้งตารอสีสันจากตัวเธอคนนี้ แต่แล้วการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ก็ยังไม่มีวี่แววการปรากฏตัวของ ลีน่า จัง ช่างเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมคนอย่างเธอ ถึงไม่วาดฝีไม้ลายมือบนเวทีการเมือง
ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงห่างหายไปจากเวทีการเมือง
ที่หายเงียบไป ก็เพราะมันมีเรื่องสภาทนายความฯ ที่ทำให้เราสะเทือนใจ ทำให้ท้อแท้ ด้วยว่ามีหนังสือจากสภาทนายความส่งมาถึงเรา เพราะมีคนร้องเรียนไปยังสภาทนายความว่า เราไปออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย แล้วแต่งตัวเต้นยั่วยวนผู้ชาย ใส่สั้นรูปร่างก็น่าเกลียดมองแล้วน่าเกลียด แล้วก็บอกว่าเราเอาเงินไปช่วยแม่บ้านนาธานเจ็ดหมื่นบาท เพราะอยากเป็นทนายของเขาเลยเอาเงินไปเป็นสินบน เขาร้องว่าเราทำให้อาชีพทนายความเสื่อมเสียชื่อเสียง ตอนนี้กำลังตั้งคณะกรรมการมาสอบเราด้วย
สภาทนายฯ บ้าจี้รับเรื่องไว้ด้วยนะ ว่าจะถอดใบอนุญาต เราก็เลยเครียดไง ไม่ได้เป็นทนายให้เขาเลย เขาตกลงไกล่เกลี่ยกันได้ ถ้าให้เงินเราให้จริง เพราะเขาจะถูกยึดบ้าน แล้วยังบอกอีกว่า ที่เราไปแสดงเป็นหมอผีในหนังของพจน์ อานนท์ มันเสื่อมเสีย นั่นมันคือมายา...บ้าแล้ว เราเป็นทนายฯ ไปแสดงหนังไม่ได้ ขายเครื่องสำอางไม่ได้ ก็อดตายพอดี จริงไหม?
ตอนนี้สภาทนายความก็มีจดหมายถึงเราด้วย ให้ไปนั่งร่วมรับฟังในวันที่ยี่สิบหกกรกฎาคม เราไม่ไปหรอก สภาทนายฯ เอาเวลาที่จะมาตั้งกรรมการสอบไปช่วยเหลือประชาชนที่เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมมันจะมีประโยชน์ซะกว่า นี่ไงเป็นสาเหตุที่เครียดจนต้องเก็บตัว และอีกสาเหตุหนึ่งที่เครียด และไม่ได้ลง ส.ส.ก็เพราะว่าเราไม่มีเงิน
ทำไมถึงไม่มีเงิน
อาชีพขายเครื่องสำอาง ขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำกำไรมันน้อย ตอนนี้กำลังเก็บเงินทำสตูดิโอ เพราะมองว่าความรู้ทางด้านกฎหมายที่เรามีอยากจะให้เผยแพร่เป็นวิทยาทาน
ทำสตูดิโอไปถึงไหนแล้ว
ยังไม่เสร็จเลย หลายวันนี้ก็ไปซื้อเครื่องมือ เครื่องมิกซ์ต่างๆ วันก่อนก็ไปซื้อไฟแต่งสตูดิโอที่คลองถม ที่ต้องไปลุยซื้อเองเพื่อให้ประหยัดงบที่สุด เราไม่มีเงิน ทุกอย่างก็เลยต้องไปซื้อเองจะได้ถูก มันเลยทำให้เราเหนื่อยมากเพราะถ้ามีเงิน เราก็สั่งคนที่เขาวางระบบ เขาก็เนรมิตให้ได้
ลงทุนไปเท่าไหร่
ค่าสตูดิโอหมดไปเจ็ดแสนบาท ลงเครื่องมืออีกประมาณหนึ่งล้านหกแสนบาท แล้วก็เช่าสัญญาณดาวเทียมไทยคมเป็นระบบซีแบน ตอนนี้ก็กลัวเขาไม่ให้เช่าสัญญาณก็เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์ ไทยคมเขาก็กลัวเรา เพราะว่าเป็นคนแรงน่ากลัว กลัวว่าให้สัญญาแล้วทำให้เขาเดือดร้อน เดี๋ยวไปด่ารัฐบาล หรือว่าด่าใคร ซึ่งตอนนี้เขานัดเซ็นสัญญาวันจันทร์ที่สิบเอ็ดกรกฎานี้ เป็นแคทเทเลคอม ซึ่งกว่าจะได้ก็ต้องให้คนอื่นติดต่อ เราเลยเก็บตัวเงียบ ถ้าออกไปเคลื่อนไหวปุ๊บงานสถานีจะไม่สำเร็จ
รูปแบบรายการเป็นอย่างไร
เราใช้ชื่อว่า ‘ฮอตทีวี’ ก็คือสถานีทีวีที่ร้อนแรง! จะออกอากาศอย่างเป็นทางการวันที่สิบห้าสิงหาคม รายการของเราสิบ เป็นรายการแฉหมด รู้ลึกรู้จริงวงในข่าว ดารา คดี ให้ประชาชนโทร.เข้ามาต่อสายสดๆ แฉคนดัง สัมภาษณ์คนดัง แฉทุกเรื่องแหละ ลับลวงแฉอะไรที่เขาไม่แฉ เราจะแฉให้หมด อะไรที่เป็นความลับอยู่ เราจะมีทีมงานที่จะออกไปเจาะเอาสิ่งที่เขาไม่เปิดเผย ไม่กล้าเปิดเผยแต่ลีน่าจังจะเปิด รวมถึงเรื่องการเมืองด้วย แต่ถ้ามีใครจะมาแกล้งหรือจะปิดสถานี เราจะแจ้งความจับมันเลยข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนเรื่องการเมืองจะหยุดก่อนหรือเปล่า
เอาเงินมาทำสตูดิโอหมด แล้วยังต้องซื้อของอีกมากมายประมาณสองล้านบาท จึงทำให้ไม่มีเงินมาลงการเมือง เมื่อความฝันของเราที่จะเป็นนักการเมืองที่ดีไม่ได้ ก็ขอเป็นนักกฎหมายที่ดีได้ไหม อย่างน้อยๆ ขอให้ฉันมีสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม แต่เรื่องการเมืองนะ ตราบใดที่ยังไม่ตายก็อยากลงแต่ไม่มีตังค์ และอีกอย่างไม่มีคนมาเชิญ
ไม่มีพรรคมาเทียบเชิญลงการเมืองเลยเหรอ
พรรคพลังแผ่นดินไทยที่เคยส่งเราลง ส.ส. ตอนปี 2550 โทร.มาว่าจะให้เราลง แต่ตอนนั้นเรายุ่งเลยไม่เมมเบอร์ท่านหัวหน้าพรรค เขาก็ไม่โทร.มาเลยค่ะ วันที่เขาสมัครปาร์ตี้ลิสต์ เราก็รอว่าเขาจะโทร.มารึเปล่า ตอนนั้นก็ช่างมันเถอะและเราก็ไม่มีเงินด้วยแหละ เลยคิดว่าถ้าเขาอยากให้ลงคงโทร.มาเอง รอจนถึงวันสุดท้ายก็ไม่มีใครโทร.มาเลย แล้วก็มีอยู่พรรคหนึ่ง รู้สึกว่าจะเป็นประชาธิปไตยใหม่หรือยังไง โทร.มา จะให้เราไปลงบอกว่าพรรคไม่มีสมาชิก เราบอกว่า ไม่มีเงินแล้วพรรคให้ไหม เขาก็ตอบกลับมาจะบ้าหรอ มีแต่คุณต้องให้พรรคเพราะพรรคมีค่าใช้จ่าย อย่างนั้นไม่ลง เราก็เลยวางหูไป
ทุกวันนี้มานั่งคิดทีหลัง ถ้าลงสมัครตอนนี้คงได้เป็นแล้ว มันเลยเจ็บใจตัวเองมากๆ อยากจะลงแต่ไม่มีคนมาเชิญลง เงินก็ไม่พอ อยากให้ประชาธิปัตย์ เพื่อไทยมาเชิญ เราอยากลงตัวสั่นเลย และสันดานเราเป็นคนหยิ่งเลียแข้งเลียขาไม่เป็น จะให้เราท่านค่ะ ท่านขาไปหาหัวหน้าพรรค เราไม่ชอบ มองตัวเรามีคุณค่านะ แต่ยิ่งเราดูทีวี ยิ่งเจ็บปวดหัวใจ เราร้องไห้เลยนะ
อย่างพรรคมหาชนให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้หาเสียงเลย ได้มายังไงเดี๋ยวไปถาม กกต. ว่าใครเลือกผม ผมลงสมัครแต่ไม่เคยติดป้ายไม่เคยเดินหาเสียง เขาว่าอย่างนี้ (น้ำตาเริ่มคลอ) เราก็เจ็บปวดหัวใจมากทำไมไม่เป็นเรา ลีน่า จัง ส่วนพรรคประชาธิปไตยใหม่บอกว่า ผมได้มาก็งงเหมือนกัน เราเห็นจับมือกับเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลอีก โอ้โห...เราเจ็บปวดหัวใจมากเลย มันไม่ค่อยจะมีทางให้เราเดิน (น้ำตาคลอ) หรือว่าเราต้องเปลี่ยนบุคลิก เราต้องพลิ้วยอมนักการเมือง
ถ้ามีเงินพออยากตั้งพรรคเองไหม อยากเป็นหญิงที่ก้าวสู่นายกฯ รึเปล่า
อยากตั้งนะ อยากที่จะเป็นตัวอย่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ใครๆ ก็หาว่าบ้าอยากดัง แต่อยากให้เขามาสัมผัสชีวิตจริง เรามีจุดยืนอยากให้ผู้หญิงที่โนเนม สร้างเนื้อสร้างตัวสร้างพรรคขึ้นมาแล้วก็ได้เป็นนายกฯ ไม่ใช่เพราะพี่ชายประทานให้ ทำไมวาสนาลีน่า จัง ไม่ได้เป็นแบบเขา ฉันอยากเป็นนายกฯ ตัวสั่นเลยนะ ไม่ใช่ไม่อยากเป็นแต่วาสนามันได้แค่เป็นลีน่า จัง วาสนาคนเรามันไม่เหมือนกันเขาเกิดมาเขาโชคดี
อิจฉาเขา เราอิจฉาชูวิทย์ อิจฉายิ่งลักษณ์ แต่สมน้ำหน้าอภิสิทธิ์ ที่รูปหล่อ โชคดีแต่ไม่คว้าทุกอย่างไว้ ยุบสภาให้คนอื่นคว้าเอาไปกิน พระเอกลิเก เราไม่สนใจด้วยว่าด่าแล้วเดี๋ยวไม่ให้เราเข้าพรรค ถ้าไม่มีใครให้เข้าเดี๋ยวตั้งพรรคเองก็ได้ ถ้ามีเงินก็ส่งตัวเองลงเหมือนชูวิทย์
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสของเรา แต่ถ้าเรายังไม่ตายก็อาจจะมีโอกาสสักวันหนึ่ง ยังมีความหวังนะตราบใดที่ยังมีลมหายใจ (น้ำตาไหล) สองเดือนที่ผ่านมาเราพยายามไม่ดูข่าวนะ เพราะดูแล้วมันเจ็บปวด ดูละครอย่างเดียว ปิดกั้นตัวเองหมดข่าวไม่ดูหนังสือพิมพ์ไม่อ่าน นักข่าวมาขอสัมภาษณ์ไม่ให้สัมภาษณ์ มันเครียด (ขอเช็ดน้ำตาแป๊บหนึ่ง...)
คิดว่าอนาคตการทำงานด้านการเมืองจะมีโอกาสใหม่ไหม
เรื่องของอนาคตก็อยากให้สมัครไวๆ จะได้สมัครใหม่ เพราะว่าครั้งนี้เราพลาดไง จะโทษใครต้องโทษตัวเราเอง โอกาสยังไม่เป็นของเรา แต่ถ้าเราได้จัดรายการแล้วสถานีได้รับเรตติ้งดี แล้วสามารถให้ความรู้แก่ประชาชนได้ ถึงตอนนั้นเราอาจไม่ลงสมัครก็ได้ ถ้าเราสามารถทำงานให้แก่ประชาชนได้โดยที่ไม่ต้องเป็น ส.ส. เราก็จะทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่าเรามีความสุขที่ได้ทำ ตอนนี้ขวัญกำลังใจกำลังจะเริ่มอีกครั้ง
มีความเห็นอย่างไรกับการเมืองปัจจุบัน
นักการเมืองคือคนที่ตอแหลรายวัน แต่ละคนสวมหน้ากากหลอกใช้ประชาชน หลอกเอาเงินซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปถลุงกัน เพราะฉะนั้นเราเคยศรัทธานักการเมือง ตอบตรงๆ ถามว่าเกลียดนักการเมืองไหม...เกลียด พวกนักการเมืองไม่อยากคบแต่อยากดูแลประชาชนอยากทำ อยากเข้าสภา แต่เราไม่อยากเป็นนักการเมืองที่ตอแหลรายวัน
ก็หวังว่าหลังจากที่สมาชิกวุฒิสภาหมดอายุไปในครั้งนี้ เราอาจจะลง ขอโอกาสทำให้ประชาชนครั้งนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงเวลาจะมีเงินรึเปล่า แต่ยังไงถ้าตอนนั้นสตูดิโอเราอยู่ได้ก็จะเป็นกระบอกเสียงให้แก่ประชาชนให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทั้งประเทศที่เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะเป็นสื่อที่ให้ความเป็นธรรม ถ้าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะพาเขาไปองค์กรที่จะให้เขาได้รับความเป็นธรรม นี่คือความมุ่งหวังสูงสุดตราบใดที่ยังไม่ตายก็ต้องสู้กันต่อไป
>>>>>>>>>>
……….
เรื่อง : อุบลวรรณา โพธิ์รัง
ภาพ : อดิศร ฉาบสูงเนิน