“จินนี่” ในคฤหาสน์เวอร์ซาเช่ร้อยล้าน!

หากตื่นเช้าขึ้นมาวันหนึ่งแล้วคุณมีชีวิตเหมือนในเทพนิยาย มีคฤหาสน์หรูๆ เป็นของตัวเองสักหลัง มีเงินจำนวนมากพอจะสร้างความสุขบนพื้นที่ของตัวเอง คุณจะเนรมิตให้คฤหาสน์หลังโตบรรจุอะไรไว้ในนั้นบ้าง? ความคิดเหล่านี้อาจเป็นเพียงจินตนาการที่ไม่มีวันเป็นจริงในชีวิตใครหลายๆ คน แต่สำหรับนักร้องสาวอย่าง “จินนี่ เขริกา โชติวิจิตร” แล้ว เธอแทบไม่ต้องจินตนาการให้เหนื่อยเลย เพราะคฤหาสน์สไตล์ยุโรปบนเนื้อที่กว่า 2 ไร่แห่งนี้ คือบ้านซึ่งบรรจุทุกอย่างที่เธอต้องการเอาไว้เสร็จสรรพ ทั้งยังมี “ความอบอุ่น” อัดแน่นอยู่ในนั้นด้วย

“จินนี่” ไม่ใช่สาวน้อยในตะเกียงแก้วอย่างในนิยาย แต่เธอคือ “เขริกา โชติวิจิตร” เจ้าของคฤหาสน์หรูที่มีอยู่จริงย่านเพชรเกษม คอเพลงวัยรุ่นรู้จักเธอคนนี้ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปแห่งค่ายกามิกาเซ่ สังกัดอาร์เอสฯ จากการทำงานเบื้องหน้า เมื่อหันกลับไปมองทีมงานพบว่าจินนี่มีบ้านหลังโตที่แสนอบอุ่นและแข็งแรงเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเธอ M-Living จึงขออนุญาตเจ้าของบ้านเยี่ยมชมมุมต่างๆ ภายในนั้นในฐานะแขกพิเศษหนึ่งวัน

แวบแรกที่เห็นความกว้างสุดลูกหูลูกตาของแนวรั้วบ้าน ก็รู้ทันทีว่าการเยี่ยมชมครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดา ยิ่งได้ก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตส่วนตัวของเจ้าบ้าน ปล่อยให้พื้นที่สีเขียวบริเวณบ้านรายล้อมรอบๆ ตัว และชื่นชมคฤหาสน์ซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าอย่างเต็มตาแล้ว ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าราคาความสุขหลังนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านอย่างแน่นอน
 

“เวอร์ซาเช่” ยกชุด
เมื่อเดินสำรวจถึงในตัวบ้าน จะพบว่าการตกแต่งภายในเป็นสไตล์อิตาลีทั้งหมด เน้นความเรียบเก๋ คุมโทนสีขาวครีมตั้งแต่ตัวบ้านไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ช่วยเพิ่มดีกรีความหรูไปได้อีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะชุดรับแขกแบรนด์เวอร์ซาเช่ ซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนได้เป็นราชา-ราชินีในยุคบาโรคชั่วขณะเมื่อได้ลองนั่งยืดหลังตรงและวางมือเข้ากับที่เท้าแขน จินนี่เชื้อเชิญทีมงานให้ลองสัมผัสความนุ่มของเก้าอี้หรูดังกล่าว ก่อนเริ่มอธิบายที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้

“สร้างได้ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ คุณพ่อดูแลเองหมดเลย เพราะคุณพ่อเป็นอินทีเรีย ทำธุรกิจบ้านจัดสรรอยู่แล้ว ก็เลยจัดการเลือกเฟอร์นิเจอร์เอง มีบางชิ้นที่จินนี่ช่วยเลือกบ้างเหมือนกัน อย่างแชนเดอเลียร์ที่ห้อยอยู่ตรงนู้นไงคะ” เธอชี้นิ้วไปยังเพดานสูงซึ่งมีโคมระย้าประดับคริสตัลแขวนอยู่ จากนั้นจึงลุกขึ้นทำหน้าที่ไกด์พาทัวร์รอบบ้าน เมื่อทีมงานสังเกตเห็นว่าทุกอย่างภายในบ้าน ทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงนอน หรือแม้แต่ผ้าม่าน ล้วนแต่มีสัญลักษณ์เวอร์ซาเช่ติดอยู่ทั้งสิ้น เจ้าของบ้านจึงพยักหน้ารับและปล่อยให้เราหาคำตอบจากเจ้าของไอเดียเอง

“ผมก็ไม่ได้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มันแพงมากจนเกินไปนะ เลือกที่ดูสะอาดตาและดูโล่งๆ จะไม่ค่อยชอบการตกแต่งแบบรกๆ เท่าไหร่ หรือแบบบิลต์อินก็ไม่ชอบเหมือนกัน ข้อเสียของมันคือเคลื่อนย้ายไม่ได้ แล้วถ้าเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบบิลต์อิน คนที่ทำต้องมีฝีมือจริงๆ ถึงจะสวย แล้วส่วนใหญ่จะเป็นไม้อัดหรือไม้ยางซึ่งผมไม่อยากได้ มันมีปัญหาเรื่องปลวกเยอะ ถ้าถูกกินต้องรื้อทิ้งใหม่หมดเลย สู้ซื้อเป็นชิ้นๆ มาตั้งดีกว่า เบื่อแล้วก็เปลี่ยนได้ ส่วนที่เลือกเวอร์ซาเช่ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมรู้สึกว่าแบรนด์ของเขา ตัวที่ชุบที่เคลือบไว้มันไม่ลอกง่ายดี ถ้าเป็นแบรนด์อื่นที่เคยเห็น ใช้ได้ปีสองปีก็ลอกแล้ว อีกอย่างเขาจะทำสไตล์ยุโรปออกมาเยอะ ผมเป็นคนยุคเก่าด้วยก็เลยชอบอะไรที่ดูคลาสสิก รู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตดี” คุณพ่ออุดมศักดิ์ โชติวิจิตร อธิบายให้ฟังผ่านสายโทรศัพท์

ที่ว่าไม่แพงนี่ บอกได้ไหมว่าเวอร์ซาเช่ยกชุดราคาเท่าไหร่? คุณพ่อของนักร้องสาวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่ค่อยอยากบอกเลย เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหาว่าอวด เราอยู่ในสังคมเงียบๆ ดีกว่านะ” แต่ท้ายที่สุดก็ใจอ่อนและยอมเผยราคาความหรูว่าอยู่ที่ราวๆ 20 ล้านนั่นเอง
 

มุมอบอุ่นที่คุ้นเคย
“เวลานึกถึงบ้านหลังนี้ จินนี่จะนึกถึงความสุขค่ะ เวลาอยู่ที่บ้านเราสามารถทำอะไรก็ได้ที่นอกบ้านทำไม่ได้ อยู่ในบ้านจินนี่จะใส่แว่นตาแล้วก็รวบผมค่ะ ซึ่งออกนอกบ้านทำแบบนั้นแล้วจะดูโก๊ะๆ ต้องใส่คอนแทกต์เลนส์แทน” สาวน้อยเสียงใสพูดถึงเสน่ห์ของคฤหาสน์หลังโตที่เธอเรียกว่าบ้าน ก่อนเริ่มเล่าให้ฟังว่าบนพื้นที่โล่งๆ ที่เห็นอยู่นี้ มีความทรงจำแสนอบอุ่นของคนในครอบครัวแฝงอยู่ที่ใดบ้าง

“จินนี่มีพี่สาว 2 คน แล้วก็น้องสาวอีก 1 คนค่ะ แต่ก่อนตอนที่พี่เก้กับพี่ปอมยังไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ เราชอบเล่นเปียโนด้วยกัน ทุกคนในบ้านจะเล่นเปียโนเป็นหมดทุกคนเลย จินนี่เองก็เรียนมาตั้งแต่ 3 ขวบแล้ว ก็จะผลัดกันเล่น ถ้าพี่สาวอยู่ก็จะปล่อยให้เขาเล่นแล้วเราก็ร้องเพลง บางทีก็หยิบกีตาร์มาเล่นด้วยกันเป็นเพลงเลย สนุกดีค่ะ ถ้าว่างคุณพ่อคุณแม่ก็จะมานั่งฟังด้วย แต่ตอนนี้เหลือแค่จินนี่ น้องสาว แล้วก็คุณพ่อคุณแม่อยู่บ้าน มุมเปียโนเลยกลายเป็นของจินนี่ไปแล้ว ชอบมานั่งเล่นบ่อยเหมือนกันค่ะ แทบทุกวัน บางทีก็เอาไมค์มาตั้งร้องเพลงไปด้วยดีดไปด้วย วันไหนอารมณ์ดีๆ ก็จะนั่งแกะเพลงของตัวเองเล่น ไม่ก็แต่งเพลงเล่นๆ ก็มีค่ะ” นักร้องสาวพูดถึงมุมโปรดที่สุดของเธอ

หน้ากระจกคืออีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งจินนี่ใช้เวลาไม่น้อยไปกว่าที่อื่นในบ้าน ด้วยความที่เป็นคนรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ทุกคนในบ้านจึงมอบตำแหน่งนางงามหน้ากระจกให้แก่เธอไปแล้ว ซึ่งเจ้าของฉายาก็ยิ้มรับและบอกว่าชีวิตนี้เธอขาดกระจกไม่ได้จริงๆ

“เป็นคนชอบแต่งตัวค่ะ ถ้าอยู่บ้านว่างๆ จะชอบหยิบชุดมาลองหน้ากระจก มิกซ์แอนด์แมตช์ไปมา ดูว่าตัวไหนเข้ากันก็จะจัดเอาไว้ว่าควรใส่วันไหน จัดเอาไว้ล่วงหน้าวันสองวันก็มีนะ (ยิ้ม) ตอนแรกชั้นล่างไม่มีกระจกเต็มตัวหรอกค่ะ แต่คุณแม่เห็นว่าจินนี่ชอบส่องมากก็เลยซื้อแบบเดียวกันมาไว้ทุกชั้นเลย เวลาเลือกรองเท้ามาใส่จะได้มองเห็นว่าเข้ากับชุดไหม เพราะจินนี่แอบมีรองเท้าหลายคู่เหมือนกัน เป็นคนชอบชอปปิ้งค่ะ” สาวน้อยเสียงใสเล่าให้ฟังด้วยท่าทีสนุกสนาน ก่อนอธิบายพื้นที่ส่วนอื่นในบ้านต่อ

“แล้วก็มีห้องซ้อมเต้นอีกห้องหนึ่งค่ะที่จินนี่ชอบเข้าไปประจำ เป็นห้องที่คุณพ่อสร้างเอาไว้ให้เฉพาะเลย ทั้งห้องจะเป็นกระจกล้อมรอบ เวลาเต้นจะได้เห็นตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง จะได้ปรับปรุงถูก ตอนที่เรียนเต้นแรกๆ ก็จะจ้างคุณครูมาสอนที่ห้องนี้แหละค่ะ ไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่อื่น ตอนนี้เพื่อนๆ ในวงก็ชอบมาซ้อมที่นี่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะวันไหนทางอาร์เอสฯ หยุดหรือว่าห้องเต็ม ก็จะขนกันมาซ้อมที่บ้านจินนี่แทน”

ห้องน้ำส่วนตัวของจินนี่ถือเป็นมุมผ่อนคลายอีกมุมหนึ่งของเธอ เปิดประตูเข้าไปจะเห็นอ่างจากุซซีสีขาวขนาดพอดีตัวตั้งอยู่ ถัดไปอีกนิดจะเห็นตู้อาบน้ำสุดไฮเทค ครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่อาบน้ำ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือตู้อบเซานา เรียกได้ว่าชีวิตของเธอสะดวกสบายไม่ต่างไปจากการยกสปาหรูๆ มาอยู่ในบ้านเลยทีเดียว

“จินนี่กับน้องจะชอบแช่ในอ่างด้วยกันค่ะ เป็นเหมือนสระว่ายน้ำเล็กๆ เราสองคนจะใส่ชุดว่ายน้ำ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงขึ้นจากอ่าง ส่วนใหญ่จะเข้าไปแช่น้ำอุ่นประมาณเดือนละ 2 ครั้ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีค่ะ ทุกครั้งที่แช่จินนี่จะซื้อน้ำมันหอมระเหยมาหยดลงไปด้วย ที่ซื้อบ่อยสุดจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ส่วนห้องกระจกตรงนู้นคือตู้อบเซานาค่ะ คุณพ่อรู้ว่าจินนี่ชอบทำสปาก็เลยซื้อมาให้ ทำครั้งละ 15-20 นาที เซานาเสร็จก็จะอาบน้ำ แต่จินนี่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่ค่ะ ขี้เกียจ เอาเวลาไปทำการบ้านดีกว่า แต่ถ้าวันไหนมีเวลาก็ทำ มันช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีนะคะ (ยิ้ม)”
 

ความเหงาในบ้านหลังใหญ่
บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ คนที่มีบ้านขนาดเล็กกะทัดรัดคงอดสงสัยไม่ได้ว่าสมาชิกในบ้านของจินนี่จะมอบความอบอุ่นให้แก่กันได้อย่างทั่วถึงมากน้อยแค่ไหน หญิงสาววัย 19 จึงช่วยตอบข้อสงสัยโดยใช้ความรู้สึกของเธอตัดสิน “อบอุ่นสิคะ ความอบอุ่นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้านนี่เนอะ แค่มีครอบครัวที่รักเรา ได้อยู่บ้านเดียวกันก็มีความสุขแล้วค่ะ ถึงคุณพ่อคุณแม่จินนี่จะทำงานหนัก แต่ก็มีเวลาให้ลูกๆ เหมือนกันนะ ส่วนใหญ่แล้วเราจะกำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวค่ะ ไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง กินข้าวนอกบ้านด้วยกันบ้าง ถ้าอยู่ในบ้านก็จะกินข้าวกันตอนสองทุ่มทุกวัน หรือถ้าวันไหนทุกคนว่าง เราจะชอบรวมตัวกันที่ห้องคุณพ่อ นั่งคุยกัน บางทีก็ดูทีวีด้วยกันค่ะ”

นอกจากการกินข้าวด้วยกันแล้ว กิจกรรมที่คนในบ้านทำร่วมกันอีกอย่างก็คือการชิมอาหารฝีมือกุ๊กจินนี่นั่นเอง เธอบอกว่าเป็นคนชอบทำขนมมาก จินนี่มักจะลงมือทำให้คนในบ้านลองชิมก่อน ถ้าฝีมือผ่านเกณฑ์จึงเลื่อนขั้นนำไปแจกให้คนอื่นๆ กินได้

“จินนี่ชอบทำเบเกอรี ไม่เคยเรียนนะ แต่ชอบดูจากอินเทอร์เน็ต ที่เคยทำก็มีบลูเบอรีชีสเค้ก คุกกี้ แล้วก็คัพเค้ก คนที่ชิมส่วนใหญ่จะเป็นคุณพ่อ ตอนแรกที่ทำเป็นคัพเค้ก ผิดสูตรนิดหนึ่ง มันก็จะแข็งๆ รสชาติแปลกๆ ไปหน่อย ก็กินได้นะ แต่ไม่กินดีกว่า (หัวเราะ) หลังๆ เริ่มทำแจกได้แล้วค่ะ ส่วนอาหารคาวทำได้บ้างเหมือนกัน มีสปาเกตตี พิซซา แล้วก็แกงเขียวหวาน ถามว่ามีคนทำอาหารให้กินอยู่แล้วทำไมต้องทำเอง จินนี่ว่าทำเองมันอร่อยกว่านะ เรารู้ว่าเราอยากกินรสแบบไหน ทำเสร็จแล้วก็กินเลย มันร้อนๆ อร่อยดีค่ะ อีกอย่างจินนี่ว่าเราต้องฝึกไว้ค่ะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้”

บ้าน 4 ชั้น ขนาด 8 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์อีกนับไม่ถ้วน ถ้าบอกว่าไม่เคยเหงาเลยคงเป็นคำตอบที่ไม่ใช่ความจริง จินนี่เล่าว่าเธอเองก็เคยแอบเหงาอยู่เหมือนกัน แต่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ โดยการหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน

“จินนี่ชอบลงมาทำการบ้านข้างล่างค่ะเพราะทำในห้องมันง่วง (ยิ้ม) ทำการบ้านเสร็จ ตอนเดินกลับขึ้นห้องนี่แหละค่ะจะรู้สึกเลยว่ามันเวิ้งว้าง คงเพราะพี่อีกสองคนเขาไปเรียนต่ออเมริกากับอังกฤษด้วยมั้งคะ มีช่วงที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วแอบเหงาเหมือนกัน ถ้าเป็นตอนกลางคืน คงจะเป็นวันที่ทุกคนไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วจินนี่จะกลัวผีด้วย ก็จะแก้ด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ (หัวเราะ) แต่ก่อนจะนอนกับพี่เพชร (พี่เลี้ยง) แต่ตอนนี้พี่เขาไปนอนกับน้องสาวแล้วค่ะ จินนี่เลยต้องใช้วิธีโทร.คุยกับเพื่อนแทน”

เช่นเดียวกับคุณพ่อของจินนี่ที่ขี้เหงาไม่แพ้กัน ทั้งยังฝากบ่นมาว่า “พอย้ายมาอยู่บ้านใหม่แล้วไม่ค่อยได้เจอกันเลย สงสัยบ้านจะกว้างเกินไป บางทีกลับมาก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน อยู่ห้องตัวเองหรือห้องอื่น ยิ่งเข้าวงการ งานน้องยิ่งเยอะ ทำงานกลับดึกบ่อย ก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าบ้านเก่ายังดีกว่า ยังได้เจอหน้ากันบ้าง (หัวเราะ)” เห็นทีว่าต้องปิดใช้งานกันหลายห้องเลยทีเดียว จึงจะรู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้ขนาดเล็กลงไปบ้าง
                                                                      
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร