“หนูรั่ว หนูบ้า แล้วหนูก็ฮาค่ะ ไปถามใครเขาก็คงพูดแบบนี้แหละ (หัวเราะ)” คือคำจำกัดความที่ “มิ้นท์ ธิติรัตน์ โรจน์แสงรัตน์” อธิบายตัวตนของเธอเองเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นความจริงที่ผู้ชมทั่วประเทศทราบกันดีอยู่แล้วหากเคยติดตามชมรายการเรียลิตีหน้าใหม่ “ล้านฝันสนั่นจอ The Acting Queen“ แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งที่มั่นใจว่าหลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับหญิงสาวอารมณ์ดีคนนี้ บางมุมที่เจ้าของเรื่องถึงกับต้องเล่าเคล้าน้ำตาให้ฟัง บางมุมที่จะทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงตลกโปกฮาไปวันๆ หนึ่ง
ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับรายการเรียลิตีเฟ้นหานักแสดงหญิงหน้าใหม่เข้าสู่วงการอย่าง “ล้านฝันสนั่นจอ The Acting Queen“ แต่สำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดแล้ว “มิ้นท์ ธิติรัตน์ โรจน์แสงรัตน์” บอกว่าชีวิตในวงการของเธอเพิ่งจะเปิดฉากเท่านั้นเอง และก่อนที่ฉากต่อๆ ไปจะเริ่มขึ้น วันนี้ M-Lite ขอให้เจ้าตัวหยุดพักสักประเดี๋ยวเพื่อมานั่งคุยกับเราแล้วเล่าให้ฟังว่า เธอมายืนอยู่จุดนี้และกลายเป็นมิ้นท์ในแบบที่ทุกคนรู้จักในวันนี้ได้อย่างไร
กว่าจะเป็นที่หนึ่ง
ได้ติดตามการประกวดในรายการแอ็กติ้งควีนมาบ้างเหมือนกัน ทีมงานจึงพอวาดภาพในหัวคร่าวๆ ก่อนเจอตัวจริงได้ว่าผู้หญิงที่นัดพูดคุยกันในวันนี้จะเป็นคนแบบไหน กระทั่งได้สนทนากันอย่างจริงจังจึงทำให้แน่ใจว่าภาพที่ถูกถ่ายทอดผ่านรายการทีวีออกไปอย่างที่หลายคนรับรู้ แทบไม่ต่างจากตัวจริงของเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้าในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย มิ้นท์ทำให้ยิ้มและหัวเราะไปกับเธอได้อย่างสนิทใจจนเกือบลืมไปแล้วว่าเรากำลังพูดคุยกันในฐานะคนตั้งคำถามกับคนเล่าเรื่อง ต้องยอมรับว่าเธอคือเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวยงจริงๆ
“นี่เป็นที่แรกเลยนะเนี่ยที่เจาะลึกหนูตั้งแต่รากเหง้า (หัวเราะ)” มิ้นท์พูดทีเล่นทีจริงเมื่อทีมงานขอให้เธอเล่าที่มาที่ไปในวงการให้ฟัง ก่อนเริ่มลำดับเหตุการณ์อย่างจริงจัง “เวทีแรกในชีวิตที่เดินเข้าไปประกวดคือเดอะสตาร์ค่ะ ตอนนั้นอายุสัก 19 ได้ ถามว่าเราพร้อมไหม ไม่รู้หรอกค่ะ รู้แค่ว่าอยากประกวด อยากเป็นนักร้อง ตัวเองชอบเพลงแนวไหน ตัวตนจริงๆ ของเราคืออะไรยังไม่รู้เลย กำแพงในใจก็ยังมีอยู่เยอะ แถมยังเป็นการประกวดครั้งแรกในชีวิตด้วย เลยยิ่งเกร็งยิ่งเขินไปกันใหญ่ ถ้าลองกลับไปดูคลิปสมัยก่อนจะเห็นเลยค่ะว่าคนที่ร้องเพลงแล้วเต้นแบบกล้าๆ กลัวๆ เป็นยังไง (ยิ้ม)”
มิ้นท์เข้าประกวดเวทีดังกล่าวทั้งซีซัน 4 และ 5 ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะพลาดทั้งสองครั้งแต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ ทั้งยังหยิบเอาความผิดหวังที่ได้รับเปลี่ยนมาเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไป เธอไม่หยุดฝันและลงประกวดอีกหลายเวทีต่อจากนั้น กระทั่งค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเองและได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจนทุกวันนี้
“หลังจากผิดหวังจากเดอะสตาร์หนูก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น เหมือนได้ติดเทอร์โบเจ็ตเลยค่ะ (หัวเราะ) ถามว่าเสียใจไหมที่ไม่ได้ เสียใจค่ะแต่หนูเก็บความเสียใจมาเป็นพลัง มานั่งพิจารณาว่าเราขาดอะไรไป น่าจะเป็นเรื่องความมั่นใจ พอรู้จุดปุ๊บก็เริ่มไปประกวดใหม่ คราวนี้เป็นเวทีร้องเต้นเกิร์ลกรุ๊ปของเบบี้วอกซ์ไทยแลนด์ค่ะ คนประกวดเยอะมากแต่เราได้เข้าเป็น 10 คนสุดท้ายด้วย ถึงตอนนั้นจะไม่ชนะแต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเราก็เจ๋งเหมือนกันนะถึงผ่านเข้ามารอบลึกๆ ได้ (ยิ้ม) พอเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้นก็ไปเวที S Club ต่อ แต่ครั้งนี้ชนะค่ะ จากนั้นก็มาประกวดแอ็กติ้งควีนนี่แหละค่ะเวทีสุดท้าย” มิ้นท์เท้าความให้ฟัง
หากพิจารณาจากการประกวดที่เคยมีมาจะพบว่าซีซันแรกๆ ของทุกเวทีมักไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าใดนัก เนื่องจากฐานคนดูและผู้สนับสนุนยังมีน้อย ส่งผลให้ผู้ชนะการประกวดไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าที่ควร เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถามว่าเหตุใดเธอจึงยังตัดสินใจเข้าประกวด The Acting Queen ครั้งที่ 1 อยู่อีก ผู้ชนะจากเวทีดังกล่าวจึงให้คำตอบทันทีโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด
“เมื่อโอกาสมันมาแล้วเราก็ต้องคว้าไว้ค่ะ เพราะโอกาสแต่ละครั้งมันไม่ได้เข้ามาหาเราง่ายๆ เราต้องเดินเข้าไปหามันเองด้วยซ้ำ แล้วถ้าได้ลองเดินเข้าไปแล้ว ก็จะมีก้าวต่อๆ ไปตามมาเอง ก็เลยไม่เคยกลัวว่าสมัครซีซันแรกแล้วจะไม่ดัง เพราะถ้ามัวแต่มานั่งเลือก สุดท้ายก็จะไม่ได้ลองอะไรสักอย่าง ไม่ได้เริ่มอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแน่นอน ถึงตอนนี้หนูก็รู้สึกดีมากแล้วค่ะที่มาถึงตรงนี้ได้ พูดไปคนอื่นอาจจะคิดว่าไอ้นี่มันจะอินอะไรนักหนา พูดแล้วก็จะร้องไห้ (หัวเราะ) แต่หนูรู้สึกภูมิใจจริงๆ นะที่ความตั้งใจของเราเป็นจริงเสียที” พูดจบประโยคมิ้นท์ก็หยิบทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา พร้อมกับหัวเราะแก้เขินตบท้าย
ไม่คิดทิ้งดนตรี
ถ้าวัดจากความชอบตั้งแต่สมัยเด็ก การร้องเพลงเป็นความฝันที่ชัดเจนที่สุดเสมอมา มิ้นท์ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องและมักจะบอกกับเพื่อนๆ ว่าเธอต้องทำให้ได้สักวันหนึ่ง ถึงแม้วันนี้มิ้นท์ยังเดินไม่ถึงจุดนั้น แต่กลับได้รับการยอมรับด้านการแสดงเสียก่อน แต่เธอยังยืนยันว่า “ยังอยากเป็นนักร้องอยู่และจะไม่ทิ้งการร้องเพลงแน่นอนค่ะ”
“เวลาเปิดดูคอนเสิร์ตของศิลปินแล้วจะรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเขาดูยิ่งใหญ่มาก ชื่นชมแบบนั้นมาตลอด ชอบดูตั้งแต่ตอน 6 ขวบได้ค่ะ อาจจะเพราะเป็นคนที่อินเนอร์แรงด้วยมั้งคะ อยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นเลยคิดว่าจะเป็นนักร้องให้ได้ ตอนนั้นร้องเพราะไม่เพราะไม่รู้ค่ะ รู้แค่ว่าจะเป็นให้ได้ (หัวเราะ) แล้วหนูไม่เคยเรียนร้องเพลงด้วย แต่โชคดีที่สมัครเป็นนักร้องวงซียูแบนด์แล้วเขารับ (วงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยจุฬาฯ) ก็เลยได้ร้องเพลงมาเรื่อยๆ จากที่เคยอายๆ ตอนไปประกวดเดอะสตาร์ก็เริ่มเจนเวทีมากขึ้น พอเริ่มชิน กำแพงที่เคยมีก็เริ่มหายไป ปล่อยความเป็นตัวเองได้ทีละนิดๆ จนในที่สุดก็กล้าร้องกล้าเต้นในแบบของเราเอง”
หลายคนอาจยังนึกภาพไม่ออกว่า มิ้นท์ แอ็กติ้งควีน ในมาดนักร้องเป็นอย่างไร ผู้สัมภาษณ์จึงขอให้เธออธิบายให้ฟัง “นิยามของหนูคือเป็นคนชอบเอนเตอร์เทนค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาอยู่บนเวทีจะคิดเอาไว้เลยว่าทุกคนต้องมองฉันนะ (ยิ้ม) ไม่ใช่มองว่าร้องเพราะนะ แต่หันมาดูว่าไอ้นี่มาทำอะไร หนูจะชอบมีอะไรแปลกๆ บ้าๆ บอๆ มาแสดงให้ดู ส่วนใหญ่เวลาร้องจะเต้นหมุนตัวไปมา ปล่อยตัวเองไปตามเสียงเพลง แล้วก็เล่นหน้าเล่นตาสุดฤทธิ์ ทุกคนก็จะเข้าใจว่าไอ้มิ้นท์มันเป็นอย่างนี้แหละ (หัวเราะ)"
"อาจจะดูเพี้ยนๆ ไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่แสดง หนูรู้สึกได้ว่าคนดูเขามองเราด้วยสายตาที่สนใจ เลยแอบคิดว่าเราน่าจะมีอะไรบางอย่างในตัวอยู่บ้าง ทุกวันนี้เห็นคนร้องเพลงในทีวีแล้วชอบคิดว่าเขาดีกว่าฉันตรงไหน ฉันก็ทำได้เหมือนกัน (ยิ้ม) มันเลยเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราต้องไปยืนตรงจุดนั้นให้ได้ด้วยมั้งคะ” มิ้นท์ยังคงยืนยันความตั้งใจเดิม
วัดจากเส้นทางที่เธอเลือกเดินอยู่ตอนนี้ อาจทำให้ใครต่อใครตัดสินไปแล้วว่าเธอทิ้งความฝันที่จะเป็นนักร้องและหันไปเอาดีด้านการแสดงแทนเสียแล้ว แต่สำหรับมิ้นท์ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองกำลังละทิ้งความฝัน แต่แค่กำลังเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ชีวิตอยู่เท่านั้นเอง
“ไม่เคยคิดว่าจะยอมทำอะไรในวงการก็ได้เพื่อให้มีชื่อเสียง หรือยอมเบนสายจากการเป็นนักร้องมาเป็นนักแสดงเพราะอยากดังนะ หนูมองว่าตัวเองก็ยังเดินอยู่บนเส้นทางเดิมนี่แหละค่ะ เพียงแค่ระหว่างทางที่เดินไปยังจุดหมาย ตอนนี้หนูได้พบกับอีกเส้นทางหนึ่งที่เราอยากลองทำ ซึ่งพอลองทำดูแล้วเราก็ทำได้ด้วย ทำให้รู้สึกว่าเส้นทางการแสดงเราก็ทำได้นะ แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าพอลองงานแสดงแล้ว เราจะไปเป็นนักร้องไม่ได้ หรือไม่ได้หมายความว่าจะเลือกงานแสดงเพื่อให้ปูทางไปสู่การเป็นนักร้อง แต่มันเป็นอีกเวทีหนึ่งที่ชอบและอยากลองค่ะ” เพราะฉะนั้นใครที่อยากเห็นเธอคนนี้ในมาดนักร้องเต็มตัว อดใจรอกันอีกสักหน่อย รับรองได้เห็นแน่
เต็มที่จนได้เรื่อง
อินกับบทจนหลุดตบจริง เล่นบทผีสิง ทำร้ายตัวเองจนเลือดตกยางออก หรือแม้แต่ฉากแอ็กชัน เธอก็ได้รับแผลเป็น เป็นที่ระลึกมาแล้ว หลายคนมองว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับมิ้นท์คือการจัดฉากของทีมงานแอ็กติ้งควีน หรือความพยายามเรียกเรตติ้งของเธอเอง เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไป ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกับบอกว่า “โห... ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยค่ะ มันพลาดจริงๆ” ถ้ายังไม่เชื่อ เธอมีบทพิสูจน์มาแก้ต่าง เพื่อให้รู้ว่าเธอเป็นคนที่ทำทุกอย่างเต็มที่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว และด้วยความเต็มที่นี่เองจึงทำให้ทำอะไรเกินลิมิตไปบ้างในบางครั้ง
“เข้าไปปีหนึ่งใหม่ๆ มีพี่ในคณะชวนให้ลงแข่งชกมวย หนูก็ไปค่ะ ตอนแข่งใส่เฮดการ์ด นวม ฟันยาง ทุกอย่างจริงจังมาก ตอนซ้อมก็จริงจังไม่แพ้กัน อุตส่าห์ทุ่มทุนไปซ้อมกันถึงค่ายมวย หนูก็จัดเต็มเลยค่ะ ตั้งใจมาก สู้กับเด็กวิทย์กีฬาจนสุดท้ายก็ชนะได้เหรียญทองแดงมา เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเป็นคนเต็มที่ไหม คงต้องตอบว่าใช่ค่ะ (ยิ้ม) แต่ที่บอกว่าใส่ทุกอย่างเต็มที่จนควบคุมตัวเองไม่ได้นี่ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนแสดง อินเนอร์เราอาจจะแรงไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้นะ” มิ้นท์ขยายความต่อ
“อย่างสัปดาห์ที่ต้องแสดงบทนางร้ายแล้วพลาดไปตบปิ่นเกล้า ต้องบอกก่อนเลยว่าเราสองคนคุยกันตลอด ตกลงกันไว้แล้วว่าเล่นกันเต็มที่ได้เลย เพียงแต่ตอนนั้นเวลาเตรียมตัวมีน้อยมาก เลยไม่ได้วางคิวเป๊ะจนรู้ว่าจะต้องตบหลังจากพูดประโยคไหน พอเราตบออกไปก็เลยพลาดค่ะเพราะไม่รู้คิวกันมาก่อน อีกอย่างเป็นเพราะท่าตบของหนูด้วยแหละ ปกติเวลาจะแสดงฉากตบ คนที่ตบอาจจะต้องง้างมือขึ้นก่อนเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่หนูดันงัดมือมาจากข้างล่าง ทำท่าเหมือนตีเทนนิส งัดข้อแขนขึ้นแล้วตบออกไป เลยทำให้เพื่อนตั้งตัวไม่ทัน ตัวหนูเองเป็นคนตบยังอึ้งเลยค่ะ” เธอเล่าให้ฟังด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มิ้นท์เสียใจอย่างมาก ถึงกับร้องไห้ไม่ยอมหยุดไปหลายวันด้วยความรู้สึกผิด แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีแค่แง่ร้ายๆ ให้มองเพียงอย่างเดียว เธอยังได้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกมากจากประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วย
“เสียใจมากเลยค่ะ เพราะเป็นคนไม่ทำร้ายใคร จะลั้นลาไปวันๆ หนึ่ง พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ก็เลยเสียใจมาก ร้องห่มร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังไปหลายวัน จนทุกคนต้องเข้ามาปลอบใจรวมทั้งปิ่นเกล้าด้วย และสอนให้เราหัดปล่อยวาง ทำให้รู้เลยค่ะว่าเราต้องรู้จักจบ พอสั่งคัตต้องตัดทุกอย่างให้จบอยู่ตรงนั้น ตัวเราก็กลับคืนสู่สภาวะปกติที่เราเป็น ไม่จมอยู่กับบทที่เล่นหรือเรื่องผิดพลาดที่ทำไป ต้องเลิกคิด ในเมื่อเคลียร์กันได้แล้ว ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเราไม่ได้ตั้งใจ การแสดงก็คือการแสดง เรื่องจริงคือเรารักกัน เรายังคุยกันปกติ เท่านั้นก็พอค่ะ” มิ้นท์ปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มเรียบๆ ก่อนสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
“ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สอนเราได้หลายๆ อย่างเลยค่ะ รู้เลยว่าการเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องรู้คิวกันอย่างดี ผิดคิวไม่ได้เลย ที่สำคัญต้องรู้จักเซฟทั้งตัวเองทั้งคนอื่นด้วย ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงมืออาชีพ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้ายค่ะ ต่อไปในอนาคตถ้าได้เล่นบทแบบนี้อีกคงรู้แล้วว่าต้องเตรียมตัวยังไง เพราะเรารู้แล้วว่าการแสดงจริงๆ มันเป็นแบบไหน จะไม่ทำพลาดซ้ำรอยเดิมอีกแน่นอนค่ะ”
เลือกมิ้นท์รับรองไม่ผิดหวัง
ถ้าให้มองกลับไปบนเวทีประกวดร้องเพลง ถามว่าเธอเสียดายไหมที่ไม่ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความฝัน แต่กลับได้รับการยอมรับบนเส้นทางการแสดงแทน มิ้นท์ยิ้มแบบสบายๆ ก่อนให้คำตอบว่า “ไม่เสียดายแล้วล่ะค่ะ ก็เราชนะแล้วนี่ (ยิ้ม) แสดงว่าเราต้องไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ก็น่าจะมีอะไรอยู่ในตัวระดับหนึ่ง นอกจากไม่ธรรมดาแล้ว อาจจะเอนเอียงไปทางไม่ปกติด้วยนะ (หัวเราะ)” เธอไม่ลืมยิงมุกทิ้งท้าย ก่อนเริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจัง
“เทียบกับการร้องเพลง บางครั้งอาจจะชนะกันได้ด้วยเรื่องของเสน่ห์ คนดูอาจจะชอบคนนี้แหละ เขาร้องไม่ค่อยดีหรอกแต่มีเสน่ห์มากๆ ทำให้คนเอ็นดูได้ ทำให้คนเชียร์ได้ แต่ประกวดการแสดงมันเห็นกันซึ่งหน้า พอแสดงไม่ดีปุ๊บ คงไม่มีคนดูมานั่งชื่นชมหรอกค่ะว่าชอบมากเลยคนนี้ ชอบที่มันแสดงไม่ดีเนี่ยแหละ (หัวเราะ) มันจะเห็นกันชัดมากกว่า แล้วโจทย์การประกวดก็ยากมากคือให้บทตอนนั้นแล้วให้เราแสดงเลย ขนาดนักแสดงมืออาชีพยังอาจจะต้องคิดหนักนะ หนูกับเพื่อนๆ ยังน้ำตาเล็ดเลย เพราะฉะนั้นได้ประกวดเวทีนี้ไม่เสียดายแล้วค่ะ ได้ทำทุกอย่างแล้ว ได้เจอผู้กำกับ 10 คน เล่นหนัง 10 สไตล์ คุ้มแล้วล่ะ (ยิ้ม)”
คิดว่าอะไรทำให้เราชนะเวทีแอ็กติ้งควีน? เจ้าของตำแหน่งนิ่งคิดสักพักก่อนค่อยๆ ทยอยตอบทีละประโยคสองประโยคเท่าที่คิดได้ “น่าจะเป็นเพราะความเป็นตัวเรานี่แหละค่ะ การที่เราไม่เสแสร้ง ดูเป็นตัวเอง พี่เขาคอมเมนต์ว่าหนูมีความตั้งใจ มีพัฒนาการ จากที่เคยแสดงเลอะเทอะมาก (หัวเราะ) ตอนนี้เขาก็บอกว่าเราสามารถแสดงจริงได้แล้วค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ อยู่ไปอีกนานๆ (ยืดเสียงท้ายประโยค) บอกตรงๆ เลยค่ะว่าเป็นคนมองไกล อยากไปให้ได้ไกลๆ แต่ไม่ใช่ไปไกลๆ แบบโดนไล่นะ (หัวเราะ)”
“ทุกๆ ก้าวที่จะเดินไป หนูอยากจะเต็มที่กับมัน ได้ทำในสิ่งที่เรารัก มั่นใจกับสิ่งที่เราทำ อยากทำทุกอย่างอย่างทุ่มเท ทำทุกอย่างออกมาจากใจ ส่วนเรื่องชื่อเสียงเงินทองอะไร น่าจะเป็นผลที่ตามมาจากความเต็มที่มากกว่า แต่ตอนนี้หนูยังไม่ถึงจุดนั้นค่ะ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ รางวัลที่ได้ตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง หนูยังไม่ได้ลองของจริงเลย ยังอยู่กับการประกวดมาตลอด การประกวดทำให้ได้ประสบการณ์ ได้คำตอบ ได้รู้จักตัวเอง แต่เรื่องการทำงานจริงยังอีกยาวไกล ต่อจากนี้ต่างหากที่ต้องไปพิสูจน์ฝีมือกัน หนูไม่รู้หรอกค่ะว่าคนอื่นมองยังไง แต่หนูจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ แล้วจะบอกว่าไอ้มิ้นท์แอ็กติ้งควีนนี่มันแน่นอนจริงๆ เว้ย” สาวอารมณ์ดีไม่ลืมระเบิดหัวเราะตบท้าย
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : มิ้นท์ ธิติรัตน์ โรจน์แสงรัตน์
อายุ : 23 ปี
ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร
น้ำหนัก :47 กิโลกรัม
การศึกษา : บัณฑิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ความสามารถ : ร้องเพลง, เต้นฮิปฮอป, อ่านทำนองเสนาะ, นาฏศิลป์, ดนตรีไทย, กีฬายิงปืน, ชกมวย
ผลงาน : ประกวดเวที “The Star ค้นฟ้าคว้าดาว”, “Baby Vox.Thailand Audition”, ชนะการประกวด “S Club Talented Girl” ปี 2009, ถ่ายโฆษณา “KFC”, “HONDA”, ถ่ายแบบหนังสือ "เธอกับฉัน", "Candy", "Cawaii", "Seventeen" ล่าสุดชนะการประกวดในรายการ “ล้านฝันสนั่นจอ The Acting Queen” ครั้งที่ 1
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์