xs
xsm
sm
md
lg

ฮาเวิร์ด หวัง... “อยากให้มองผมเป็นแบดบอย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนุ่มน้อยหน้าตี๋หน้าตาน่ารักน่าหยิก เจ้าของบทเพลง “รสปูอัด” ในความทรงจำใครหลายๆ คน วันนี้เขากลับมาในวงการอีกครั้งด้วยมาดแบดบอยเจ้าเสน่ห์ ฟิตหุ่นแน่นปึ้ก แถมยังสักทั้งตัว ต่างจากตัวตนในอดีตที่แฟนเพลงเคยเห็นราวฟ้ากับเหว อะไรคือเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด วันนี้คำตอบที่หลายๆ คนอยากรู้จะพรั่งพรูออกมาจากปากของเขาเอง “ฮาเวิร์ด หวัง”

“เจ็บนี้...รสปูอัด” หลายคนยังจำท่าเต้นก๋ากั่นของหนุ่มน้อยตัวเล็กจากวง “ไจแอนท์” ได้เป็นอย่างดี ความน่ารักของพวกเขาทั้งสามคน เคยขโมยหัวใจผู้ฟังมานักต่อนักแล้วในยุคสมัยอาร์เอสครองเมือง ผ่านไปกว่า 10 ปี วันนี้ M-Open นัดเจอกับนักร้องนำของวงอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้ไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป ไม่มีเพื่อนร่วมวงอีกสองคนเดินขนาบข้างอีกแล้ว มีเพียงหนุ่มหล่อหน้าตี๋เดินเข้ามาทักทายทีมงานด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มใสๆ ในจอทีวีเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นมาดขรึมๆ กับรอยยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่าคนทั้งประเทศคงต้องทำความรู้จัก “ฮาเวิร์ด หวัง” คนนี้ใหม่เสียแล้ว
 

ผมเปลี่ยนไปแล้ว!
ถ้าไม่บอกว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหนุ่มน้อยวงไจแอนท์ผู้เคยโด่งดังอย่างมากเมื่อหลายสิบปีก่อน เชื่อว่าหลายคนคงนึกไม่ถึงเช่นกัน เพราะเด็กชายฮาเวิร์ด หวัง คนเดิม เปลี่ยนไปมากจริงๆ หลังจากห่างหายไปจากวงการเพลงไทย กลับไปเกณฑ์ทหารที่ไต้หวัน บ้านเกิดของตัวเอง ฮาเวิร์ดจึงกลับเมืองไทย ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ด้วยหน้าตาหล่อเหลาบวกกับหุ่นได้รูปอย่างนายแบบ จึงทำให้เขาหนีวงการบันเทิงไปไม่พ้น ฮาเวิร์ดถ่ายงานโฆษณาเรื่อยมา กระทั่งชนะการประกวด “50 หนุ่มโสดคลีโอ” จึงทำให้ชื่อของเขากลับมาเป็นที่สนใจของประชาชนอีกครั้ง ด้วยเสียงตอบรับที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “โตขึ้น...หล่อขนาดนี้เชียวหรือ”

แฟนเพลงกลุ่มเดิมอาจจะยังมองเห็นฮาเวิร์ดในวันนี้เป็นภาพซ้อนทับกับเด็กชายทะเล้นน่ารักคนเดิม แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว เขาขอยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ฮาเวิร์ดคนเดิมที่คนทั้งประเทศเคยรู้จักอีกต่อไป หรือจะพูดว่าตัวตนที่พวกเราทุกคนเคยรู้จักเขา แทบไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ เลยด้วยซ้ำ

ตอนอยู่ค่ายอาร์เอส แนวเพลงของผมจะเป็นแบบป็อปเด็กๆ หน่อย แต่โดยส่วนตัวแล้วจริงๆ ผมไม่ได้ชอบแบบนั้นนะ ตอนแรกๆ ผมก็เสนอบริษัทว่าขอชื่อเป็น Bad Boy ได้ไหม แต่ไม่ได้ เขาบอกว่าโปสเตอร์โปรโมตเสร็จแล้ว โปรเจกต์ทุกอย่างก็จัดแล้ว เราก็ต้องเดินตามที่เขาวางไว้ ตอนที่ผมเห็นชุดคอนเซ็ปต์อัลบั้มครั้งแรกผมร้องไห้เลยเชื่อไหม ในความรู้สึกเราตอนนั้นมันดูตลก มีรูปปูอัดด้วย แล้วเขาก็จับผมให้แต่งตัวเหมือนเด็กญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น แต่ตอนนั้นก็สนุกดีครับ แล้วคนก็ชอบเราเยอะด้วย ฮาเวิร์ดเปิดเผยเบื้องหลัง ก่อนอธิบายตัวตนที่แท้จริงของตัวเองให้ได้รู้จัก ซึ่งเป็นมุมใหม่ๆ ที่อีกหลายคนยังไม่รู้

จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมานะ ไม่ได้อาโนเนะอย่างที่ใครๆ เคยมอง จะชอบอะไรที่ดูเท่ๆ หน่อย ไม่ค่อยชอบเสียฟอร์มหรือพูดมากเกินไป ไม่ชอบทำตัวงี่เง่า ไม่ชอบอะไรเสี่ยวๆ (ยิ้ม) จะพยายาม Keep ตัวเองให้ Cool ไว้ครับ ตอนนี้กลับมาเป็นนักร้องค่ายไอมิวสิกอีกทีก็ได้เป็นแนวของตัวเองมากขึ้น ได้ทำเพลงอาร์แอนด์บีผสมฮิปฮอปที่ตัวเองชอบ ตอนนี้ก็ไม่ร้องไห้แล้ว”
 

ทุกรอยสักมีความหมาย
พูดถึงการเปลี่ยนแปลงแล้ว สิ่งแรกที่เห็นเด่นชัดในตัวของฮาเวิร์ดก็คือรอยสัก กวาดสายตาจากแนวแขนท่อนล่างที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาจนถึงข้อมือ ยังคงเห็นลวดลายศิลปะผสมตัวอักษรบนเนื้อผิวขาวๆ ของเขา ถามว่าอะไรคือแรงบันดาลใจให้ตัดสินใจสักตั้งแต่ช่วงแขนทั้งหมด ไปจนถึงหน้าอกบางส่วน เจ้าของรอยสักจึงให้คำตอบว่าเขาอยากลบภาพเดิมๆ ในวัยเด็กออกไปให้หมด

“อยากให้ลุกของเราออกมาเป็นแบดบอย ตอนเด็กๆ ผมเป็นปูอัด เป็นเด็กใสๆ น่ารักๆ แต่ตอนนี้ผมอยากจะเปลี่ยนภาพของตัวเอง ให้คนอื่นรู้ว่าผมโตแล้วนะ ผมเป็นวัยรุ่นเท่ๆ นะ แล้วก็ไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่ข่าวชอบเขียนด้วย (หัวเราะเบาๆ) แล้วตอนที่สักก็ซ่ามากด้วย ก็เลยสักเยอะเลย”

พิจารณาจากวัฒนธรรมไทยแล้ว หลายคนอาจมองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฮาเวิร์ดรู้ซึ้งเป็นอย่างดีและกำลังพยายามแก้ไขให้ถูกต้องตามกาลเทศะโดยการลบรอยสักบางส่วนออก ได้แต่หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าเขาไม่ได้ต้องการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่น้องๆ เยาวชน เพียงแค่ต้องการสักเพื่อเก็บความทรงจำบางส่วนเอาไว้กับตัวเองเท่านั้น

จริงๆ แล้วอยากให้น้องๆ มองเป็นศิลปะ ถ้าถามผมว่าให้คิดอีกครั้งหนึ่ง ย้อนเวลากลับไปจะสักอีกไหม ผมคงไม่สักเยอะขนาดนี้ ผู้ใหญ่เขาอาจจะมองว่าไม่ดี วัยรุ่นอาจจะมองว่ามันเท่ ก็หลายมุมมองครับ แต่ถ้าใครคิดจะสักก็อยากให้คิดดีๆ ให้มองเป็นศิลปะไป แต่ต้องยอมรับว่าออกงานบางครั้งก็ไม่ค่อยสุภาพนะ ต้องใส่แขนยาวปิด อันนี้ผมก็เข้าใจวัฒนธรรมไทยครับ อย่างไต้หวันก็คล้ายๆ กัน ถ้าไปสักแบบนี้ คนที่นั่นก็จะมองว่าเป็นแก็งสเตอร์ เป็นเด็กแว้น แต่ถ้ามองจากมุมมองอเมริกา เรื่องสักที่นั่นเป็นเรื่องธรรมดามากครับ แต่ในเมื่อวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ก็ต้องเข้าใจแล้วก็ปรับตัว เจ้าของรอยสักพูดอย่างเข้าใจ ก่อนอธิบายที่มาที่ไปของศิลปะบนเรือนร่างเหล่านี้

“รอยสักที่อยู่บนตัวผมจริงๆ แล้วมันมีความหมายทุกอันนะ อย่างตรงนี้ (ชี้ไปที่ช่วงแขนด้านล่าง) สักว่า HW มาจากชื่อกับนามสกุล แล้วก็มีชื่อคุณพ่อกับคุณแม่ตรงนี้ครับ ผมสักเอาไว้ เพราะทั้งสองคนเขาแยกทางกัน ผมเลยคิดว่าอยากสักเอาไว้ เขาจะได้อยู่ด้วยกันที่หนึ่งคือบนนี้ ในความคิดผมตอนนั้น ผมคิดแบบนั้น แล้วก็สักอีกที่หนึ่ง เป็นคำที่ผมชอบมากคือ “Elevate” แปลว่าสูงขึ้นไป พุ่งขึ้นไป คิดว่าคนเราต้องพัฒนาตัวเองตลอดให้พุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วรอยสักที่ชอบที่สุดน่าจะเป็นแผ่นนี้ครับ เป็นรูปสิงโต เพราะเป็นราศีของผม ราศีสิงห์”
 

เบื่อแล้ว... เกาะผู้หญิงดัง
ขึ้นชื่อ “ฮาเวิร์ด หวัง” บนหน้าหนังสือพิมพ์ทีไร ไม่พ้นต้องข้องเกี่ยวกับสาวๆ อยู่ตลอด ตั้งแต่คนที่เคยร่วมงานกันอย่างวีเจวุ้นเส้น หรืออีกหลายคนที่ไม่เคยข้องแวะกันเลย ฮาเวิร์ดบอกว่าเขาค่อนข้างเบื่อที่ต้องถูกพูดถึงในแง่นี้ แต่ในเมื่ออยู่ในวงการคงต้องยิ้มรับมัน เพราะข่าวกุ๊กกิ๊กคือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการโปรโมตผลงานในวงการบันเทิงไทย

ถ้าไม่มีข่าวกับผู้หญิงอาจจะแปลก เขาก็จะหาว่าเป็นเกย์อีก (ยิ้มมุมปาก) มีข่าวแบบนี้ก็ทั้งดีทั้งไม่ดีครับ แต่ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ นักข่าวก็จะไม่ค่อยสนใจ แล้วเขาจะไม่ค่อยมีเรื่องอยากจะถาม เพราะคนที่เขาดู เขาอยากรู้เรื่องพวกนี้มากกว่างานของเรา เขาก็เลยต้องถาม เราก็ต้องยอมให้เขาถามเสริมเข้าไป แล้วค่อยฝากผลงานของเราอีกทีหนึ่ง มันก็ต้องไปด้วยกัน ถือว่ารวมอยู่ในแพกเกจเดียวกันกับผลงาน

“ส่วนใหญ่นักข่าวจะชอบถามผมว่าผมจะเกาะดาราดัง เกาะคุณวุ้นเส้น แตงโม แต่ในความคิดของผม ถ้าผมอยากจะเกาะหรืออยากจะจีบจริงๆ ผมคงทำไปตั้งนานแล้ว สำหรับผม ถ้าจะดังต้องใช้ความสามารถของตัวเอง พึ่งตัวเราเองมันภูมิใจมากกว่า ไม่ต้องไปเกาะใครสร้างกระแส สร้างข่าว พยายามด้วยตัวเอง ทำให้ได้ตามที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ดีกว่า ฮาเวิร์ดย้ำจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง

นอกจากจะเนื้อหอมในหมู่สาวๆ แล้ว ฮาเวิร์ดยังแอบเป็นข่าวกับฝั่งชายหนุ่มด้วย โดยเฉพาะอดีตเพื่อนร่วมวงอย่างโทมัส ที่มีข่าวว่าเคยจูบกัน เมื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวถึงกับออกตัวอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เคยครับ” ทั้งยังแสดงจุดยืนเกี่ยวกับเพศที่สามเอาไว้อย่างชัดเจน

“ตอนที่ผมรู้ตอนแรก โทมัสมาเปิดตัวบนอินเตอร์เน็ตอยู่บนเตียงสีชมพู ผมก็ตกใจมาก ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นไปในทางนั้น พอรู้มันก็แปลกๆ นะ เพราะเมื่อก่อนเราจะคุยกันเรื่องผู้หญิงว่า เฮ้ย!... คนนั้นสวยคนนี้สวยนะ แต่ว่าตอนนี้ผมเห็นผู้หญิงคนไหนน่ารัก ผมก็จะชวน แต่ก็เอ้ย!... เขาไม่ชอบอย่างนี้นี่ เขาชอบอีกแบบหนึ่ง เลยไม่ค่อยมีประเด็นคุยกันเท่าไหร่ ก็แปลกๆ นิดหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจนะ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน หนุ่มหน้าใสเผยความในใจ ก่อนพูดถึงเปอร์เซ็นต์ความเป็นเกย์ในตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ผมไม่ได้รังเกียจเกย์นะ ในชีวิตของผม ผมพยายามจะใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีความเป็นเกย์เข้ามาอยู่เลย อย่างเช่นคำพูด หรือการกระทำกับเพื่อนผู้ชายที่สนิทกัน จะไม่มีมาแตะตัวกัน ทุกอย่างเป็นแมนๆ หมด คำที่ใช้ก็สำคัญนะ พยายามไม่ให้ดูเบี่ยงเบนไปทางนั้น ไม่ค่อยชอบให้คนมาพูดถึงเราว่าเป็นเกย์ เราก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นตัวของเรามากที่สุดครับ
 

มีดีมากกว่านั้น
คนที่หน้าตาดี มีโอกาสอยู่ในวงการ ร้อยทั้งร้อยต้องโดนกระแสสังคมมองว่าดังได้เพราะหน้าตา ฮาเวิร์ดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาจึงพยายามพิสูจน์ตนเองอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่ค่อยเข้าข้างเท่าใดนัก เมื่องานเพลงของเขาถูกหยิบไปเปรียบเทียบกับศิลปินชื่อดังจากเกาหลี และถูกหลายฝ่ายต่อว่าสาดเสียเทเสียจนทำให้ท้อแท้มาแล้ว แต่ฮาเวิร์ดก็ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยทำ และยืนยันว่าจะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เพื่อลบคำสบประมาทที่ว่า “มีดีแค่หน้าตา”

“เพลง Anyone แค่ใครสักคน เอ็มวีตัวแรกของผมฟีดแบกแย่มากๆ ทางบริษัทประสานงานกันผิดพลาดไปหน่อย เขา Reference เพลงจากของเทยัง บิ๊กแบง เขาอยากให้ผมทำแบบนั้น อยากได้แดนเซอร์สามคนเหมือนในเอ็มวีของฝั่งนู้นเลย อยากได้ฉากเหงาๆ เหมือนกันด้วย พอออกมาเลยกลายเป็นว่าทุกอย่างในเอ็มวีเราไปเหมือนเขาเสียหมด ตอนนั้นฟีดแบ็กกลับมาเขาไม่ได้แค่ว่าเราว่าไปก๊อบปี้นะ แต่เขาเอาไปเปรียบเทียบกับของเทยังเลย เปรียบเทียบว่าเรากระจอกขนาดไหน กระแสมันไปถึงเกาหลีเลยว่ามีศิลปินไทยก๊อบปี้เขา ตอนนั้นเสียใจมากเลยครับ ผิดหวังมาก ฮาเวิร์ดเท้าความให้ฟัง ก่อนพูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในครั้งนั้น

ผมคิดว่าทุกประเทศมีความเด่น มีสไตล์ของตัวเอง อย่างบีบอยของไต้หวัน เกาหลี หรือไทย ก็ไม่เหมือนกัน จะมีเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน อยากให้แต่ละคนมีคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ถ้าชื่นชมชื่นชอบว่าสไตล์เกาหลีเท่ก็ดูได้ครับ แต่เราต้องเอามาปรับเป็นแบบตัวเอง แบบนั้นจะดีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดพลาดครับ ต้องค่อยๆ ปรับไป ค่ายนี้ก็ยังใหม่ ผมเองก็เพิ่งเริ่มต้นเหมือนกัน ต้องเรียนรู้กันไป แต่รับรองว่าจะไม่มีอีกแล้วที่ใช้ Reference ของคนอื่นขนาดนี้ เพราะจริงๆ แล้วผมเองก็ไม่ได้อยากเลียนแบบใคร ผมชอบครีเอตอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเองมากกว่า

เพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นคนไม่ชอบก๊อบปี้ผลงานใคร ฮาเวิร์ดเล่าให้ฟังว่าเขาชอบงานออกแบบมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเริ่มจากการออกแบบโลโก้ มิกซ์เพลง แต่งเพลงเอง หรือแม้แต่รอยสักตามร่างกายก็เป็นฝีมือการสเกตช์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น นอกจากนี้ฮาเวิร์ดยังวางอนาคตว่าจะหยิบเอากังฟูและยิมนาสติกมาใช้กับการเต้นของเขาด้วย เห็นทีว่าคนที่เคยมองว่าเขามีดีแค่หน้าตา หรือเก่งแค่เรื่องเลียนแบบ คงต้องมองหนุ่มคนนี้ในมุมมองใหม่ๆ เสียแล้ว

“ผมชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ ครับ แต่จะเก่งด้านใช้จินตนาการ ใช้ Creative Imagination หน่อย ผมจะไม่ค่อยชอบวาดเก้าอี้ วาดสิ่งที่เห็น จะชอบวาดอะไรที่คิดขึ้นมาเอง วาดแล้วก็เก็บไว้ดูเล่นเอง โดยเฉพาะกราฟิตี้จะชอบมาก เข้าไปดูในอินเทอร์เน็ตเอง ดูจากยูทูบว่าเขาวาดกันแบบไหน ตอนแรกๆ ก๊อบปี้แบบจากเขาเพราะตัวเองยังวาดไม่ได้ แต่พอวาดไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้ว่าลายเส้นเขาวาดกันยังไง มีขอบ Shading ให้เป็นสามมิติยังไงบ้าง ก็ไม่ต้องก๊อบปี้แล้ว ออกแบบเองได้แล้วครับตอนนี้ แค่เอาเทคนิคของเขามาผสมกับเทคนิกของเรา คิดไว้เหมือนกันว่าถ้าอายุมากกว่านี้หน่อยจะมีแบรนด์ของตัวเอง มีบริษัทออกแบบโลโก้เป็นของตัวเอง”

ส่วนเรื่องงานเพลงตอนนี้ก็พยายามฝึกฝนเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ครับ มีแต่งท่อนแร็ปเอง ถึงภาษาไทยของผมจะยังไม่แข็งแรง แต่ก็พยายามหัดอยู่ เทียบกับภาษาอังกฤษ ผมจะแต่งได้ลึกซึ้งมากกว่า ใช้คำเป็นมากกว่า แต่นี่อยู่เมืองไทยแล้วคนฟังเขาฟังไม่รู้เรื่องกัน เราจะแร็ปเป็นท่อนยาวๆ ภาษาอังกฤษเลย คนส่วนใหญ่ฟังไม่ออก ก็คงไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครฟัง ก็ต้องหัดแร็ปเป็นภาษาไทยครับ เรื่องการเต้นผมก็พยายามหาอะไรใหม่ๆ เข้ามา ตอนนี้คิดไว้ว่าจะไปเรียนกังฟูกับยิมนาสติก อยากเอามาเสริมเรื่องคิดท่าเต้น ผลงานที่ออกมาจะได้แปลกใหม่ จะได้ไม่ถูกมองว่าไปก๊อบปี้คนอื่นเขามาอีก หนุ่มเชื้อสายไต้หวันยืนยันด้วยสำเนียงไม่สู้จะชัดถ้อยชัดคำนัก แต่น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน
                                                                      
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร





ฮาเวิร์ด หวัง โตเป็นหนุ่มแล้ว!






เด็กชายฮาเวิร์ด รสปูอัด


กำลังโหลดความคิดเห็น