xs
xsm
sm
md
lg

หยิน-หยาง เทรนด์กินของคนรุ่นใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลองสำรวจวิธีการรับประทานดูหน่อยสิว่า คุณรับประทานได้สมดุลกับร่างกายแล้วหรือยัง ? ปัจจุบันการรับประทานอาหารอย่างสมดุล หรือ การรับประทานแบบหยิน-หยาง กลายเป็นเทรนด์หนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายลดภาวะที่จะก่อให้เกิดอาการป่วยได้

การเลือกรับประทานอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต และควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ นางเจริญจิต งามทิพยพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้งชมรมชีวจิต ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดความสมดุลของร่างกาย แสดงทัศนะว่า แม้ว่าการดูแลสุขภาพในปัจจุบันส่วนใหญ่จะพึ่งพาเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากเพียงใด แต่การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

การกินแบบหยิน-หยาง


ฟังดูแล้วอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการกินในแบบของคนจีน ทว่าการกินในลักษณะหยินหยางนี้ หมายถึงการเลือกรับประทานอาหารให้เกิดความสมดุลให้แก่ร่างกาย โดยการกินเช่นนี้ ชาวจีนได้ถือว่าเป็นการกินที่ให้พลังคู่กัน และเป็นการกินที่อยู่ในแบบของการกินที่มีความขัดแย้งกัน


อาหารในลักษณะที่เป็นหยินหยาง ถือได้ว่ามีอยู่ในอาหารแทบทุกชนิด โดยการเลือกอาหารที่มีความเป็นกรด-ด่างในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย การรับประทานอาหารในปริมาณที่สมดุลกันทั้งสองด้านนั้นจะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล และหลักการที่จะเลือกรับประทานในแต่ละประเภทนั้น มักจะใช้ร่างกายเป็นตัวกำหนด


ในร่างกายของแต่ละคนล้วนมีความเป็นหยินหยางที่แตกต่างกันไป หากร่างกายเรามีความเป็นหยินมากเกินไป ก็ควรจะเลือกรับประทานอาหารประเภทหยางเพื่อให้ร่างกายสมดุล


“หากร่างกายได้รับอาหารที่เป็นกรดมากจำพวก ไข่แดง เนยแข็ง ขนมหวาน น้ำตาลทรายขาว เนื้อวัว เนื้อหมู ก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงและเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่าย แต่ถ้าร่างกายได้รับอาหารที่เป็นด่าง เช่น ผักเขียวและผลไม้ ก็จะทำให้เลือดเป็นด่างอย่างอ่อนๆ (PH -7) จะทำให้สุขภาพสมดุลไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ”


วิธีการรับประทานแบบหนุ่มสาวออฟฟิศ

การทำงานแบบเร่งด่วนของคนในวัยหนุ่มสาวเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนทำงานออฟฟิศ หลงลืมที่จะดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารในมื้อกลางวัน ที่คนวัยทำงานไม่สามารถเลือกสรรสิ่งที่ดีให้แก่ตนเองได้เหมือนมื้ออื่นๆ ภาวะของการเร่งรีบจึงบีบคั้นให้หนุ่มสาวหารับประทานกันในแบบง่ายๆ


ฉะนั้นการรับประทานอาหารมื้อกลางวัน คุณ เจริญจิต ได้แนะนำเอาไว้ว่า การเลือกรับประทานอาหารในมื้อนี้ หากหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความเป็นกรดไม่ได้ ก็ควรเลือกรับประทานที่ควบคู่ไปกับน้ำผลไม้สด หรือหลังจากมื้ออาหารก็ควรเลือกรับประทานผลไม้ควบคู่กันไปด้วย


“ส่วนมื้อเย็นควรเน้นไปที่ผัก สลัด ผลไม้ หรือปลา อาหารที่ย่อยง่าย แต่อาหารที่ขาดไม่ได้เลยคือมื้อเช้าที่ควรจะมีอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้พลังงานต่อร่างกาย อาทิ ขนมปัง ข้าวไม่ขัดขาว ร่วมในมื้อเช้าด้วยและในมื้อเช้าไม่ควรเลือกรับประทานกาแฟเพียงแก้วเดียวแล้วออกไปทำงาน เพราะนอกจากจะไม่ให้พลังงานแล้วยังมีฤทธิ์เป็นกรดอีกด้วย จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกง่วงนอน ไม่กระปรี้กระเปร่าในช่วงเวลางานได้”


เติมพลังในแบบหยิน-หยาง

ในช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานเพื่อต่อสู้กับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน การเลือกรับประทานอาหารในมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำอุ่นๆ ในช่วงเช้าอย่างน้อย 1-2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายเกิดความเป็นหยาง หรือการเลือกเติมพลังด้วยการรับประทานอาหารในมื้อเช้าด้วยอาหารอุ่นๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก จะยิ่งช่วยให้ร่างกายตื่นตัวมากยิ่งขึ้น


สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในมื้อเช้า ก็คือ กาแฟ ซึ่งการดื่มกาแฟ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า การดื่มกาแฟตอนเช้าไม่ได้ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น สามารถเลือกรับประทาน น้ำเต้าหู้ โอวัลติน หรือเครื่องดื่มร้อน เพื่อให้ร่างกายมีความเป็นหยิน อาจจะรับประทานควบคู่ไปกับปาท่องโก๋ ที่มีความเป็นหยาง ให้ร่างกายมีความสมดุลตั้งแต่เช้าและพร้อมที่จะทำงานและกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน


อย่างไรหยิน-อย่างไรหยาง ?

รู้ถึงวิธีการกินแบบหยิน-หยางแล้ว มาดูกันว่าอาหารประเภทใดที่มีความเป็นหยิน หยางอยู่บ้าง อาหารประเภทหยิน คืออาหารที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกเย็น รสชาติเค็ม เปรี้ยว และขม ได้แก่ กล้วย ส้ม สาลี่ อ้อย แตงโม สับปะรด องุ่น มะพร้าว มะละกอ ปู เป็ด ห่าน หอยนางรม รวมถึงอาหารที่มีวิธีการปรุงด้วยกรรมวิธีต้ม นึ่ง ตุ๋น เป็นต้น


ส่วนอาหารจำพวกหยาง คืออาหารที่ให้ความร้อน มีรสชาติเผ็ด หวาน ได้แก่ ขิง กระเทียม ผักชี พริกไทย หอม เนื้อวัว ไก่ มะละกอ งาดำ หัวหอม รวมถึงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงด้วยการย่าง ทอด รมควัน เป็นต้น


การรับประทานเนื้อสัตว์เข้าไปในปริมาณมากๆ ในแต่ละมื้อ รวมถึงการดื่มน้ำอัดลมระหว่างรับประทานอาหารไปด้วย ตามรสนิยมของคนรุ่นใหม่ จะยิ่งทำให้เลือดมีความเป็นกรด จะสังเกตได้ง่ายด้วยตนเองได้ว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ไม่สบาย นั่นเป็นผลมาจากการเลือกรับประทานที่ทำให้เลือดมีความเป็นกรดมากเกินไป


เนื้อสัตว์ที่เลือกรับประทาน ควรเลือกรับประทานเนื้อปลา จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารในร่างกายง่ายขึ้น เพราะการรับประทานเนื้อวัว ร่างกายจะใช้เวลาในการย่อยประมาณ 4 วัน เนื้อหมู ใช้เวลา 3 วัน เลือกรับประทานข้าวด้วยข้าวกล้อง หรือข้าวที่ไม่ขัดสี จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้มากยิ่งขึ้น


ฉะนั้นการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล เตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่วันถัดไปอย่างแข็งแรง


โรคหยิน-หยาง

โรคหยินหยาง เกิดจากอาการที่ร่างกายกำลังจะบอกให้รู้ว่าร่างกายกำลังขาดธาตุอาหารจำพวกใดอยู่


โรคหยิน - ท้องอืด อุจจาระน้อยหรือค่อนข้างเหลว หน้าตาซีดเซียว ไม่มีแรง แขนขาเย็น ขี้หนาว ชีพจรเบา ปัสสาวะสีใสและปริมาณมาก


โรคหยาง - ท้องผูก ชีพจรเต้นเร็ว คอแห้ง เจ็บคอ หน้าแดง ตาแดง หายใจเร็ว ตัวร้อน หงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม

ข่าวโดย ทีมข่าว Manager Lite / ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์



นางเจริญจิต งามทิพยพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้งชมรมชีวจิต
กำลังโหลดความคิดเห็น