“คมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์” สาวกเพลงป็อปคนใหม่

ก่อนจะไขข้อสงสัยในหัวเรื่องนี้....อยากให้ผู้อ่านร่วมนับย้อนอายุไปสัก 10 กว่าปีก่อนสักเล็กน้อย

ใครก็ตามที่ขณะนั้นมีอายุเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว เชื่อแน่ว่า เป็นกลุ่มคนฟังเพลงที่ติดตามและเติบโตมากับค่ายเพลงยักษ์อย่างอาร์เอสแน่นอน ค่ายเพลงที่ต้องยกนิ้วกับความสามารถที่ครองใจวัยรุ่นไทยในขณะนั้นอย่างเหนียวแน่น ก็แหม...มีแต่ศิลปินเอาใจวัยรุ่นทั้งนั้น บวกกับกระแสเพลงป็อปแบบไทยๆ ที่ไม่ต้องฮิตตามเทรนด์เกาหลีหรือญี่ปุ่นมากนัก

ในเวลานั้นถือว่าอาร์เอสแข็งแกร่งมากเลยทีเดียวล่ะ ทั้งในแง่ของศิลปินไม่ว่าจะเป็น ลิฟท์กับออย, เจมส์ เรืองศักดิ์, ราฟฟี่ แนนซี่, โดม ปกรณ์ ลัม และใครอีกหลายๆ คน ที่ในใจคุณผู้อ่านกำลังนึกถึงอยู่ (เอ่ยออกมาซะดีๆ..จะได้ว่าแก่ เหมือนๆกัน) รวมถึงบทเพลงติดหู ติดชาร์ตคลื่นวิทยุทั่วบ้านทั่วเมือง ขายได้กันเป็นล้านตลับแบบว่าเล่น ในยุคที่แผ่นผียังไม่ลืมตาดูโลก ...ว่าแล้วคุณกำลังนึกถึงเพลงอะไรอยู่เอ่ย

แน่นอนว่านอกจากชาวเราที่เป็นคนฟังแล้ว นักบริหารรุ่นใหม่ของกลุ่มอาร์เอสในขณะนี้ ดังเช่น “คมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์” กรรมการผู้จัดการ ของสกาย-ไฮ ในเครือค่ายเพลงอาร์เอส ที่ใครๆ ต่างเรียกขานจนติดปากว่า “เฮียกวง” หรือ “คุณกวง” ถือเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับยุคนั้นเช่นเดียวกัน แต่น่าแปลกที่พอได้สัมผัสทางความคิดของเฮียกวงแล้ว เรากลับพบว่า “เฮียกวง” กลับชอบฟังเพลงแจ๊ซ !!!ซะอย่างนั้น

ไม่ๆๆ...ไม่ได้ตกใจนะ แต่แปลกใจมากกว่า เลยต้องของล้วงลึกให้ถึงหัวใจ “เฮียกวง” อีกนิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะจริงๆ คุณ “เฮียกวง” แห่งสกาย-ไฮ และแห่งค่ายเพลงอาร์เอส (ให้ 2 แห่งเลย) ทำไมไม่ฟังเพลงป็อป? ก็อาร์เอสเขาเป็นเจ้าแห่งเพลงป็อปนี่นา??

“เฮียกวง” หัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยแจงข้อสงสัยให้ฟัง แบบคนอารมณ์ดี้ดีให้ฟัง... ว่า จริงๆแล้วช่วงที่อาร์เอสครองเมืองอยู่นั้น คุณกวงยังเรียนอยู่เมืองนอก จึงไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทยสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่าช่วงที่อยู่เมืองนอกเมืองนา ฟ้าอมรที่อเมริกานั้น ก็มีโอกาสได้ฟังเพลงที่หลากหลายอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเพลงป็อป, บลู หรือแจ๊ซกับเขาบ้าง ก็เล่นเอาติดงอมแงมกันไปพักหนึ่งล่ะ

พอกลับมาเมืองไทย ก็ไปแอบฝึกวิทยายุทธ์ที่อื่นให้แข็งแกร่งเสียก่อน จนมาช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ก็ได้โอกาสเข้ามานั่งเก้าอี้บังคับหน้าปัดวิทยุให้กับสกาย-ไฮ มาถึงตรงนี้ไม่เคยฟังเพลงป็อป ก็ต้องฟังแล้วล่ะ จะชอบหรือไม่ชอบก็เถอะ

“พอได้มาบริหารธุรกิจคลื่นวิทยุ ยอมรับว่าต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฟังเพลง ก็แหม...เพลงป็อปสมัยนี้ มันเกินรุ่นผมฟังไปแล้วนะ (มีหัวเราะกลบเกลื่อนอายุเล็กน้อย...) ยิ่งป๊อปร็อก ยอมรับว่า ฟังแล้วปวดหู ไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึงแล้วล่ะ แต่ก็ต้องฟัง เวลาขับรถไปทำงานก็จะเปิดฟัง เพราะนอกจากจะทำให้เราเข้าใจในธุรกิจคลื่นวิทยุแล้ว เรายังได้รู้ถึงการแข่งขันไปในตัวด้วย ว่าคู่แข่งหรือคลื่นอื่นๆเขากำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง”

พอได้ฟังเพลงมากขึ้นแล้ว ถ้าจะถามว่าศิลปินไทยตอนนี้ ชื่นชอบหรือชื่นชมผลงานใครอยู่ “เฮียกวง” เริ่มเอ่ยถึง แทตทู คัลเลอร์, สคลับ รวมถึงสล็อตแมชชีน เพราะแนวดนตรี มีกลิ่นความเป็นไอสไตล์ (คนถามก็เข้าไม่ถึงแนวเพลงนี้เช่นกัน...มันเป็นแนวเพลงจากประเทศไหนกันล่ะเนี่ย!!) แต่ก็นะ ฟังไปฟังมามันก็แนวเพลงป็อปร็อกแหละ (เอ้า...เป็นงั้นไป ทำให้สงสัยทำไมเนี่ย).....

“คุณกวง” ไม่เปิดช่องให้ถามต่อ ขอเล่าต่อเลยล่ะกัน ...“ต่อนะ แต่ถ้าจะชื่นชอบจริงๆ เวลานี้คงบอกได้เต็มปากว่า ฟังเพลงแจ๊ซดีกว่า สบายหู ช่วยให้ผ่อนคลาย ซึ่งช่วงนี้เวลาขับรถที่มี “แฟน” นั่งมาด้วยกัน ก็ฟังเพลงแจ็สกันนะ รู้เลยว่าช่วยให้เข้าใจ และใจเย็นขึ้น มีสติมากยิ่งขึ้น จากปกติยอมรับว่าใจร้อนมีปากเสียงกันบ้าง เพลงแจ็ซช่วยให้เราปรับความเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น”

ถ้าอย่างนั้นนอกจากทำให้เพลงแจ็ซจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกและปรับการดำเนินชีวิตแล้ว หากมองในเรื่องของการทำงานแล้ว การฟังเพลงที่หลากหลายมากขึ้นนี้ ช่วยอะไรได้บ้าง

...การฟังเพลง การหมุนหน้าปัดไปตามคลื่นวิทยุ กลายเป็นสิ่งปกติในเวลานี้ที่ทำอยู่เป็นประจำ แต่ความปกติแบบนี้ กลับมีค่ามากมายนัก เพราะมันกลายเป็นคลังข้อมูลที่สำคัญ ในการที่ทำให้เรารู้สึกเป็นคนที่ต้องแอ็กทีฟอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตา รับรู้สถานการณ์ต่างๆได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจวิทยุ มันทำให้เรารอบรู้ ได้มุมมองใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับลูกค้า รวมถึงช่วยทำให้เราเป็นคนอารมณ์ดีขึ้นด้วย...(แน่นอนถึงแม้ว่าเพลงที่ฟังส่วนใหญ่จะเป็นป็อป หรือป็อปร็อกก็ตาม)...

ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบที่ “เฮียกวง” เฮียอารมณ์ดีคนนี้ จะทำให้เราต้องย้อนกลับมาตั้งใจฟังเพลงกันใหม่ ไม่ใช่แค่ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ฟังแล้วมันให้มิติทางความคิดมากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก ...ก็จริงนะเราชอบฟังเพลงแนวไหน บุคลิกนิสัยก็จะแฝงมากับการฟังเพลงในแนวนั้นๆ ด้วย

...การฟังเพลง กับการทำธุรกิจวิทยุของ “เฮียกวง” หลังจากช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป คงมีอะไรให้น่าจับตามากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเข้าถึงความคิดและนิสัยของ “คนฟังเพลง” คนนี้แล้ว น่าจะทำให้สกาย-ไฮ มีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าขณะนี้สกาย-ไฮ จะเหลือคลื่นวิทยุเพียง 2 คลื่น แต่ก็เป็น 2 คลื่นที่เป็นสิ่งที่อาร์เอสถนัดในการจับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ทั้งคลื่นMAX 103 เอฟเอ็ม กับกลุ่มวัยรุ่น และคูล 93 เอ็ฟเอ็ม กับคนฟังเพลงแนวลิสซึนนิ่ง ซึ่งที่ผ่านมา ถือได้ว่า ทำได้ดีทั้ง 2 คลื่น แต่มันก็ดียิ่งๆขึ้นไป

แม้อาร์เอสจะโตขึ้น อายุเราจะโตตาม เพลงวัยรุ่นสมัยนี้ เราอาจจะตามไม่ทัน เพราะมันเป็นมากกว่าเพลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแฟชั่นและหน้าตาศิลปินที่เกิดขึ้นใหม่มากมาย (ทำไมหน้าคล้ายๆ กันหมดนะ) แต่การฟังเพลงทั้งใหม่และเก่าคละเคล้ากันไป ก็ช่วยให้เราไม่ตกยุค ไม่ตกกระแส มันเชื่อมต่อกันได้นะ...ทั้งในแง่ความรู้สึก นิสัย และความเป็นเด็กที่กำลังจะก้าวมาเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น

ถึงแม้ว่ารูปแบบการฟังเพลงอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง อาจฟังผ่านเครื่องเล่นMP3 มากขึ้น แต่คลื่นวิทยุก็ถือเป็นอีกกระแสหนึ่งที่อยู่คู่วัยรุ่นไทยอยู่ คงไม่แปลกที่ธุรกิจคลื่นวิทยุส่วนใหญ่จะเน้นจับกลุ่มวัยรุ่น และผู้บริหารที่ชื่อ “เฮียกวง”จะหันกลับมาฟังเพลงป๊อบมากขึ้นเช่นกัน...