xs
xsm
sm
md
lg

"แฟนโซนยูโร 2008" จุดรวมพลคนไร้ตั๋ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสียงตะโกน"ฟอร์ซ่า อิตาเลีย" และ "โอเล่ เลอ เบลอ" ดังไปทั่วทะเสสาบซูริก ก่อนเกมที่อิตาลี มีคิวลงสนามกับฝรั่งเศส ในนัดสุดท้ายรอบแรกของกลุ่มซี ราวกับว่ามีสนามกีฬาตั้งอยู่บริเวณนั้น แต่ทว่าตรงหน้าของพวกเขากลับเป็นเพียงจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ที่ถ่ายทอดสดเกมจากสนามแข่งขัน นับเป็นสีสันการเชียร์ฟุตบอลรูปแบบใหม่ที่สามารถรองรับแฟนบอลอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถหาตั๋วเข้าไปชมเกมในสนามได้เป็นอย่างดีในศึกยูโร 2008 ครั้งนี้

ด้วยความที่สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่เป็นครั้งแรก ประกอบกับความไม่คลั่งไคล้ฟุตบอลของทั้ง 2 ชาติเป็นทุนเดิม สังเวียนแข้งเกือบทั้งหมดในยูโรคราวนี้ จุผุ้ชมได้เต็มที่เพียงแค่ 40,000 ที่นั่ง เท่านั้น ทำให้ความคึกคักส่วนใหญ่ของแฟนบอล รวมถึงร้านค้าจากบรรดาสปอนเซอร์น้อยใหญ่กลับเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่บริเวณที่เจ้าภาพจัดทีวีจอยักษ์ไว้ให้แฟนบอลที่ไม่มีตั๋ว หรือที่เรียกว่าบริเวณ "แฟนโซน"

แฟนโซนของยูโรหนนี้จะถูกเนรมิตขึ้นในทุก ๆ เมืองที่มีสังเวียนแข่งขันตั้งอยู่ ซึ่งเกือบทั้งหมดจะอยู่ห่างจากสนามแข่งขันไม่มากนักและเป็นทำเลทองของเมืองนั้น ๆแทบทั้งสิ้น โดยจะมีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่รองรับแฟนบอลถึง 3 จอเป็นอย่างน้อย อาทิเช่น ริมทะเลสาบซูริก ในเมืองซูริก และบริเวณเมืองเก่าใกล้วิหารแห่งกรุงเบิร์น ของสวิตเซอร์แลนด์ หรือบนลานสกีเบอร์กีเซลในเมืองอินส์บรุค และบริเวณอนุสาวรีย์โมสาร์ท ในเมืองซัลบวร์ก ของออสเตรีย ถือเป็นการจัดพื้นที่สำหรับการเชียร์บอลที่ผสมผสานระหว่างแนวทางสมัยใหม่กับเอกลักษณ์ของเมืองเก่าได้อย่างลงตัว

บรรยากาศของแฟนบอลในบริเวณแฟนโซน ไม่ต่างอะไรกับกองเชียร์ที่เตรียมจะยกทัพเข้าไปชมเกมในสนาม มิหนำซ้ำความคึกคักจะมีมากกว่าเส้นทางสู่สังเวียนแข้งด้วยซ้ำไป เนื่องจากบริเวณรายรอบ จะมีร้านค้าทั้งร้านขายของที่ระลึก, ร้านอาหารไทย, จีน, แขก, ฝรั่ง, ผับที่เปิดขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ, ร้านขายของที่ระลึกอย่างเป็นทางการ หรืออย่างที่ซูริก มีร้านอาหารที่นำโคโยตี้สาวมาเต้นเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปมาเป็นการสร้างความกระชุ่มกระชวยได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะเป็นการเปิดอิสระให้กับแฟนบอลได้เข้าไปเชียร์ทีมโปรดผ่านทีวีจอยักษ์กันได้อย่างสุดเหวี่ยง แต่ระบบรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ เทียบเท่ากับการตรวจเข้มแฟนบอลที่เข้าไปชมเกมในสนามเลยทีเดียว โดยแฟนบอลทุกคนจะต้องผ่านช่องตรวจสัมภาระจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เตรียมป้องกันกลุ่มอันธพาลลูกหนังมาเป็นอย่างดี ทั้งการห้ามนำอุปกรณ์การเชียร์ที่เป็นอันตรายเช่นธง ,ประทัด เข้าไปภายในบริเวณที่จัดงาน

นอกจากนี้ยังห้ามนำกล้องถ่ายรูปที่มีเลนส์ขนาดใหญ่, กล้องวีดีโอ, ร่ม, ขวดน้ำ,และอื่นๆอีกมากมายเข้าไปในบริเวณชั้นในขอบแฟนโซน แต่กระนั้นก็เป็นที่น่าสังเกตว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับเป็นหนึ่งสิ่งที่ฝ่ายจัดการแข่งขันอนุญาตให้นำเข้าไปดื่มได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่แฟนบอลเยอรมันเกือบ 150 คนถูกจับโดยตำรวจออสเตรีย หลังก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มกองเชียร์โปแลนด์ในนัดแรกที่สองทีมพบกัน ทำให้ 2 เจ้าภาพต้องระดมตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยชนิดที่อาวุธครบมือมาประจำการเป็นจุดๆในบริเวณพื้นที่แฟนโซนทั้ง 8 เมืองของศึกยูโรครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย

กลุ่มกองเชียร์"ตราไก่"ฝรั่งเศสเผยกับทีมข่าวผู้จัดการว่า พวกมายูโรครั้งนี้เพื่อดูบอล และมีทั้งแมตช์ที่ได้ตั๋ว และแมตช์ที่ไม่มีตั๋ว ทำให้ต้องใช้บริการแฟนโซน ซึ่งกองเชียร์ตราไก่กลุ่มนี้เผยด้วยว่า การได้เข้ามาแออัดยัดเยียดในบริเวณแฟโซน เป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่หาไม่ได้จากเกมในสนาม อาทิ การรวมกลุ่มเชียร์ที่ไม่แยกชาติ การตะโกนแซวกันไปแซวกันมาระหว่างแฟนบอลสองประเทศในระยะประชิด สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเด่นของการเข้ามาเชียร์บอลผ่านทีวีขนาดมหึมา

แม้ความความตื่นตัวของชาวสวิสและออสเตรียน จะเทียบไม่ได้เลยกับยูโร 2004 ที่โปรตุเกส และฟุตบอลโลก 2006 เยอรมัน แต่ผู้คนที่ล้นหลามที่เข้ามาจิบเบียร์เชียร์บอลกันในบริเวณแฟนโซนเช่นนี้ ยอมเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย จริงจังและสอบผ่านกับการรับมืองานใหญ่เช่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เป็นอย่างดี

หากมองโดยภาพรวมแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่า "แฟนโซน" คือจุดที่สร้างสีสันให้กับยูโร 2008 ได้มากที่สุดเชื่อแน่ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าที่ยูฟ่าให้สองประเทศในยุโรปตะวันออกอย่าง โปแลนด์ และ ยูเครน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมการจัดที่ทางอันเป็นแหล่งชุมนุมของแฟนบอลในลักษณะนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมิเช่นนั้นแล้วยูโร 2012 อาจเงียบสงบไม่ต่างอะไรกับปีนี้เลยทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น