xs
xsm
sm
md
lg

วรรณพร (ล่ำซำ) พรประภา สาวสถาปนิกกับชีวิตติดดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนึ่งในทายาทตระกูลล่ำซำ ซึ่งเลือกเดินในเส้นทางศิลปะมากกว่าการสานต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว วรรณพร (ล่ำซำ) พรประภา หรือ ‘คุณปุ้ย’ บุตรสาวคนที่สองของโพธิพงษ์ และยุพา ล่ำซำ ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด

ทุ่มเทกับสิ่งที่รัก

ด้วยความชื่นชอบงานศิลปะ ขณะเดียวกันก็หลงใหลในความงดงามของธรรมชาติ คุณปุ้ยจึงให้ความสนใจกับงานด้านภูมิสถาปัตยกรรมซึ่งเกี่ยวกับการออกแบบและวางผังการใช้พื้นที่ว่างนอกอาคาร โดยหลังจากจบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอได้ไปขอทำงานกับ ‘ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เดชา บุญคำ’ นักภูมิสถาปัตย์ชื่อดัง เพื่อบ่มเพาะประสบการณ์ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทด้านภูมิสถาปัตยกรรม ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาเปิดบริษัทรับออกแบบ ตกแต่ง และดำเนินงานภูมิสถาปัตยกรรมภายใต้ชื่อ พี แลนด์สเคป จำกัด

“ถ้าถามว่าภูมิสถาปัตยกรรมหรือแลนด์สเคปคืออะไร ขอตอบกว้างๆนะคะว่า คือการออกแบบและจัดการพื้นที่ด้านนอกอาคาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสตร์หลายแขนง ทั้งการออกแบบศิลปวัฒนธรรม สภาพสังคม สภาพแวดล้อม และระบบนิเวศน์วิทยา ขอบข่ายของงานค่อนข้างกว้าง เช่นการออกแบบโรงแรม รีสอร์ท สวนสาธารณะ สวนสัตว์ การวางผังภูมิทัศน์เมือง ถนน จนไปถึงการวางแม่บทสถานศึกษา การวางผังอนุรักษ์อุทยานท่องเที่ยว เป็นต้นค่ะ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่รู้จักคำว่าภูมิสถาปนิกเลยนะคะ เลยไม่ได้เลือกสาขานี้ แต่พอขึ้น ปี 4 ก็รู้สึกว่างานแลนด์สเคปเป็นงานที่น่าสนใจมาก พอเรียนจบเลยไปขอทำงานกับอาจารย์เดชา ทำอยู่ได้ปีหนึ่งก็ไปเรียนต่อด้านนี้โดยตรงค่ะ

คิดว่างานแลนด์สเคปมีเสน่ห์ตรงที่มีเรื่องมิติของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ คือตัวงาน ณ วันที่ทำเสร็จออกมากับอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ต้นไม้โตขึ้น สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นตอนออกแบบจึงต้องมีมโนภาพต่อไปอีกในอนาคตค่ะ ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับภูมิสถาปนิกคือจะทำอย่างไรในการออกแบบให้รักษาและส่งเสริมสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์วิทยาไว้ค่ะ ” คุณปุ้ยอธิบายถึงงานที่เธอหลงใหลด้วยใบหน้ายิ้มละไม

ผลงานที่ภูมิใจ

การได้ทำในสิ่งที่รักเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงคนนี้มีไฟในการสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่าง และแปลกตา ส่งผลให้บริษัทพี แลนด์สเคป ก้าวขึ้นมาโดดเด่นในสายงานภูมิสถาปัตย์ภายในเวลาอันรวดเร็ว โรงแรมใหญ่ ๆทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง อินเดีย คูเวต อินโดนีเซีย มัลดีฟ ไปจนถึงหมู่เกาะฟิจิ ฯลฯ ต่างก็เจาะจงเลือกบริษัทพี แลนด์สเคป ให้เป็นผู้ออกแบบตกแต่งงานภูมิสถาปัตย์ของโรงแรมตนเอง

“ด้วยลักษณะของงานที่ทำทำให้มีโอกาศเดินทางในหลายประเทศ จึงมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้เห็นสภาพแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรมที่ต่างกันในแต่ละที่ค่ะ เช่นในอินเดียนะคะ ทางเหนือกับทางใต้ยังไม่เหมือนกันเลย ทางเหนือ เช่น Delhi จะมีสภาพเป็นธรรมชาติ Sub Tropical ค่ะ ในหน้าหนาวจะสวยมาก ดอกไม้บานเต็มต้น เช่นดอกศรีตรัง หรือต้นไม้ตระกูลงิ้วค่ะ มีหมอกลงด้วย บรรยกาศดีมากค่ะ แต่พอลงไปทางใต้ เช่นเพิ่งไปที่ Kerela มานะคะ จะมีแม่น้ำหลายสายสานเข้ามาจากทะเลอาริเบียน มีมะพร้าวขึ้น มีภูมิประเทศแบบ tropical ค่ะ ศิลปวัฒนธรรมก็ยังต่างกันเลย ทางเหนือกับทางใต้นะคะ

งานที่ภูมิใจก็มีอยู่หลายงานนะคะ งานแรกเลยคือตอนที่ทำงานอยู่กับอาจารย์เดชา ตอนนั้นได้มีโอกาสได้ทีส่วนออกแบบงานแลนด์สเคปให้พระตำหนักสิริยาลัย (อยู่ตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม ที่ จ.อยุธยา) ซึ่งเป็นพระตำหนักที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ 5 รอบ ถือเป็นบุญอย่างมากที่มีโอกาสได้ทำนะคะ อีกงานหนึ่งคือโรงแรม The Trident Hilton Gurgaon ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นงานโรงแรมและงานต่างประเทศงานแรกของบริษัทเราค่ะ งานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของบริษัทพีแลนด์สเคปค่ะ” วรรณพร กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

ศิลปะและการเดินทาง

สำหรับคุณปุ้ยแล้วการเดินทางเพื่อออกไปพบสิ่งใหม่ๆในโลกกว้างถือเป็นกำไรของชีวิต งานกับการท่องเที่ยวจึงกลายเป็นสิ่งเดียวกัน บ่อยครั้งที่ออกไปรับงานในต่างประเทศคุณปุ้ยก็จะชวนสามี (ปราโมทย์ พรประภา) และลูกสาวไปด้วยกัน

“รู้สึกว่างานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนะคะ ปกติเป็นคนชอบเที่ยวชอบเห็นสิ่งแปลกๆอยู่แล้วค่ะ ไปทำงานบางทีก็เหมือนได้เที่ยวไปในตัว บางทีก็เอาครอบครัวไปด้วย ลูกสาวก็ชอบเที่ยวเหมือนกัน เมื่อเดือนสิงหาฯ ปีที่แล้วไปทำงานที่เมือง Hyderabad ประเทศอินเดีย ก็พาลูกสาว (น้องดอกปีบ)ไปด้วย ปรากฏว่าไปเจอแมลงวันเป็นร้อยตอมอยู่เลยค่ะ...พอดีเป็นช่วงหน้าฝนปนร้อน ลูกสาวบ่นเลยค่ะ (หัวเราะ) บางทีก็ไปเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ (โพธิพงษ์-ยุพา ล่ำซำ) ระยะหลังนี้ไปเขาใหญ่บ่อยเพราะคุณพ่อคุณแม่ชอบค่ะ

กิจกรรมอื่นๆนอกจากท่องเที่ยวก็จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะ เช่น ชอบการถ่ายรูป เวลาไปไหนก็จะพกกล้องไปด้วย ชอบอุปกรณ์ด้วยนะคะ ซื้อกล้องแบบโปรค่ะ แต่ฝีมือถ่ายห่างไกลฝีมือ professional อยู่มาก เวลาใครขอดูรูปก็อายนะคะ เพราะอุปกรณ์ดูดี แต่ฝีมือไม่ค่อยได้เรื่องนักค่ะ เคยไปสมัครเรียนถ่ายรูปไว้แต่ไม่มีเวลา เลยต้องยกให้คนอื่นไป 2 คอร์สแล้ว”

ชีวิตติดดิน

แม้จะเกิดในตระกูลล่ำซำ ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย แต่คุณปุ้ยก็ยังใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนทั่วไป เธอกินอยู่ค่อนข้าง และพอใจที่จะเก็บเกี่ยวความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัว บางครั้งแค่ได้เดินซื้อดอกไม้แถวปากคลองมาจัดใส่แจกันก็สนุกแล้ว

“ด้วยลักษณะของงานทำให้ต้องเดินทางบ่อยมากค่ะ ทั้งที่ความจริงเป็นคนกลัวเครื่องบินนะคะ ถ้าเลือกได้จะเดินทางด้วยรถหรือรถไฟหรือแม้กระทั่งเรือมากกว่าค่ะ เช่นปีที่แล้ว นั่งรถไฟจาก Delhi ไปเมืองที่เชิงเขาหิมาลัย เพราะไม่อยากนั่งเครื่องบินเล็กค่ะ นั่งไป 7 ชั่วโมง ออกแต่เช้ามืด ดูวิวไปเรื่อยๆ ก็เพลินดีนะคะ จำได้ว่าเห็นทุ่งมัสตาด ดอกกำลังบานเหลืองอร่ามไปหมด มีหมอกบางๆในแสงแดดตอนเช้า สวยมากค่ะ ตามปกติแล้วจะทานง่าย แต่ชอบอยู่ที่สะอาดโดยเฉพาะห้องน้ำนะคะ

ปีที่แล้วอีกเช่นกันไปประเทศจีน นั่งทานโต๊ะจีนกับทีมงาน ทาน ๆไปเอ.. ทำไมคนอื่น ทั้งคนของเราเองและฝรั่งเขาไม่ทานกันเลย ปรากฎมารู้ทีหลังว่าเป็นซุปตะพาบแต่ทานไปแล้วค่ะ เพราะหิวมาก อีกจานหนึ่งฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ เขาก็ถามว่าผัดอะไร ดูแปลก ๆ ก็บอกไม่ทราบ ดูคล้ายคงเป็นหอยชนิดหนึ่ง เลยชิมให้ แต่เคี้ยว ๆ ไป ไปเจอกระดูก กลายเป็นกบค่ะ (หัวเราะขำ) ปกติชีวิตประจำวันถ้าไม่เดินทางก็เรียบง่าย ธรรมดาๆ อย่างวันธรรมดาก็ตื่นเช้าดูลูก ออกกำลัง แล้วก็มาทำงานทั้งวัน ถ้าเดินทางก็มีทั้งไปประชุม หรือไปทำ Presentation ไปดู site งานก่อสร้าง ซึ่งหลายโครงสร้างรวมกันแล้วก็ทำให้เดินทางค่อนข้างบ่อยค่ะ” คุณปุ้ยบอกยิ้มๆ

ธรรมะกับชีวิต

ถึงจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและหลงใหลการเดินทางไปในโลกกว้างแต่อีกมุมหนึ่งคุณปุ้ยก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองจิตใจที่อยู่ภายใน เธอเลือกที่จะใช้เช้าวันอาทิตย์ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูจิตใจด้วยการเข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระ

“ถ้าอยู่กรุงเทพจะไปวัดเกือบทุกเช้าวันอาทิตย์ค่ะ โดยจะไปใส่บาตรที่วัดเบญจมบพิตร บางทีครอบครัวก็ไปด้วย ลูกสาวชอบวัดเบญจฯมาก บอกว่าสวยและสะอาด ใส่บาตรเสร็จก็จะไปกราบพระที่โบสถ์ และจะไปกราบพระรูปรัชกาลที่ 5 และพระรูปกรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ที่อยู่ในโบสถ์เช่นกัน เพราะถือว่ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงเป็นองค์อุปถัมภ์งานสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าหลายแห่งแก่เราค่ะ และกรมพระยานริศฯ ทรงเป็นองค์สถาปนิกที่สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมายค่ะ หลังจากนั้นจะไปซื้อปลาดุกที่ตลาดไปปล่อยที่ท่าน้ำวัดเทวกุญชร ซึ่งวัดนี้จะมีปลาสวายและปลาดุกให้ ให้อาหารเยอะ ส่วนตัวแล้วการไปวัด นอกจากจะได้ดูได้เรียนรู้จากงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้วยังทำให้จิตใจสงบและมีสมาธิขึ้นค่ะ นอกจากนี้คิดว่าจะให้ลูกได้มีโอกาสใกล้ชิดพุทธศาสนาที่จะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดแก่เขาเวลามีปัญหาในอนาคตด้วยค่ะ”

จากบุคลิกที่ยิ้มแย้ม การแต่งตัวเรียบง่ายแต่มีสไตล์ คงไม่สามารถบอกได้ว่าสาวสวยที่หลงใหลในธรรมชาติและชื่นชมความงามแห่งศิลปะคนนี้แง่มุมของชีวิตที่หลากหลาย และช่างห่างไกลคำว่า ‘คุณหนูไฮโซ’

* * * * * * * * * * * *
 
เรื่อง - จินดาวรรณ สิ่งคงสิน
กำลังโหลดความคิดเห็น