xs
xsm
sm
md
lg

ดอกไม้บานในทำเนียบแฟร์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
บรรยากาศการชุมนุมในทำเนียบ
ในยุคกระเบื้องเฟื่องฟูลอย-น้ำเต้าน้อยถอยจม ผู้นำหลงอำนาจ-ศีลธรรม-จริยธรรมเสื่อม ครม.ผู้ทรงเกียรติเปลี่ยนเป็นน่ารังเกียจ อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้

...ทำเนียบแฟร์

หลังรัฐบาลลูกกรอกหอกหักหมดสมรรถภาพในการบริหารประเทศ มวลชนจำนวนมาก(พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย)ก็ได้เข้าไปยึดครองทำเนียบรัฐบาลไทย พร้อมกับเปิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ทำเนียบรัฐบาลวันนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่(เฉพาะกาล)ขึ้นมา ชนิดที่หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวถึงกับงงว่าจะจัดทำเนียบอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวประเภทไหน จะให้เป็นอันซีนไทยแลนด์หรืออะเมซิ่งไทยแลนด์ดี

ส่วนที่ไม่งงก็คือเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติประเภท“แบ็คแพ็ก”จำนวนหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะมีความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯแล้ว พวกเขายังเลือกที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยวชมสีสันบรรยากาศต่างๆ พร้อมจับจ่ายซื้อของและเข้าไปรับอาหารแจกร่วมกับผู้ชุมนุมจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ดังกรณีของมาร์โก หนุ่มวัย 35 ปีจากอิตาลีที่เล่าว่า

“เราเพิ่งจะมาถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่กี่วัน เราไปเที่ยวพระบรมมหาราชวังและเรารู้ว่ามีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น เราก็เลยอยากมาดูว่าเป็นยังไงบ้าง”

ในขณะที่คนไทยนอกจากพวกพันธมิตรฯที่ชัดเจนว่าไปทำเนียบเพื่อไล่ผู้นำหอกหักอยู่แล้ว ก็มีบางคนถือโอกาสเข้าไปถ่ายรูปกับทำเนียบ ไปดูนาข้าวในทำเนียบ(ที่พันธมิตรฯเกษตรปลูก) ไปสังเกตการณ์ ไปดูสีสันการชุมนุม ไปซื้อของ ไปเหล่สาว ไปดูนักศึกษา ไปฟังดนตรี ไปซื้อมือตบ ฯลฯ ซึ่งนี่อาจจะเป็นการประท้วงในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เดียวในโลกที่ยืดเยื้อยาวนานและเต็มไปด้วยสีสันนานับประการ จนหลายคนยกให้เป็นดังงานมหกรรมหรืองาน “ทำเนียบแฟร์”เลยทีเดียว

อนึ่งการได้มีโอกาสไปร่วมชุมนุมและสัมผัสกับสีสันในบรรยากาศที่ถูกขนานนามว่าทำเนียบแฟร์นั้น ผมพบว่ามีสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสิ่งโดดเด่นสำคัญ ต่างจากงานแฟร์ทั่วไปก็คือ

ทำเนียบแฟร์มี“อุดมการณ์”รักชาติอันแรงกล้าของผู้ร่วมชุมนุมอยู่ทั่วบริเวณ
พลังนักศึกษา
...พลังนักศึกษา

ใครที่ว่าพลังทางการเมืองของนักศึกษาตายตั้งแต่ 6 ต.ค.19 แล้ว ถ้าได้มีโอกาสไปร่วมชุมนุม ไปเดินมัฆวาน ไปทำเนียบ เห็นทีจะต้องคิดใหม่ มองใหม่ เพราะนี่คือพลังรุ่นใหม่ของสังคมไทย ซึ่งถ้าได้มีโอกาสไปร่วมเสวนาพูดคุยกับพวกเขาก็จะพบว่า เยาวชนเหล่านี้มีแนวคิดและจิตสำนึกในเรื่องจริยธรรม คุณธรรม รักชาติ รักสถาบัน รักผืนแผ่นดินไทย ดีกว่านักการเมืองไทยหลายร้อย หลายพันเท่า

แถมพวกน้องๆหลายคนยังมากันแบบหลากสีสัน หลากอารมณ์ บ้างมาในแนว เจร็อก เคป๊อบ เด็กแนว ฮิปปี้ คิกขุ อาโนเนะ เพื่อชีวิต เรียกว่าหลายๆคนมีลักษณะเฉพาะตัว มีความสนุก มีพลัง ซึ่งผมเห็นแล้วทำให้อดนึกถึงสมัยที่เป็นนักศึกษาไม่ได้

ส่วนที่แทบจะหาดูไม่ได้ที่ไหนก็คือ ภาพของเด็กเด็กช่างกลปทุมวันกับอุเทนถวาย มาจับมือกัน ร่วมมือกันทำกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูลต่อประชาชน จนสร้างความประทับใจให้กับหลายคนที่พบเห็นไม่ได้

แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ใหญ่ นักวิชาการ ออกมาปรามาสพลังของนักศึกษาเหล่านี้ โดยเฉพาะเจ้าศึกษาเสมาที่ออกมาเรียกแขกว่า “นักเรียน นักศึกษาไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง” ซึ่งใครและใครบางคนอดสงสัย(แบบกวนTeen)ไม่ได้ว่า สงสัยพะนะทั่นเจ้ากระทรวงเสมา เขาคงมีลูกพี่เขยที่เคยโกงข้อสอบเป็นนักศึกษาต้นแบบละม้าง(ฮา)

เท่านั้นแหละ งานเข้าเลยครับพี่น้อง นักเรียน นักศึกษา มากันตรึมเลย(555) มากมายหลายสถาบัน และนั่นก็เลยทำให้ผมพบกับกลุ่มนักศึกษา กลุ่มของ“โก๊ะ”(ขอสงวนนามจริงเพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนของนักศึกษา) จากมหาวิทยาลัยฝั่งตะวันออก
พลังนักศึกษา 2
โก๊ะ เรียนปี 3 นิเทศ มากับเพื่อราว 60 คน มาชุมนุมตั้งแต่ยุคแรกๆ เมื่อกลับไปมหาวิทยาลัย ก็นำข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ที่ได้ไปขยายความต่อ เพื่อให้เพื่อนได้รับรู้ความจริงอีกด้านที่ต่างไปจากฟรีทีวี ทำให้มีเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์มากขึ้น

แต่ดูเหมือนว่า“ผู้ใหญ่”จะไม่พอใจโดยเฉพาะทั่นอาจารย์และอธิการบดีที่คอยเชลียร์รัฐบาล นอกจากจะห้ามแล้ว ยังปิดกั้น(บางคนถึงขนาดมีข่าวว่าจะตัดคะแนนกลับผู้ไปร่วมชุมนุม) รวมถึงยังให้ยามคอยตรวจตรา ให้ตำรวจคอยสกัด แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งหัวใจรักความถูกต้องชอบธรรมของพลังนักศึกษาเหล่านี้ได้ เพราะหากวันไหนว่าง ไม่มีเรียน หรือช่วงเย็นวันศุกร์ โก๊ะกับเพื่อๆจะนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ มาสมทบที่มัฆวาน ทำเนียบ พร้อมร่วมทำกิจกรรม สร้างสีสันให้กับการชุมนุมโดยเฉพาะการเต้น(แดนซ์กระจาย)ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงมือตบได้อื้ออึง

“รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศตั้งแต่ซื้อเสียงเข้ามาแล้ว” โก๊ะบอกกับผม

ในขณะที่แต่“ตังกวย” ปี 1 ให้ทัศนะว่าเหตุที่มีคนมาร่วมชุมนุมกันเป็นจำนวนมากก็เพราะว่า
พวกเขาหาความจริงจากฟรีทีวีวันนี้ไม่ได้

“รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” คือคำจำกัดความที่ตังกวยตั้งให้กับฟรีทีวีในยุคนี้

ส่วนตาล นักศึกษาสาวปี 3 เล่าว่า เดิมทีเธอดูเอเอสทีวีอยู่ที่บ้าน แต่ดูไปนานๆเข้าชักทนไม่ไหวที่เห็นคุณลุง ป้า ย่า ยาย ออกมาลำบากตรากตรำตากแดดตากฝนประท้วง แต่คนหนุ่มสาวหายไปไหน จึงออกมาเป็นพลังนักศึกษาด้วยอีกคนหนึ่ง

ตาลมองปัญหาวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในบ้านเราทุกวันนี้ว่า เป็นเพราะ สังคมขาดศีลธรรม มีแต่ความโลภ-ยึดติด ขาดความพอดี-ความพอเพียง

“ถ้าพวกผู้ใหญ่ นักการเมือง รู้จักพอเพียงตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง สังคมไทยจะน่าอยู่กว่านี้มาก” ตาลกล่าว
พลังนักศึกษา 3
และนั่นก็เป็นเพียงน้ำจิ้ม ทัศนะของน้องเยาวชน เพราะจากมัฆวานสู่ทำเนียบยังมีความเห็นเชิงสร้างสรรค์จากน้องๆเขาอีกเพียบ

อย่างไรก็ตามแม้พักหลังจะมีแนวร่วมพลังนักศึกษาออกมาขับไล่รัฐบาลจำนวนมาก แต่ก็ยังมีบางคนตั้งคำถามว่า พวกเขาจะตกผลึกทางความคิดจริงหรือ?? เข้าใจการเมืองจริงหรือ?? หรือมาเพราะแฟชั่น??

เรื่องนี้ผมว่าใครจะคิดอย่างไร“ก็แล้วแต๊” แต่ดูเหมือนว่าแรงสั่นสะเทือนจากการที่นักศึกษาจำนวนมากมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรนั้น จะทำให้เกิดกลุ่มอื่นๆตามมา ทั้ง กลุ่มชื่นชอบระบอบทักษิณ กลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลุ่มกลางตกขอบ เป็นต้น ซึ่งนั่นล้วนเกิดจากการที่บรรดานักศึกษาเหล่านี้ได้ไปปลุกความตื่นตัวทางการเมืองและความสนใจในสังคมของนักศึกษาให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

แถมพวกเขายังช่วยล้างภาพนักศึกษายุคนี้ พ.ศ.นี้ ที่สังคมมองว่า หมกหมุ่นอยู่แต่เรื่องความสวยความงาม เรื่องแฟน เรื่องคู่ เรื่องความฟุ้งเฟ้อ เรื่องวัตถุนิยม ให้ดูเป็นนักศึกษาที่ใส่ใจสังคม สนใจประชาชน และอยู่ติดดินมากขึ้น

ส่วนกรณีที่ผู้ใหญ่ นักวิชาการ จะวิพากษ์นักศึกษาที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรว่าอย่างไร นักศึกษาทุกคนที่ผมคุยมา บอกว่ายินดีรับฟังในความเห็นต่าง เพราะแต่ละคนย่อมมีแนวคิดเป็นของตัวเอง(เรียกว่าใจกว้างกว่านักการเมืองบ้านเราชนิดทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น)
พลังนักศึกษา 4
แต่การที่พวกเขาออกมาร่วมประท้วงนั้น มันทำให้พวกเขาพบว่า นอกจากการเมืองภาคประชาชนแล้ว การได้ออกมานั่ง-นอนกลางถนน ตากแดด ตากฝน ทนร้อน-เหนื่อย หิวกินอาหารกล่อง อาหารแจก ใช้ชีวิตเหมือนกับพี่ๆคุณน้า ป้า ลุง ย่ายาย อื่นที่มาชุมนุม(ที่หลายคนมีกะตังค์ชนิดหาตัวจับยาก) มันมีอะไรให้เรียนรู้ ให้ค้นหามากกว่าโลกในห้องเรียนหรือโลกในตำรามากมายนัก

“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจก็คือ ที่นี่มีรอยยิ้ม มีน้ำใจ มีน้ำมิตรไมตรีอยู่ล้นเหลือ ผมได้มาพบกับคุณแม่นารีผู้ร่วมชุมนุมที่ผมนับถือเป็นแม่คนที่สองที่นี่ สิ่งเหล่านี้ผมว่ามันหาได้ยากในสังคมไทยยุคนี้ แต่ก็ได้มาพบที่นี่” โก๊ะเล่า

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ผมว่าเงียบหาย ซบเซา สร้างซา ไปจากสังคมไทยช้านาน แต่วันนี้มันเริ่มกลับมาอีกครั้งนั่นก็คือ “พลังนักศึกษา” ซึ่งในอนาคตหน่ออ่อนของคนพวกนี้จะเติบใหญ่เป็นพลังสำคัญอันดีงามของประเทศชาติต่อไป

...ดอกไม้บาน

      ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน
บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ
สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่
แน่วแน่แก้ไขจุดไฟศรัทธา...

      เรียนรู้ ต่อสู้มายา
ก้าวไปข้างหน้าเข้าหามวลชน
ชีวิตอุทิศยอมตน
ฝ่าความสับสนเพื่อผลประชา

      ดอกไม้ บานให้คุณค่า
จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน
ที่นี่ และที่อื่นๆ
ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน...

      บทประพันธ์ : จิระนันทน์ พิตรปรีชา
กำลังโหลดความคิดเห็น