จะคัพ A , B หรือ C หรืออูมใหญ่ขนาดไซส์ยุโรป สาวๆ รุ่นคุณยาย คุณแม่ ถึงรุ่นลูก ต่างต้องรู้จักชุดชั้นในยี่ห้อ "จินตนา" ต้นตำรับบราเซียเมืองไทยเจ้าแรกๆ ซึ่งยังคงยืนหยัดในตลาดท่ามกลางการแข่งขันอันร้อนแรงของบรรดาแบรนด์ดังจากต่างประเทศ
ถึงวันนี้ จินตนา เป็นแบรนด์ไทยเก่าแก่ที่สุดแบรนด์หนึ่งมีอายุถึง 50 ปี นึกย้อน ไปเมื่อวันวาน แทบไม่น่าเชื่อว่าจาก ผู้หญิงสู้ชีวิตคนหนึ่งที่ชื่อ "จินตนา" เธอมีความ รู้แค่ป.4 เริ่มต้นผลักดันจากธุรกิจเล็กๆของครอบครัวให้เติบโตกลายเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันทั่วประเทศ และขยายธุรกิจมาสู่รุ่นลูก ซึ่งขอนำบราไทยสู่ตลาดอินเตอร์
เรื่องราวของตำนานจินตนา ถือเป็นสตอรี่ในเชิงธุรกิจที่น่าติดตาม ได้ถูกถ่ายทอดจาก 3 เจเนอเรชันผู้กุมบังเหียนธุรกิจจินตนา ความจริงบางอย่างที่ไม่ค่อย ได้เปิดเผยที่ไหน ในการสร้างบราเซียจากจุดเล็กๆ มาสู่ระดับโกอินเตอร์ เป็นกรณีศึกษาที่ไม่ควรพลาด
หากพูดถึงชุดชั้นในแบรนด์ไทยแท้ ใครๆก็ต้องนึกถึง "จินตนา" ชุดชั้นในที่อยู่คู่สาวไทยมา ถึง 50 ปี อะไรที่ทำให้จินตนายังคงเป็นขวัญใจสาวๆจนถึงทุกวันนี้ และเป็นธุรกิจที่สืบทอดมาถึง 3 เจเนอเรชัน เรื่องนี้คงไม่มีใครให้คำตอบได้ดีเท่ากับ ผู้บริหารทั้ง 3 รุ่นที่กุมบังเหียนของเครือจินตนา
ที่มาของชื่อ "จินตนา"
เริ่มจาก จินตนา ธนาลงกรณ์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท จินตนา อินเตอร์เทรด จำกัด เจเนอเรชันแรก ผู้ปลุกปั้นชุดชั้นในจินตนา ย้อนความให้ฟังถึงที่มาของธุรกิจ ของตระกูลว่า แต่เดิมนั้นพี่สาวของเธอเป็นเจ้าของชุดชั้นในยี่ห้อ "OK" โดยใช้วิธีว่าจ้างคนอื่นผลิต ต่อมามีปัญหาผู้ผลิตส่งงานให้ไม่ทัน พี่สาวจึงหันมาจ้างคุณจินตนาแทน แต่เนื่อง จากพี่สาวจะเลิกธุรกิจชุดชั้นใน คุณจินตนาและสามี(อดุลย์ ธนาลงกรณ์) ซึ่งมีความพร้อมทั้งในเรื่องวัสดุอุปกรณ์และทีมช่างจึงคิดจะผลิตชุดชั้นในของตัวเอง และตั้งชื่อแบรนด์ ว่า "จินตนา" ซึ่งมาจากชื่อของเธอนั่นเอง
"ตอนจะออกมาทำชุดชั้นในของตัวเองก็คิดว่าจะใช้ชื่อยี่ห้ออะไรดี มานั่งนึกใช้ชื่อตัวเองแล้วกัน ฟังดูเป็นผู้หญิงและจำง่ายดี ตอนนั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้จักชุดชั้นในกันนะ เราก็เริ่มจากจ้างเด็กที่เดินขายลูกเหม็นแถวตลาดสะพานหันมาขายชุดชั้นในของเรา ต่อมามีตลาดพาหุรัดเกิดขึ้น คุณอดุลย์ (สามี) ก็เลยไปเปิดตลาดใหม่ โดยเอาชุดชั้นในไปวางขายตามร้านขายเสื้อผ้า ปรากฏว่าขายดีมาก วางเท่าไรก็ขายหมด จินตนาก็เลยเป็นที่รู้จักและแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา" คุณจินตนา เล่าถึงที่มาของชุดชั้นในแบรนด์จินตนา
กล่าวได้ว่าผู้บริหารของจินตนานั้นมีวิชันอันกว้าง ไกล เพราะชุดชั้นในจินตนาเป็นสินค้ารายแรกๆ ที่ทำตลาด แบบไดเร็กต์เซลในยุค 50 ปีก่อน อีกทั้งยังมีการใช้กลยุทธ์ การโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
"เราสองคนจบแค่ ป.4 เท่านั้น แต่คุณอดุลย์เขาเก่งเรื่องการตลาดมาก เขาก็คิดว่าจะทำยังไงให้คนหันมาสนใจจินตนา สมัยนั้นยังไม่มีป้ายโปสเตอร์โฆษณาเหมือน ปัจจุบัน ก็ไปจ้างคนตัดสังกะสีเป็นแผ่น เจาะรูแล้วเอาเชือก คล้อง ใช้สีเขียนข้อความโฆษณาจินตนา แล้วก็เอาไปแขวน ตามหน้าร้านขายเสื้อผ้าในตลาดพาหุรัด ต่อมาก็เริ่มมีลูกค้า มาซื้อเสื้อชั้นในจินตนาไปขายในต่างจังหวัด ตอนนั้นจินตนาตัวละ 8 บาทเองนะ (หัวเราะ) คุณอดุลย์ก็เริ่มไปวิ่งรถส่งของที่ภาคใต้เอง หลังจากนั้นก็มีหน่วยเฮาส์คือเป็นพนักงานขายที่ตระเวนไปกับรถ เอาชุดชั้นในจินตนาใส่ตะกร้าไปขายตามหมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ปรากฏว่าขายดีมาก" คุณจินตนาเล่าถึงแผนการตลาดในยุค 50 ปีก่อน
เจเนอเรชันที่ 2 แตกแบรนด์-โกอินเตอร์
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาจินตนาได้พัฒนาอย่างไม่หยุด ยั้ง จากห้องเย็บเสื้อที่อยู่ภายในบ้านพักย่านตลาดพลูกับคนงานเพียง 20 คน จนกระทั่งปัจจุบันปรับเป็นโรงงานขนาดใหญ่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยทั้ง 2 แห่ง คือที่บางพระ กรุงเทพฯ และที่นครราชสีมา โดยมีคนงานทั้งสิ้นถึง 5,000 คน
ซึ่งพัฒนาการดังกล่าวนั้นได้สืบสานต่อยอดกันมาถึง 3 เจเนอเรชัน สำหรับในรุ่นลูกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 2 นั้นเป็นยุคของการแตกไลน์ ขยายแบรนด์ และบุกตลาดไปสู่ต่างประเทศ โดยเมื่อ "วิชัย ธนาลงกรณ์" บุตรชายคนโตของคุณจินตนา และคุณอดุลย์ได้เข้ามาบริหารกิจการของครอบครัว พร้อมกับดึงภรรยา "ศิรวดี ธนาลงกรณ์" เข้ามาช่วยดูแลการผลิต ขณะที่ "วิโรจน์ ธนาลงกรณ์" บุตรชายคนที่ 2 ก็ได้แตกไลน์ไปสร้างแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ "ซาบีนา" โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน เพื่อฉีกไลน์ไปจากจินตนาแบรนด์ต้นตำรับที่มีฐานลูกค้าในระดับล่างถึงระดับกลาง
ศิรวดี ธนาลงกรณ์ ประธานบริษัท จินตนา อินเตอร์เทรด จำกัด สะใภ้คนสวยตระกูลธนาลงกรณ์ เล่าถึงการดำเนินธุรกิจในยุคที่ 2 ว่า
ประมาณปี 2522 คุณวิชัย(สามี)มีแนวคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จินตนาจะขยายตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเสนอตัวเข้าไปรับจ้างผลิตชุดชั้นในให้แก่บริษัทญี่ปุ่น และยังได้นำเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยจากบริษัทดังกล่าวเข้ามาใช้ที่จินตนาด้วย หลายปีถัดมาเราก็เข้าไปบุกตลาดตะวันออกกลาง โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า "จันทนา" ซึ่งยอดขายค่อนข้างดี แต่ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว
ยุคของดิฉันมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมากมายทั้งแบรนด์ ไทยและต่างประเทศ เราก็ต้องปรับตัวจากเดิมที่เน้นกลุ่มสาววัยทำงานและสาวสูงวัย ตอนนี้ก็มุ่งเจาะตลาดไปยังกลุ่มเด็กและกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น โดยออกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อจีน่า" คุณศิรวดี กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
เจเนอเรชันที่ 3 จับตลาดบน
เน้นแฟชั่นและการส่งออก
มาถึงเจเนอเรชันที่ 3 ในยุคของหลานสาวคนสวย ของคุณจินตนา "สาวิตรี ธนาลงกรณ์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราฟาเอลา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งนับเป็นห้วงเวลาแห่งการแข่งขันอันดุเดือดของธุรกิจชุดชั้นใน มีทั้ง แบรนด์ไทย ญี่ปุ่น และยี่ห้อดังจากฝั่งอเมริกาและยุโรป ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็พยายามสร้างจุดแข็งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปทรง แฟชั่น การออกแบบที่มีลูกเล่นมากขึ้น
นอกจากคุณสาวิตรีจะนำความรู้ด้านการบริหารธุรกิจ ที่ได้ร่ำเรียนมาจาก KING'S COLLEGE LONDON มาช่วยคุณแม่(ศิรวดี ธนาลงกรณ์)ดูแลการผลิตของ แบรนด์จินตนาแล้ว "คุณกิ๊ฟ" ยังได้มองไปข้างหน้าด้วยการ สร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอีก 2 แบรนด์ คือ "เมธินี" ชุดชั้นในที่เน้นความเป็นแฟชั่นและมุ่งจับตลาดระดับบนภายในประเทศ โดยจับมือกับนางแบบชื่อดัง "ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม" และแบรนด์ล่าสุดคือ "ราฟาเอลา" ชุดชั้นในแนว แฟชั่นที่ขายความหรูหรา มุ่งเจาะลูกค้าระดับบนในตลาดต่างประเทศ
"เสียงตอบรับในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าน่าพอใจ อย่างราฟาเอลาเนี่ยมีออเดอร์จากสิงคโปร์ และออสเตรเลียเข้ามาค่อนข้างเยอะ และยังมีอีกหลายประเทศที่ติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจุดขายสำคัญของทุกแบรนด์ในเครือจินตนาก็คือเรื่อง fitting และความกระชับ ซึ่งจะช่วยรักษาทรวดทรงให้สุภาพตรี ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งที่เราจะรักษาไว้ตลอดไป คือกิ๊ฟเห็นการทำงานของคุณย่า (จินตนา ธนาลงกรณ์) และคุณพ่อคุณแม่ (วิชัย-ศิรวดี ธนาลงกรณ์) มาตั้งแต่เด็กๆ ก็รู้ว่าท่านเหนื่อยยากกันขนาด ไหน เพราะฉะนั้น เราจะต้องรักษาธุรกิจของจินตนาไว้ให้ดีที่สุด" เจเนอเรชันที่ 3 ของจินตนา ยืนยันถึงความ มุ่งมั่นที่จะสานต่อธุรกิจชุดชั้นในแบรนด์ไทยแบรนด์นี้ให้คงอยู่ในตลาดตลอดไป