คอลลาจีน่า อัดฉีด 10 ล้านบาท เร่งขยายช่องทางจำหน่ายเคาน์เตอร์บุกห้าง พร้อมผุดชอป 2 แห่ง หวังสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้า รับตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติ 4,000 ล้านบาท โตพรวด พร้อมชูจุดขายสกินแคร์จากออร์แกนิกส์ 100% ทะลวงสาวไทยมีปัญหาฝ้าและกระ ลั่น 1 ปี นำเข้าเครื่องสำอางลุยไทย สิ้นปีนี้กวาด 100 ล้านบาท
นางสาวกัณฐาภรณ์ ตันติพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ แอนด์ เฮลท์ตี้โซน จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่า เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนขยายเคาน์เตอร์ผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่าในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งในปลายปีนี้ถึงปีหน้านี้ได้ทุ่มงบ 7-10 ล้านบาท เปิดเคาน์เตอร์ 6 แห่ง นำร่องเปิดตัวที่ เซ็นทรัลชิดลม ลาดพร้าว บางนา และ ปิ่นเกล้า ในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเปิดชอป 2 แห่ง ขนาดพื้นที่ 80-150 ตร.ม.เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้า โดยมีห้องสำหรับทำทรีตเมนต์ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ช่องทางจำหน่ายจะเน้นตามสปาและทางการแพทย์เท่านั้น และปัจจุบันมีเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าเพียง 2 แห่ง ได้แก่ เดอะมอลล์ และ เอ็มโพเรี่ยม ทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่ายังเป็นนิชมาร์เก็ต หรือแพร่หลายเฉพาะกลุ่มเท่านั้น”
สำหรับการทำตลาดในแต่ละปีบริษัทใช้งบ 20-25% ของยอดขาย โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ครั้ง โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าผลิตภัณฑ์จากพืชออร์แกนิกส์ สำหรับผู้มีปัญหาฝ้าและกระเป็นหลัก โดยมีสินค้าราว 35 รายการนำเข้ามาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 25 ปีขึ้นไป ส่วนในอีก 1 ปี บริษัทจะแตกโปรดักส์ไลน์โดยนำเข้าเครื่องสำอางเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง จากปัจจุบันมีสินค้า 1 รายการ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเป็นสินค้าเรือธงอีกหนึ่งกลุ่มนอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ฝ้าและกระ
นางสาวกัณฐาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตไม่ตามเป้าหมาย โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อบิลต่อครั้งลดลงจาก 20,000 บาท เป็น 10,000 บาท ดังนั้น ในช่วงปลายปีนี้ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จึงได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด กิฟต์เซ็ต เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนการมุ่งเน้นการทำซีอาร์เอ็ม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
สำหรับแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติมูลค่า 4,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 10% อย่างไรก็ตาม จากการขยายเคาน์เตอร์และชอปเพิ่มมากขึ้น และการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องจะผลักดันผลประกอบการปีหน้านี้ 150 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้า 100 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 50 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าฝ้าและกระ สัดส่วน 60% ส่วนอีก 40% เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่ฐานสมาชิกปีหน้าเพิ่ม 30% จากปีนี้ 15,000-20,000 ราย
นางสาวกัณฐาภรณ์ ตันติพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ แอนด์ เฮลท์ตี้โซน จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่า เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนขยายเคาน์เตอร์ผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่าในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งในปลายปีนี้ถึงปีหน้านี้ได้ทุ่มงบ 7-10 ล้านบาท เปิดเคาน์เตอร์ 6 แห่ง นำร่องเปิดตัวที่ เซ็นทรัลชิดลม ลาดพร้าว บางนา และ ปิ่นเกล้า ในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเปิดชอป 2 แห่ง ขนาดพื้นที่ 80-150 ตร.ม.เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้า โดยมีห้องสำหรับทำทรีตเมนต์ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ช่องทางจำหน่ายจะเน้นตามสปาและทางการแพทย์เท่านั้น และปัจจุบันมีเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าเพียง 2 แห่ง ได้แก่ เดอะมอลล์ และ เอ็มโพเรี่ยม ทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์คอลลาจีน่ายังเป็นนิชมาร์เก็ต หรือแพร่หลายเฉพาะกลุ่มเท่านั้น”
สำหรับการทำตลาดในแต่ละปีบริษัทใช้งบ 20-25% ของยอดขาย โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ครั้ง โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าผลิตภัณฑ์จากพืชออร์แกนิกส์ สำหรับผู้มีปัญหาฝ้าและกระเป็นหลัก โดยมีสินค้าราว 35 รายการนำเข้ามาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 25 ปีขึ้นไป ส่วนในอีก 1 ปี บริษัทจะแตกโปรดักส์ไลน์โดยนำเข้าเครื่องสำอางเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง จากปัจจุบันมีสินค้า 1 รายการ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเป็นสินค้าเรือธงอีกหนึ่งกลุ่มนอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ฝ้าและกระ
นางสาวกัณฐาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตไม่ตามเป้าหมาย โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อบิลต่อครั้งลดลงจาก 20,000 บาท เป็น 10,000 บาท ดังนั้น ในช่วงปลายปีนี้ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จึงได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด กิฟต์เซ็ต เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนการมุ่งเน้นการทำซีอาร์เอ็ม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
สำหรับแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติมูลค่า 4,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 10% อย่างไรก็ตาม จากการขยายเคาน์เตอร์และชอปเพิ่มมากขึ้น และการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องจะผลักดันผลประกอบการปีหน้านี้ 150 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้า 100 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 50 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าฝ้าและกระ สัดส่วน 60% ส่วนอีก 40% เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่ฐานสมาชิกปีหน้าเพิ่ม 30% จากปีนี้ 15,000-20,000 ราย
