xs
xsm
sm
md
lg

“แก๊งอุ้ม” ซ้อม-ยัดยาระบาด เหยื่อโผล่แจ้งอีก 3 ราย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สองหนุ่มวิ่งโร่ขึ้น สน.บางพลัด ขอดูภาพ “แก๊ง ตชด.” อุ้มรีด หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จับตัวไปทำร้ายร่างกาย ยัดยาบ้า แถมเอาเก๋งและเงิน ระบุดูภาพไม่ใช่แก๊ง ร.ต.อ.ณัฏฐ์ แต่เป็น ตร.ฝ่ายสืบชั้นประทวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี อีกรายเป็นสาวพิการอัมพาต ขอดูภาพผู้ต้องหาแก๊ง ตชด.หลังถูกชายแต่งตัวคล้ายตำรวจยิงจนพิการ สุดท้ายไม่ใช่ ตร.แนะนำให้ไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุ รายสุดท้ายเข้าร้องแทนลูกชาย ถูกอุ้มยัดยา-รีดเงินแสน

วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.บางพลัด น.ส.สมรักษ์ เชาวกาญจน์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 9 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นอัมพาตครึ่งท่อน พร้อมพี่ชายเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อขอดูภาพผู้ต้องหาแก๊ง ตชด.ทั้งหมด เนื่องจากสงสัยว่ากลุ่ม ตชด.ดังกล่าวอาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ได้ก่อเหตุยิง น.ส.สมรักษ์ ที่กลางหลังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

น.ส.สมรักษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.46 ตนได้ไปเสพยาบ้าที่บ้านเพื่อนแถวคลองสาม จนกระทั่งเวลา 19.00 น. ขณะจะกลับบ้านก็มีรถกระบะและรถเก๋งขับผ่านเข้ามาที่บ้าน จากนั้นก็มีชาย 6 คนลงมาจากรถคันแรก 2 คน ส่วนอีกคันลงมา 4 คน แต่งชุดตำรวจลงมาจากรถ จากนั้นได้พากันต้อนตนกับเพื่อนเข้าไปในรถไม่ให้หลบหนี ระหว่างนั้นตำรวจไม่พูดอะไรก่อนชักปืนยิงเข้าใส่ตนกลางหลัง 1 นัด ยิงใส่เพื่อนที่หัวไหล่ซ้าย 1 นัด และยิงเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน 1 นัด

จากนั้นตนก็สลบไปจนรู้สึกตัวอีกที แพทย์ก็บอกว่าตนเป็นอัมพาตครึ่งตัวแล้ว โดยวันนั้นตนก็ไม่ทราบพวกที่ก่อเหตุเป็นตำรวจหน่วยไหน จนมาทราบข่าวเรื่องแก๊ง ตชด.จึงมาลองขอดูภาพที่ สน. ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้เข้าแจ้งความตั้งแต่แรกก็เพราะเกรงกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งหลังจากที่ดูหน้าตาแก๊ง ตชด.ที่ถูกจับและพวกที่ถูกออกหมายจับแล้วก็ไม่น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แนะนำให้ไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุ

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายบารมี บัวดวง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113/2 หมู่ 7 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.นฤมล ศักดิ์ณรงค์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 326/18 ถนนหน้าเมือง ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และนายธวัชชัย เพชรทอง อายุ 25 ปี อยู่ที่ 85/3 หมู่ 3 ต.ช้างของ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.กุหลาบ บุญทากลาง พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.บางพลัด เพื่อร้องทุกข์ว่าถูกแก๊ง ตชด.อุ้มรีด จับตัวไป ทำร้ายร่างกายและยัดยาบ้า

นายธวัชชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2548 เวลา 18.40 น. ขณะที่ตนพาแฟนไปหาหมอที่คลินิกแพทย์ชูชัย ที่ถนนดอนนก ต.ตลาด ก่อนจะขับรถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บพ-3596 สุราษฎร์ธานี ไปที่หน้าบ้านของนายบารมี เพื่อจะขอไปดูฟุตบอลด้วย ระหว่างนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4-5 คน บุกเข้ามาล็อกตนและทำร้ายร่างกาย พร้อมบังคับให้รับสารภาพว่ามียาบ้า จากนั้นก็คุมตัวไปที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี แล้วใช้ถุงคลุมหน้า ก่อนจะลงมือซ้อมให้ตนรับสารภาพทั้งที่ตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ตนได้ร้องเรียกแม่ให้ช่วยเพราะทนไม่ไหวแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์จึงหยุด จากนั้นก็พานายบารมีมาที่โรงพักและซ้อมเช่นเดียวกันกับตน ระหว่างนั้นก็มีตำรวจแต่งชุดนอกเครื่องแบบ ถือกระปุกใส่ยาบ้ามา แล้วพูดกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายร่างกายตนว่า “หามาได้แค่นี้ ให้แบ่งกันไป” เสร็จแล้วก็จัดการยัดยาบ้าให้ตน จำนวน 25 เม็ด แล้วก็เอาทรัพย์สินของตนคือรถกระบะผ่อนไปแล้วเหลือเพียง 2 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ และเงินสด 1,100 บาทไปด้วย ซึ่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารถตนหายไปไหน จนกระทั่งศาลได้ตัดสินยกฟ้อง เมื่อแก๊ง ตชด.รายนี้ถูกจับกุมจึงเข้าแจ้งความ ส่วนพวกที่ทำร้ายตนเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ระดับชั้นประทวน และขณะนี้ก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่จึงทำให้ไม่กล้าไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี

ด้าน นายบารมี กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงดังหน้าบ้านคล้ายคนทะเลาะกัน จึงไม่กล้าออกไปดู น.ส.นฤมล จึงปิดประตู และแอบอยู่ในบ้าน ระหว่างนั้นได้โทรศัพท์ตามให้พ่อมาช่วย แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็พังประตูเข้ามาและจับตนกับแฟนไปที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายและทรมานตนกับแฟนสารพัด รวมทั้งยังบอกว่าพวกตนค้ายาบ้า ทั้งที่พวกตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งตอนนั้นกลุ่มที่จับกุมตน จำชื่อได้คือ ร.ต.อ.ชัยรัตน์ จันทร์เกตุ ตชด.41 เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งทราบภายหลังว่าถูกผู้เสียหายรายหนึ่งถีบตกรถทำให้บาดเจ็บสาหัส ลักษณะคล้ายเจ้าชายนิทราไป ส่วนพวก ตชด.ที่ถูกจับกุมนั้นไม่ใช่กลุ่มที่ทำร้ายตน

ด้าน น.ส.นฤมล กล่าวว่า พวกตนถูกเอาเอทีเอ็มไปกดเงินจำนวน 5 หมื่นบาท และเอาทองของตนและแฟนหนักรวม 5 บาท จากนั้นให้แฟนเอาสมุดบัญชีเงินฝากที่บ้านมาเบิกด้วย ซึ่งครั้งแรกที่มีการเขียนบันทึกจับกุมไม่ได้เขียนเรื่องยึดเงินและทองไป แต่มาเขียนเพิ่มเติมภายหลังว่าได้อายัดทรัพย์สินเหล่านั้นมาด้วย ซึ่งตนกับแฟนถูกยัดยาบ้ารวมกันกว่า 30 เม็ด ซึ่งในส่วนของคดีศาลชั้นตนได้ยกฟ้อง ส่วนแฟนถูกจำคุก 4 ปี อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาสู้คดี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนแนะนำให้ไปแจ้งความยังโรงพักที่รับผิดชอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแนะนำให้เดินทางแจ้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

ต่อมาเวลา 12.00 น.ที่สน.วังทองหลาง นางกรกวี โรจนวิวัฒน์ อายุ 56 ปี แม่ของนายชนาธิป หรือราฟ ทิพยานนท์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 375/5 ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นำหลักฐานเอกสารสำเนาบันทึกการตรวจค้น-จับกุม สน.ตลาดพลู ลงวันที่ 24 พ.ค.49 จำนวน 4 แผ่น ,สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สน.ตลาดพลู ลงวันที่ 22 พ.ค.49 ,สำเนาคำร้องฝากขังศาลอาญาครั้งที่ 1 ของพนักงานสอบสวน บช.ปส.ลงวัรที่ 25 พ.ค.49 เข้าแจ้งกับ ร.ต.ต.ธีระศักดิ์ บุญแสง ร้อยเวร สอบสวน สน.วังทองหลาง หลังลูกชายถูกกลุ่มของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ อุ้มไปยัดยาบ้า

นางกรกวี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.49 ลูกชายขับรถเก๋ง ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นรถของเพื่อนยืมมาขับ เนื่องจากรถของตัวเองกำลังซ่อมอยู่ เพื่อไปรอนางเปมนีย์ ที่ลานจอดรถของสวีทโฮมแมนชั่น แขวงและเขตวังทองหลาง เพื่อขอยืมเงินนางเปมนีย์ หรือแหม่ม เลิศเกษมทรัพย์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแฟนสาว เพื่อนำเงินมาชำระเบี้ยประกันชีวิตให้ตนเองที่นอนป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ระหว่างนั้นได้มีชาย 2 คนเข้ามาถามว่าชื่ออะไร ลูกชายก็ตอบไปว่าชื่อราฟ จากนั้นชายทั้ง 2 คน ก็เข้าล็อคแขนใส่กุญแจมือและถามหายาเสพติด แต่ลูกชายบอกว่าไม่ทราบจึงถูกรุมทำร้าย

จากนั้นทั้งหมดก็พานั่งรถออกมาโดยข่มขู่ว่า ให้พาไปหาแฟนสาวของลูกชาย โดยอ้างว่าแฟนสาวจำหน่ายยาบ้าร่วมกับนางเปมนีย์ แต่ลูกชายไม่ยอมพาไปจึงถูกทุบตี และนำตัวมาที่ สน.ตลาดพลู เพื่อลงบันทึกการจับกุม ระหว่างทางกลุ่มดังกล่าวได้ค้นตัวพบเงินสดจำนวน 9,500 บาท ที่ลูกชายเก็บไว้จ่ายค่ารักษาอาการป่วยของตน และพูดขึ้นว่า "เอ็งมีเงินนี่" จึงถูกยึดเงินไปด้วย

นางกรกวี กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงที่สน.ตลาดพลู เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายคนเข้ามาค้นที่รถจนพบว่ามียาบ้า 382 เม็ดซุกซ่อนอยู่บริเวณที่เก็บยางอะไหล่ ซึ่งลูกชายบอกว่า ไม่ทราบว่ายาบ้ามาอยู่ในรถได้อย่างไร ตอนนั้นมีตำรวจคนหนึ่งทราบชื่อภายหลัง ร.ต.ท.ปิยะภัทร ทองพันเลิศกุล หน.ชป.ปส.ร้อยตชด.416 ยืนถือกล้องบังคับให้ชี้ของกลาง แต่ลูกชายไม่ยอมชี้จึงถูกกระชากผมและทำร้ายร่างกายอีกจนทนไม่ไหว ยอมชี้ที่ของกลางตำรวจคนดังกล่าวจึงถ่ายภาพเก็บไว้ หลังจากนั้นได้ให้ลูกชายไปอยู่ที่ชั้น 3 ของโรงพัก

จนกระทั่งเวลา 22.00 น.ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ได้มาเซ็นชื่อขอเบิกตัวลูกชายไปทำการสอบสวนขยายผล และพาไปยัง ตชด.ตรงสะพานควายประมาณ 10 นาทีขังรวมกับผู้ต้องขังที่เป้นชายและหญิงอีกประมาณ 3 คน ต่อมาทั้งหมดได้พามาที่แมนชั่นทราบชื่อภายหลังว่าชื่อสยามคอมเพล็กซ์แมนชั่น ภายในซอยเพชรเกษม 33/1 เพื่อข่มขู่ให้เซ็นชื่อยอมรับสารภาพ และมีตำรวจอีก1 คนทำทีมาพูดจาหยอกล้อบอกว่าถ้าไม่อยากถูกจับให้หาเงินมา 100,000 บาท จะเจรจากับผู้ใหญ่ให้ปล่อยตัว แต่ลูกชายไม่มีเงินเพราะขนาดแม่ป่วยยังต้องไปหายืมเงินคนอื่นมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเลย

มารดาของนายชนาธิป กล่าวอีกว่า หลังจากที่บุตรชายไม่มีเงินให้กลุ่มผู้กองณัฏฐ์ แล้วจึงถูกจับตัวส่งกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)ดำเนินคดี ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมาบุตรชายถูกศาลสั่งจำคุก 10 ปี ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มของผู้กองณัฏฐ์ ถูกจับกุมพอดี หลังจากทราบข่าวตนพร้อมกับบรรดาญาติปรึกษากันว่าจะแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มของผู้กองณัฏฐ์ ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว,กรรโชกทรัพย์ ,ปล้นทรัพย์,ทำร้ายร่างกาย และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นางกรกวี กล่าวต่อว่า ตนสังเกตพิรุธพบว่า ในใบบันทึกการจับกุมลูกชายลงเวลา 22.00 น.แต่กลุ่ม ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จับกุมลูกชายมาตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่เหตุใดเพิ่งจะลงบันทึกประจำวัน อีกทั้งในบันทึกการจับกุมลงว่า ของกลางยาบ้าถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีขาว แต่ในใบคำฟ้องศาลระบุว่าของกลางถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า และในอีกหลายจุดที่เป็นที่น่าสงสัย เช่น มีการจับกุมตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค49 แต่กลับลงบันทึกในวันที่ 24 พ.ค.หลังเกิดเหตุความผิดปกตินี้กลับไม่มีหน่วยงานใดในกระบวนยุติธรรมให้ความสนใจ

นางกรกวี กล่าวอีกว่า ช่วงเวลาที่หายไปนั้นชุดจับกุมอ้างว่านำตัวไปควบคุมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ถนนพหลโยธิน แต่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การตรงกันว่า ถูกนำตัวไปควบคุมที่แมนชั่นในซอยเพชรเกษม 33/1 ซึ่งการควบคุมตัวที่ บช.ตชด.สามารถตรวจสอบได้จากบันทึกเข้าออกว่ามีหรือไม่ และการควบคุมตัวนอกสถานที่ราชการสามารถทำได้หรือไม่

นางกรกวี ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ในใบบันทึกการจับกุมยังมีชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่หลายนายคือ พล.ต.ต.วินัย นิลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รองผบช.ตชด.),พล.ต.ต.อนุสรณ์ สู่ศิริ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 (ผบก.ตชด.ภาค 4) ,พล.ต.ต.ณรงค์ มณีนพ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (ผบก.ตชด.ภาค 1) ,พ.ต.อ.วินิจ พัวพันธ์ รองผบก.ตชด.ภาค 4 ,พ.ต.อ.ไพโรจน์ สุขี ผกก.ตชด.41 ซึ่งตนอยากทราบว่ารายชื่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ทราบเรื่องการจับกุมด้วยหรือไม่ ถ้าหากไม่รับทราบให้ออกมาแสดงตนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตนจะดำเนินการให้ถถึงที่สุดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของลูกชายจึงเดินทางมาแจ้งความในวันนี้

ด้าน พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความไว้แล้ว ขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนจะต้องไปสอบสวนนายชนาธิป ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้ทราบว่าถูกศาลตัดสินคดีแล้วและถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ฝ่ายปกครองแดน 4 อย่างละเอียดว่าต้องการจะกล่าวหาผู้ใดบ้างและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น