โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมเหยื่อแก๊ง ร.ต.อ.ตชด.เป็นการเยี่ยวยาเบื้องต้น โดยเหยื่อระบุ รู้สึกเบาใจในความปลอดภัยมากขึ้น ส่วน พ.ต.ท.รอง ผกก.ตชด.41 ผู้บังคับบัญชา ร.ต.อ.ที่เข้ามอบตัวเมื่อคืนนั้น “เสรีพิศุทธ์” สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เจ้าตัวยันไม่ได้ทำ หรือสั่งใครให้ไปทำ ระบุหลังเซ็นคำสั่งก็หมดหน้าที่ เพราะเข้าโรงเรียนผู้กำกับแล้ว
"พงศพัศ"เยี่ยมเยียวยาเหยื่อ
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ สน.เพชรเกษม พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก สตช.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.เดินทางเข้าพูดคุยสอบถามกับ นางจุฑาพร นุ่นรอด อายุ 34 ปี 1 ในผู้เสียหายที่เคยถูกแก๊ง ตชด.ของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ผบ.หมวด 426 กก.ตชด.42 จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ ตชด.41 จ.ชุมพร อุ้มไปยัดยาบ้าและทรมาณร่างกายโดยใช้ไฟฟ้าช็อตในโรงแรมม่านรูดในซอยเพชรเกษม 81 เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2550 ที่ผ่านมา แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2550 ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.พงศพัศ ได้นำกระเช้าเครื่องใช้เด็กอ่อน ตุ๊กตา และเครื่องเขียน พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมามอบให้ นางจุฑาพร
ให้ออก พ.ต.ท. รองผกก.ตชด.41 ต้นสังกัด"ร.ต.อ.โหด"
พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า เข้าใจความรู้สึกของผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว โดยหลังจากนี้ทาง สตช.จะประสานกับทางกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายทั้งหมด โดยในเรื่องนี้ทาง ผบ.ตร.ทราบเรื่องแล้ว พร้อมกำชับว่า หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง ให้ดำเนินคดีทันทีแบบยกขบวนการ ถอนรากถอนโคน โดยล่าสุด ทาง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรกิตต์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41 จ.ชุมพร ออกจากราชการไว้ก่อนทันทีที่เข้ามอบตัว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้เสียหายนั้น ขณะนี้ได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้ว จำนวน 8 ราย ส่วนอีก 4-5 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างประสานงานให้เข้ามาแจ้งความ ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น หากผู้เสียหายจะดำเนินการฟ้องแพ่ง ทางสตช.ก็ไม่ขัดข้อง ยินดีรับผิดชอบ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหายแต่ละรายนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เข้าไปดูแลแล้ว
เหยื่อคลายกังวลเรื่องความปลอดภัย
ด้าน นางจุฑาพร กล่าวว่า รู้สึกคลายกังวลในเรื่องความปลอดของตัวเอง เนื่องจากมีตำรวจท้องที่เข้ามาดูแล ส่วนเรื่องฟ้องแพ่งนั้น ขอปรึกษากับทนายความก่อน
ต่อมาเวลา 12.00 น.พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก สตช.พร้อม พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น. และพ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รอง ผบก.น.7 เดินทางมายัง สน.บางพลัด เพื่อเบิกตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังเพื่อมาสอบปากคำโดยมีนายรอศักดิ์ นุชนารถ ทนายความของ พ.ต.สุรกิตต์ ร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย
ปฏิเธไม่ได้สั่งให้ทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่สิบเวรนำตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังนั้น เจ้าตัวได้ยกมือขั้นทั้งสองข้าง พร้อมกล่าวว่า “ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำ ผมไม่ได้สั่งให้ใครทำ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ หรือไม่ พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า “รู้จัก แต่ผมไม่ได้สั่งให้ทำ” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมถึงพูดว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นการทำลายล้าง ตชด. พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า “เรื่องนี้ข่าวออกบ่อย ทำให้ส่งผลเสียต่อหน่วยงานของผม” จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเข้าไปสอบสวนโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าว เข้าไปในห้องสอบสวน
เสียงปลายสายทำ"พ.ต.ท."ร่ำไห้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากสอบปากคำไปประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.พงศพัศ ได้รับโทรศัพท์ขึ้นมาคุย ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.สุรกิตต์ จากนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ ก็ถึงกับน้ำตาไหล ต้องลุกขึ้นเดินไปเช็ดน้ำตาด้านหลังห้องสอบสวน
ต่อมาเวลา 13.30 น.ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ กลับเข้าห้องขัง โดยเจ้าตัวกล่าวว่า ขอให้พวกที่ยังหลบหนีอยู่เข้ามามอบตัว ส่วนพวกที่ถูกจับกุมไปแล้วก็ขอให้รับสารภาพ พูดแต่ความจริงกันทั้งหมด ถูกจำคุกก็ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอกเพราะไม่ได้ฆ่าใครตาย หลังจากนั้นจะได้ออกมาทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่าลูกน้องเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ กทม. พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า ตนทราบเรื่องเพราะเป็นคนเซ็นชื่อให้กลุ่มของ ร.ต.อ.เข้ามาปฏิบัติงาน แต่หลังจากนั้นก็มาเข้าโรงเรียนผู้กำกับ จึงไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ดูแลลูกน้องอีกเลย ตนไม่ได้แก้ตัว เนื่องจากเป็นคนเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.แต่หลังจากนั้นก็หมดหน้าที่รอง ผกก.และมาเข้าโรงเรียนผู้กำกับ
ตร.พร้อมดูแลเหยื่อเต็มที่
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า ตนกับ พล.ต.ต.วัจนนท์ รองผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ บช.น.ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกออกหมายจับ และเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยเท่าที่ได้พูดคุยเจ้าตัวก็ให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งเรื่องทาง ผบ.ตร.ได้แสดงความห่วงใย อยากได้ข้อมูลมากที่สุดเพื่อเข้าไปเยียวยาผู้เสียหายที่ถูกตำรวจกลุ่มนี้กระทำ โดยทางสตช.พร้อมจะดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหารายล่าสุดที่เข้ามามอบตัวนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเหมือนกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ส่วนเรื่องการดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่ต้องปกครองดูแลกลุ่มผู้ต้องหา แต่กลับปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดนั้น ก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยขณะนี้ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้ว คงจะมีการสรุปผลในวันนี้ว่าจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง และต้องรับผิดชอบถูกลงโทษในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดแต่ปล่อยปละละเลยลูกน้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยอะไรกับ พ.ต.ท.สุรกิตต์บ้าง พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า พ.ต.ท.สุรกิตต์ เล่าให้ฟังเป็นส่วนใหญ่ๆ แต่ได้บอกว่า หากมีโอกาสได้พบกับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มแรก ก็อยากให้ทุกคนพูดความจริง เหมือนกับต้องการให้ทุกคนสำนึกผิด ซึ่งตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์เอง ก็เป็นตชด.คนหนึ่งมาตั้งแต่แรก เมื่อมีการกระทำผิดถูกออกหมายจับ เจ้าตัวก็ยินดีที่จะถูกจับกุม
ผบ.ตร.สั่งเร่งรัดทำคดี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากพยานหลักฐานในขณะนี้สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้บังคับบัญชาที่ตำแหน่งสูงกว่านี้หรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด จากข้อมูลในหลายๆ ด้าน ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการ ผบช.ตชด.ซึ่งเป็นต้นสังกัด และ ผบช.น.ในเรื่องการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้เข้ามาดูแลการสอบสวนด้วยตัวเอง โดยในวันนี้มีการประชุมและอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการ ขอให้พี่น้องประชาชนวางใจได้ ว่าตำรวจจะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
“เราเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เข้าใจความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่าเจ็บปวดอย่างไร เราจะปรับปรุงระบบการทำงาน การบังคับบัญชา การสอดส่องดูแลพฤติกรรมของตำรวจ เราจะเป็นตำรวจยุคใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นกระทบต่อความเชื่อมันของประชาชนที่มีต่อตำรวจอย่างมาก” โฆษก สตช.กล่าว
ต่อมาได้มี นายปราโมทย์ พวงประเสริฐ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ธนาคารทิสโก้ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางพลัด เพื่อติดต่อขอรับรถแวนยี่ห้อซูซูกิ เอพีวี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน สณ-6907 กทม.สวมทะเบียนปลอม ศช-6215 กทม.คืนไป โดย นายปราโมทย์ เปิดเผยว่า รถคันดังกล่าว บริษัท แสงโสมเด็คเคอร์เรชั่น จำกัด ได้เช่าซื้อไปเมื่อปี 2548 แต่ภายหลังได้มีการฟ้องร้องและศาลได้ตัดสินเมื่อวันที่ 21 ส.ค.50 ว่า ให้คืนรถคันดังกล่าวกับทางธนาคาร แต่หลังจากนั้นทางบริษัทก็ไม่ทราบอีกเลยว่า รถคันดังกล่าวหายไปไหน จนกระทั่ง ผู้จัดการธนาคารทราบข่าวจากทางสื่อมวลชน จึงให้ตนเดินทางมาติดต่อกับพนักงานสอบสวน เพื่อขอรถคืน
เหยื่อเมืองตรังร้องขอเปลี่ยนพงส.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายประดิษฐ์ คงมาก นางวันเพ็ญ คงมาก สองสามีภรรยาเจ้าของร้านคาราโอเกะ ในอ.รัษฎา จ.ตรัง จำเลยในคดีมียาเสพติด (ยาบ้า)ไว้ในครอบครอง ซึ่งถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวนิช ผบ.มว.ตชด.ที่ 426 และพวกรวม 14 คน ทำร้ายร่างกาย ใช้ไฟชอร์ตบังคับรับสารภาพ พร้อมด้วยนายชัยพร ชูเสน ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในคดีที่เคยเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่25 เม.ย. 2550 ให้ดำเนินคดีกับร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวนิชย์ และพวกรวม 14 คน จับตัวนายประดิษฐ์ และนางวันเพ็ญ ไปที่ค่ายตชด.42 ทุ่งสง ทรมานใช้ไฟฟ้าช๊อตตามร่างกายและอวัยวะเพศของนายประดิษฐ์ เพื่อให้เค้นให้บอกที่ซ่อนย้าบ้า แต่เมื่อทั้งสองคนปฎิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นก็บังคับข่มขู่ให้ทั้งสองลงชื่อยินยอมรับเป็นเจ้าของยาบ้าคนละ10เม็ด เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2550 ที่ผ่านมา
นายชัยพร กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากตชด.ที่ร่วมกับร.ต.อ.ณัฏฐ์ ซึ่งได้ทำการกลั่นแกล้งจับกุม เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2550 จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด ที่สำคัญพนักงานสอบสวน ที่กองปราบปรามยังไม่ได้นัดผู้เสียหายทั้งสองไปชี้ห้องทรมาน ที่อยู่ในค่ายตชด.42 ทุ่งสง จึงเกรงว่ายิ่งนานไป พยานหลักฐานสภาพแวดล้อมภายในห้องอาจมีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนสภาพไปได้ และจะเป็นผลเสียต่อรูปคดีและความเป็นธรรม จึงอยากขอให้ผบ.ตร.ช่วยเร่งรัดสำนวน และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในคดีนี้ด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทางจเรตำรวจเป็นผู้สอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องการดูแลความปลอดภัยตนได้พาผู้เสียหายทั้งสองไปพบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ซึ่งได้จัดตำรวจท้องที่เฝ้าระวังความปลอดภัยให้แล้ว
“กรณีนี้อยากให้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการเปิดโอกาสให้ตำรวจที่ใช้เวลาควบคุมได้มีโอกาสใช้อำนาจ ซึ่งบางครั้งเกิดความล่อแหลมใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นมืออาชีพ มักจะมีเงินสดเยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ล่อแหลมต่อการใช้อำนาจไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ และอยากให้ผบ.ตร.หามาตรการเร่งด่วนควบคุมสอดส่องการทำงานของตำรวจชุดจับกุมยาเสพติด เพื่อให้เกดความโปร่งใส บริสุทธ์ ยุติธรรมในการปฎิบัติหน้าที่ “นายชัยพรกล่าว
เบื้องต้นทางศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ฯได้รับเรื่องไว้ พร้อมกับประมวลเรื่องเสนอรายงานต่อพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.สส. ต่อไป สำหรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแก็งตชด.ดังกล่าวที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับโดยตรงจนถึงขณะนี้มี 3 ครั้งแล้วคือ กรณีของนายประดิษฐ์ และนางวันเพ็ญ ซึ่งเคยไปร้องต่อสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้วหนึ่งครั้งรวมวันนี้เป็นครั้งที่สองและกรณีของนายวีรวัชร์ โอทยากุล ท้องที่สน.พหลโยธิน ร้องเรียนเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
"พงศพัศ"เยี่ยมเยียวยาเหยื่อ
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ สน.เพชรเกษม พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก สตช.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.เดินทางเข้าพูดคุยสอบถามกับ นางจุฑาพร นุ่นรอด อายุ 34 ปี 1 ในผู้เสียหายที่เคยถูกแก๊ง ตชด.ของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ผบ.หมวด 426 กก.ตชด.42 จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ ตชด.41 จ.ชุมพร อุ้มไปยัดยาบ้าและทรมาณร่างกายโดยใช้ไฟฟ้าช็อตในโรงแรมม่านรูดในซอยเพชรเกษม 81 เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2550 ที่ผ่านมา แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2550 ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.พงศพัศ ได้นำกระเช้าเครื่องใช้เด็กอ่อน ตุ๊กตา และเครื่องเขียน พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมามอบให้ นางจุฑาพร
ให้ออก พ.ต.ท. รองผกก.ตชด.41 ต้นสังกัด"ร.ต.อ.โหด"
พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า เข้าใจความรู้สึกของผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว โดยหลังจากนี้ทาง สตช.จะประสานกับทางกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายทั้งหมด โดยในเรื่องนี้ทาง ผบ.ตร.ทราบเรื่องแล้ว พร้อมกำชับว่า หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง ให้ดำเนินคดีทันทีแบบยกขบวนการ ถอนรากถอนโคน โดยล่าสุด ทาง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรกิตต์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41 จ.ชุมพร ออกจากราชการไว้ก่อนทันทีที่เข้ามอบตัว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้เสียหายนั้น ขณะนี้ได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้ว จำนวน 8 ราย ส่วนอีก 4-5 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างประสานงานให้เข้ามาแจ้งความ ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น หากผู้เสียหายจะดำเนินการฟ้องแพ่ง ทางสตช.ก็ไม่ขัดข้อง ยินดีรับผิดชอบ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหายแต่ละรายนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เข้าไปดูแลแล้ว
เหยื่อคลายกังวลเรื่องความปลอดภัย
ด้าน นางจุฑาพร กล่าวว่า รู้สึกคลายกังวลในเรื่องความปลอดของตัวเอง เนื่องจากมีตำรวจท้องที่เข้ามาดูแล ส่วนเรื่องฟ้องแพ่งนั้น ขอปรึกษากับทนายความก่อน
ต่อมาเวลา 12.00 น.พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก สตช.พร้อม พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น. และพ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รอง ผบก.น.7 เดินทางมายัง สน.บางพลัด เพื่อเบิกตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังเพื่อมาสอบปากคำโดยมีนายรอศักดิ์ นุชนารถ ทนายความของ พ.ต.สุรกิตต์ ร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย
ปฏิเธไม่ได้สั่งให้ทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่สิบเวรนำตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ ออกจากห้องขังนั้น เจ้าตัวได้ยกมือขั้นทั้งสองข้าง พร้อมกล่าวว่า “ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำ ผมไม่ได้สั่งให้ใครทำ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ หรือไม่ พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า “รู้จัก แต่ผมไม่ได้สั่งให้ทำ” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมถึงพูดว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นการทำลายล้าง ตชด. พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า “เรื่องนี้ข่าวออกบ่อย ทำให้ส่งผลเสียต่อหน่วยงานของผม” จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเข้าไปสอบสวนโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าว เข้าไปในห้องสอบสวน
เสียงปลายสายทำ"พ.ต.ท."ร่ำไห้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากสอบปากคำไปประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.พงศพัศ ได้รับโทรศัพท์ขึ้นมาคุย ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.สุรกิตต์ จากนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ ก็ถึงกับน้ำตาไหล ต้องลุกขึ้นเดินไปเช็ดน้ำตาด้านหลังห้องสอบสวน
ต่อมาเวลา 13.30 น.ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์ กลับเข้าห้องขัง โดยเจ้าตัวกล่าวว่า ขอให้พวกที่ยังหลบหนีอยู่เข้ามามอบตัว ส่วนพวกที่ถูกจับกุมไปแล้วก็ขอให้รับสารภาพ พูดแต่ความจริงกันทั้งหมด ถูกจำคุกก็ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอกเพราะไม่ได้ฆ่าใครตาย หลังจากนั้นจะได้ออกมาทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่าลูกน้องเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ กทม. พ.ต.ท.สุรกิตต์ ตอบว่า ตนทราบเรื่องเพราะเป็นคนเซ็นชื่อให้กลุ่มของ ร.ต.อ.เข้ามาปฏิบัติงาน แต่หลังจากนั้นก็มาเข้าโรงเรียนผู้กำกับ จึงไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ดูแลลูกน้องอีกเลย ตนไม่ได้แก้ตัว เนื่องจากเป็นคนเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.แต่หลังจากนั้นก็หมดหน้าที่รอง ผกก.และมาเข้าโรงเรียนผู้กำกับ
ตร.พร้อมดูแลเหยื่อเต็มที่
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า ตนกับ พล.ต.ต.วัจนนท์ รองผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ บช.น.ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกออกหมายจับ และเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยเท่าที่ได้พูดคุยเจ้าตัวก็ให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งเรื่องทาง ผบ.ตร.ได้แสดงความห่วงใย อยากได้ข้อมูลมากที่สุดเพื่อเข้าไปเยียวยาผู้เสียหายที่ถูกตำรวจกลุ่มนี้กระทำ โดยทางสตช.พร้อมจะดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหารายล่าสุดที่เข้ามามอบตัวนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเหมือนกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ส่วนเรื่องการดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่ต้องปกครองดูแลกลุ่มผู้ต้องหา แต่กลับปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดนั้น ก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยขณะนี้ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้ว คงจะมีการสรุปผลในวันนี้ว่าจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง และต้องรับผิดชอบถูกลงโทษในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดแต่ปล่อยปละละเลยลูกน้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยอะไรกับ พ.ต.ท.สุรกิตต์บ้าง พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า พ.ต.ท.สุรกิตต์ เล่าให้ฟังเป็นส่วนใหญ่ๆ แต่ได้บอกว่า หากมีโอกาสได้พบกับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มแรก ก็อยากให้ทุกคนพูดความจริง เหมือนกับต้องการให้ทุกคนสำนึกผิด ซึ่งตัว พ.ต.ท.สุรกิตต์เอง ก็เป็นตชด.คนหนึ่งมาตั้งแต่แรก เมื่อมีการกระทำผิดถูกออกหมายจับ เจ้าตัวก็ยินดีที่จะถูกจับกุม
ผบ.ตร.สั่งเร่งรัดทำคดี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากพยานหลักฐานในขณะนี้สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้บังคับบัญชาที่ตำแหน่งสูงกว่านี้หรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด จากข้อมูลในหลายๆ ด้าน ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการ ผบช.ตชด.ซึ่งเป็นต้นสังกัด และ ผบช.น.ในเรื่องการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้เข้ามาดูแลการสอบสวนด้วยตัวเอง โดยในวันนี้มีการประชุมและอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการ ขอให้พี่น้องประชาชนวางใจได้ ว่าตำรวจจะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
“เราเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เข้าใจความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่าเจ็บปวดอย่างไร เราจะปรับปรุงระบบการทำงาน การบังคับบัญชา การสอดส่องดูแลพฤติกรรมของตำรวจ เราจะเป็นตำรวจยุคใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นกระทบต่อความเชื่อมันของประชาชนที่มีต่อตำรวจอย่างมาก” โฆษก สตช.กล่าว
ต่อมาได้มี นายปราโมทย์ พวงประเสริฐ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ธนาคารทิสโก้ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางพลัด เพื่อติดต่อขอรับรถแวนยี่ห้อซูซูกิ เอพีวี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน สณ-6907 กทม.สวมทะเบียนปลอม ศช-6215 กทม.คืนไป โดย นายปราโมทย์ เปิดเผยว่า รถคันดังกล่าว บริษัท แสงโสมเด็คเคอร์เรชั่น จำกัด ได้เช่าซื้อไปเมื่อปี 2548 แต่ภายหลังได้มีการฟ้องร้องและศาลได้ตัดสินเมื่อวันที่ 21 ส.ค.50 ว่า ให้คืนรถคันดังกล่าวกับทางธนาคาร แต่หลังจากนั้นทางบริษัทก็ไม่ทราบอีกเลยว่า รถคันดังกล่าวหายไปไหน จนกระทั่ง ผู้จัดการธนาคารทราบข่าวจากทางสื่อมวลชน จึงให้ตนเดินทางมาติดต่อกับพนักงานสอบสวน เพื่อขอรถคืน
เหยื่อเมืองตรังร้องขอเปลี่ยนพงส.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายประดิษฐ์ คงมาก นางวันเพ็ญ คงมาก สองสามีภรรยาเจ้าของร้านคาราโอเกะ ในอ.รัษฎา จ.ตรัง จำเลยในคดีมียาเสพติด (ยาบ้า)ไว้ในครอบครอง ซึ่งถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวนิช ผบ.มว.ตชด.ที่ 426 และพวกรวม 14 คน ทำร้ายร่างกาย ใช้ไฟชอร์ตบังคับรับสารภาพ พร้อมด้วยนายชัยพร ชูเสน ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในคดีที่เคยเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่25 เม.ย. 2550 ให้ดำเนินคดีกับร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวนิชย์ และพวกรวม 14 คน จับตัวนายประดิษฐ์ และนางวันเพ็ญ ไปที่ค่ายตชด.42 ทุ่งสง ทรมานใช้ไฟฟ้าช๊อตตามร่างกายและอวัยวะเพศของนายประดิษฐ์ เพื่อให้เค้นให้บอกที่ซ่อนย้าบ้า แต่เมื่อทั้งสองคนปฎิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นก็บังคับข่มขู่ให้ทั้งสองลงชื่อยินยอมรับเป็นเจ้าของยาบ้าคนละ10เม็ด เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2550 ที่ผ่านมา
นายชัยพร กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากตชด.ที่ร่วมกับร.ต.อ.ณัฏฐ์ ซึ่งได้ทำการกลั่นแกล้งจับกุม เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2550 จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด ที่สำคัญพนักงานสอบสวน ที่กองปราบปรามยังไม่ได้นัดผู้เสียหายทั้งสองไปชี้ห้องทรมาน ที่อยู่ในค่ายตชด.42 ทุ่งสง จึงเกรงว่ายิ่งนานไป พยานหลักฐานสภาพแวดล้อมภายในห้องอาจมีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนสภาพไปได้ และจะเป็นผลเสียต่อรูปคดีและความเป็นธรรม จึงอยากขอให้ผบ.ตร.ช่วยเร่งรัดสำนวน และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในคดีนี้ด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทางจเรตำรวจเป็นผู้สอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องการดูแลความปลอดภัยตนได้พาผู้เสียหายทั้งสองไปพบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ซึ่งได้จัดตำรวจท้องที่เฝ้าระวังความปลอดภัยให้แล้ว
“กรณีนี้อยากให้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการเปิดโอกาสให้ตำรวจที่ใช้เวลาควบคุมได้มีโอกาสใช้อำนาจ ซึ่งบางครั้งเกิดความล่อแหลมใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นมืออาชีพ มักจะมีเงินสดเยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ล่อแหลมต่อการใช้อำนาจไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ และอยากให้ผบ.ตร.หามาตรการเร่งด่วนควบคุมสอดส่องการทำงานของตำรวจชุดจับกุมยาเสพติด เพื่อให้เกดความโปร่งใส บริสุทธ์ ยุติธรรมในการปฎิบัติหน้าที่ “นายชัยพรกล่าว
เบื้องต้นทางศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ฯได้รับเรื่องไว้ พร้อมกับประมวลเรื่องเสนอรายงานต่อพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.สส. ต่อไป สำหรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแก็งตชด.ดังกล่าวที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับโดยตรงจนถึงขณะนี้มี 3 ครั้งแล้วคือ กรณีของนายประดิษฐ์ และนางวันเพ็ญ ซึ่งเคยไปร้องต่อสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้วหนึ่งครั้งรวมวันนี้เป็นครั้งที่สองและกรณีของนายวีรวัชร์ โอทยากุล ท้องที่สน.พหลโยธิน ร้องเรียนเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา