เกียวโดนิวส์ (9 ก.ย.) วันนี้ ศาลญี่ปุ่นตัดสินให้โจทก์บางส่วนที่เรียกร้องสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของรัฐในฐานะผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูที่นางาซากิของสหรัฐฯ เมื่อปี 2488
ศาลแขวงนางาซากิสั่งให้รัฐบาลประจำจังหวัดและเมืองนางาซากิรับรองโจทก์ 15 รายจาก 44 รายว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูนอกพื้นที่ที่รัฐกำหนด แต่อยู่ในรัศมี 12 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางระเบิด
โจทก์ซึ่งรวมถึงผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คนอ้างว่าพวกเขาเป็นโรคจากการดูดซับอนุภาคกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณู หรือบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ปนเปื้อน ซึ่งผู้รอดชีวิตซึ่งล้วนอยู่ในวัยชราแล้ว มีสิทธิได้รับผลประโยชน์ด้านการดูแลสุขภาพจากรัฐ
รัฐบาลท้องถิ่นแย้งว่าพวกเขาไม่ได้สัมผัสกับรังสีในระดับที่อาจสร้างความเสียหายต่อสุขภาพ
ตามการระบุของรัฐบาลจังหวัด ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมีนาคม มีบุคคลประมาณ 6,300 รายที่ถูกระบุว่าเคยประสบกับรังสีระเบิดปรมาณูภายในรัศมี 12 กิโลเมตร แต่อยู่นอกพื้นที่ที่กำหนดอย่างเป็นทางการ
รัฐบาลกลางได้ให้การสนับสนุนพวกเขาในขอบเขตที่จำกัด เมื่อเทียบกับผู้รอดชีวิตอื่นๆ ที่รัฐยอมรับ
การพิจารณาคดีเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ สั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการจัดเตรียมสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้บุคคลดังกล่าว หลังจากพบปะกับตัวแทนของพวกเขาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ภายหลังจากพิธีประจำปีเพื่อฉลองครบรอบ 79 ปีของการทิ้งปรมาณูที่เมืองนางาซากิ
ในความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องอีกด้านที่เมืองฮิโรชิมา อีกเมืองซึ่งถูกทิ้งปรมาณูนั้น ศาลสูงฮิโรชิมาได้ตัดสินในปี 2564 ว่าประชาชน 84 คนมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการดูแลสุขภาพจากรัฐ แม้ว่าพวกเขาจะได้สัมผัส "ฝนสีดำ" ที่มีกัมมันตรังสีภายหลังเหตุระเบิดปรมาณูฮิโรชิมานอกพื้นที่ที่รัฐบาลยอมรับในปัจจุบัน