เกียวโดนิวส์ รายงาน (12 ธ.ค.) ว่า วันนี้ ศาลแขวงนางาซากิ ได้ตัดสินคดีเรียกร้องค่าเสียหายที่ยื่นโดยโจทก์ ทายาทของผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูนางาซากิ ที่ต้องการสิทธิรับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล
ในคดีที่ยื่นต่อศาลแขวงนางาซากิ โจทก์มีคำร้องว่า พ่อแม่ของพวกเขาได้รับรังสีจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ ในปี พ.ศ.2488 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขา และการที่รัฐไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ จึงเป็นการละเมิดการรับประกันความเท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญภายใต้กฎหมาย
นับเป็นการพิจารณาคดีครั้งแรกเกี่ยวกับผลกระทบของกัมมันตภาพรังสีต่อเด็กของผู้รอดชีวิต โดยมีกรณีที่คล้ายกันในฮิโรชิมาที่ยังไม่ได้รับการตัดสิน โจทก์ทั้ง 28 คนเรียกร้องเงินคนละ 100,000 เยน จากรัฐบาล
ปัจจุบันรัฐบาลให้ความช่วยเหลือทางการเงินหลายรูปแบบแก่ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการยอมรับและครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลเต็มจำนวน อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือดังกล่าวไม่ได้ขยายไปถึงลูกหลานของพวกเขา
โจทก์โต้แย้งว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะตัดสิทธิเด็กของผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูจากความช่วยเหลือดังกล่าว โดยอ้างงานวิจัยที่ชี้ถึงผลกระทบทางพันธุกรรมที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับรังสี
รัฐบาลโต้แย้งคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยกล่าวว่าผลกระทบของการได้รับรังสีต่อเด็กไม่ได้รับการยืนยัน ดังนั้นจึงไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมายในการขยายขอบเขตของความช่วยเหลือทางการเงิน
ทั้งนี้ ศาลได้เสนอให้โจทก์พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า การสัมผัสรังสีของผู้รอดชีวิตมีผลกระทบต่อสุขภาพของทายาท