ย้อนไป 30 ปี ในปี 1991 ฟุตบอลญี่ปุ่นยังเป็นทีมอันดับต่ำที่สุด นักเตะทีมชาติยังเป็นระดับสมัครเล่น และสมาคมฟุตบอลรู้ว่าจำเป็นต้องทำบางอย่าง
การกำเนิดของเจลีกตามมาในไม่ช้า ปัจจุบันญี่ปุ่นมีลีกฟุตบอลอาชีพของตนเอง ซึ่งวันหนึ่งจะกลายเป็นลีกที่ดีที่สุดในเอเชีย ความฝันคือการมีลีกที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืน มีสโมสรอาชีพนับร้อยทีม ภายในปี 2092 ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ 100 ปี นอกจากที่เคยตั้งปณิธาน หรือ "ปฏิญญา JFA ปี 2050" คำมั่นสัญญา 2 ประการที่จะต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2050
“ภายในปี 2050 เราจะบรรลุวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ เราจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกฟีฟ่าที่ญี่ปุ่น และทีมชาติญี่ปุ่นจะเป็นแชมป์"
นี่คือคำมั่นสัญญาของ JFA ในปี 2005
วิทยา เลาหกุล อดีตนักฟุตบอลชาวไทย และโค้ชทีมเจลีก เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเดอะเนชั่น ว่า ญี่ปุ่นจริงจังกับการวางโครงสร้างระบบการพัฒนา ตั้งแต่ก่อนที่จะได้ไปเล่นฟุตบอลโลก
ระหว่างฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลี สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นได้ส่งโค้ชของลีกฟุตบอลญี่ปุ่น คนสองคนจากแต่ละทีม (หัวหน้าโค้ชและผู้ช่วยโค้ช รวมถึงคุณวิทยาเองด้วยไปยังอิตาลี เพื่อวิเคราะห์การแข่งขันว่าจะไปถึงฟุตบอลโลกได้อย่างไร จากนั้นเรากลับมาวิเคราะห์และพัฒนาระบบเพื่อไปฟุตบอลโลก
ปัจจุบัน สัญญาณเชิงบวกประการหนึ่งคือการเติบโตของกีฬาฟุตบอลทั่วประเทศ ทำให้ความสนใจในกีฬายอดนิยมดั้งเดิม 2 ชนิด ได้แก่ มวยปล้ำซูโม่ และเบสบอลลดน้อยลง
ก่อนที่ฟุตบอลจะเฟื่องฟูทั่วประเทศญี่ปุ่น ลีกสมัครเล่นอย่าง Japanese Soccer League นั้นมีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น แม้ว่าในช่วงเวลานั้น ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นเคยคว้าเหรียญทองแดงในกีฬาโอลิมปิกปี 1968 แต่ความสนใจของประเทศก็จางหายไปและจำนวนผู้เล่นฟุตบอลก็ลดลง แทบจะไม่น่าแปลกใจเลยที่ทีมชาติเป็นนักกีฬาสมัครเล่นทั้งหมด
ก่อนเริ่มลีกใหม่ ญี่ปุ่นรั้งอันดับโลกต่ำกว่า 40 ของฟีฟ่า และจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันในประเทศก็แย่พอๆ กับสภาพและจำนวนสนามกีฬา ในช่วงเริ่มต้นของเจลีก เศรษฐกิจเอเชียกำลังสั่นคลอน สโมสรอาชีพในญี่ปุ่นกลับมีความทะเยอทะยานดึงดูดนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบราซิล แม้ว่าจะอยู่ในช่วงหลังของอาชีพของพวกเขา ให้มาเล่นให้กับเจลีก ในจำนวนนั้นรวมถึงซิโก้ ดุงก้า และแกรี่ ลินิเกอร์
อานิสงส์โดยธรรมชาติ เมื่อผู้เล่นที่มีคุณภาพนี้ก้าวเข้ามาในลีก มาตรฐานของฟุตบอลทั่วทั้งลีกก็ดีขึ้น
ภายใน 3 ปีของการเริ่มลีกอาชีพ ทีมชาติญี่ปุ่นพุ่งขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 21 ในระดับนานาชาติ และมีจำนวนผู้ชมฟุตบอลเพิ่มขึ้นประจำสัปดาห์ก็เกือบ 20,000 คน ทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในแดนอาทิตย์อุทัยในปี 2540 จำนวนผู้เช้าชมลดลงเหลือประมาณ 10,000 คน และผู้สนับสนุนสโมสรต่างถอนตัวออกจากการลงทุน ปล่อยให้ทีมระดับสูงจำนวนมากต้องล้มละลาย
สัญญาณเตือนนั้นชัดเจนและคณะกรรมการเจ-ลีก (J- League) ต้องการแผน ไม่เพียงแต่ช่วยในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับต่อยอดในอนาคต
นี่คือจุดเริ่มต้นของแผน 100 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของเจลีก
คณะกรรมการต้องการให้สโมสรต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือกับหายนะทางเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยกระตุ้นให้พวกเขาสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชุมชนรอบๆ และสร้างความร่วมมือกับบริษัทในท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กลง ตลอดจนสถาบันการศึกษาระดับรากหญ้า สิ่งนี้จะส่งเสริมกีฬาให้เยาวชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วม ตลอดจนเพิ่มการเข้าร่วม
นี่กลายเป็นรูปแบบที่มั่นคงในการต่อยอดและตามด้วยการนำรูปแบบเจ-ลีก
การทะลุผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกหลายครั้งก่อนไม่ใช่ความบังเอิญ ญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมาแล้วทุกสมัยนับตั้งแต่ปี 1998 และผลงานของพวกเขาในเกมคอนเฟดเดอเรชันส์คัพในปี 2013 ที่พบกับอิตาลีก็เริ่มสร้างความประทับใจให้แฟนบอลทั่วโลก
ทีมญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกปี 2018 มีนักเตะ 14 คน จาก 23 คน เล่นอาชีพนอกเอเชีย ส่วนใหญ่อยู่ในลีกชั้นนำของยุโรป ผู้เล่นชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเล่นในบุนเดสลีกา ซึ่งเป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดและมีผู้ชมมากที่สุดในโลก
การพัฒนานักเตะส่วนใหญ่ญี่ปุ่นต้องให้เครดิตกับสโมสรในเยอรมนี สโมสรในเยอรมนีมองเห็นทักษะของผู้เล่นญี่ปุ่น
เมื่อโมเดลการพัฒนาเข้าที่แล้ว มาตรฐานของฟุตบอลของญี่ปุ่นก็พัฒนาขึ้นนอกสนามด้วย ทั่วทั้งลีกมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า พร้อมการลงทุนที่มากขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2002 ก็มีส่วน บางส่วนเป็นของใหม่ บางส่วนได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ แต่มาตรฐานได้กำหนดไว้สำหรับการแข่งขันระดับชาติ โดยมีพื้นที่มากมายที่จุผู้ชมได้มากกว่า 40,000 คน ฟุตบอลญี่ปุ่นก็อยู่ในแผนที่โลกมานานแล้ว คำถามตอนนี้คือพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน?
ภายในปี 2092 ภารกิจในการเป็นบ้านของสโมสรอาชีพ 100 แห่งจะเป็นไปได้หรือไม่ ความสำเร็จไม่ได้มาในชั่วข้ามคืน และ สมาคมฟุตบอลของญี่ปุ่นก็เข้าใจดี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงกำหนดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลเช่นนี้ เกมระดับชาติกำลังพัฒนาอย่างช้าๆ ทั้งในด้านคุณภาพและความนิยม และเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้เล่นชาวญี่ปุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่จะย้ายไปยุโรป สู่สถาบันฟุตบอลที่ดีที่สุด นั่นย่อมมีเหตุผลที่จะมองโลกในแง่ดีว่าอนาคตสดใส
ญี่ปุ่นต้องใช้ความอดทน และวิธีที่ถูกต้องในการบ่มเพาะนักกีฬาฟุตบอล และนั่นคือเส้นทางที่ญี่ปุ่นใช้เดินตามวิสัยทัศน์ 100 ปี เจลีก
ตอนนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นขาประจำของฟุตบอลโลก ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 7 สมัยติดต่อกัน มีนักเตะ 21 คนจาก 26 คนของญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกปี 2022 เล่นในลีกอาชีพในยุโรป (8 คนเล่นในบุนเดสลีกาของเยอรมนี)
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเกือบจะบรรลุเป้าหมายระยะสั้นทั้งหมดแล้ว โดยมีเพียงเป้าหมายสูงสุดเท่านั้น ซึ่งก็คือแชมป์ฟุตบอลโลก ซึ่งยังต้องไปให้ถึง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราความก้าวหน้า นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มมองว่า ญี่ปุ่นอาจไม่ต้องรอถึงปี 2050 เพื่อคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก