ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นมีมากกว่าวันละ 30,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อกว่า 2 ปีก่อน รัฐบาลจะประกาศ “ภาวะกึ่งฉุกเฉิน” เพิ่มเติมอีก 13 จังหวัด รวมถึงกรุงโตเกียว
ญี่ปุ่นยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั่วญี่ปุ่น 32,197 คน ในวันอังคารที่ 18 ม.ค. เป็นยอดการติดเชื้อรายวันที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ พื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมาก เช่น กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,185 คน, จังหวัดโอซากา 5,396 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของจังหวัด, จังหวัดไอจิ 2,145 คน และจังหวัดโอกินาวา 1,443 คน
รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศมาตรการควบคุมการระบาดใน 13 จังหวัด คือ กรุงโตเกียว, จังหวัดไซตามะ, ชิบะ, คานางาวะ, กุนมะ,นีงาตะ, ไอจิ, กิฟุ, คางาวะ, มิเอะ ,มิยาซากิ, นางาซากิ และคูมาโมโตะ โดยเมื่อรวมกับจังหวัดฮิโรชิมะ, ยามางูจิ และโอกินาวา ที่ใช้มาตรการควบคุมไปก่อนหน้านี้ ทั้งประเทศญี่ปุ่นจะมีพื้นที่ 16 จังหวัดอยู่ภายใต้มาตรการ “ภาวะกึ่งฉุกเฉิน”
ส่วนจังหวัดโอซากา และพื้นที่รอบข้างภูมิภาคคันไซ คือ เกียวโต, เฮียวโงะ, นารา และวากายามะ ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ยังไม่ได้ร้องขอมาตรการฉุกเฉินจากรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ผู้ว่าการจังหวัดเหล่านี้ระบุว่า จะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
มาตรการ “กึ่งฉุกเฉิน” จะให้ผู้ว่าการจังหวัดสั่งให้ร้านอาหาร ร้านค้า และธุรกิจต่าง ๆ ลดเวลาทำการได้ โดยจะมีเงินชดเชย
แต่จะไม่สามารถสั่งปิดกิจการได้ มาตรการเข้มงวดนี้จะมุ่งเน้นเฉพาะภาคส่วน เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจและกิจกรรมทางสังคม
ถึงแม้ผู้ติดเชื้อที่อาการหนักและเสียชีวิตยังไม่สูงมาก แต่อัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามจำนวนผู้ติดเชื้อ ในกรุงโตเกียว อัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลในวันที่ 1 ม.ค. อยู่ที่ ร้อยละ 3.3 แต่ขณะนี้เพิ่มสูงจนอยู่ที่ร้อยละ 21.1 ในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า คนหนุ่มสาวที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจำนวนมากมีอาการเบาหรือไม่มีอาการ แต่จะสร้างความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุ ซึ่งเมื่อติดเชื้อจะมีอาการหนัก.
