กรุงโตเกียวและหลายจังหวัดในญี่ปุ่นกำลังพิจารณาประกาศมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 20,000 รายต่อวันต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขอาจรองรับไม่ไหว
ทางการท้องถิ่นราว 10 จังหวัดของญี่ปุ่นจะขอให้รัฐบาลประกาศ “ภาวะกึ่งฉุกเฉิน” ได้แก่ กรุงโตเกียวและจังหวัดรอบข้าง คือ จังหวัดไซตามะ ชิบะ คานางาวะ รวมทั้งในพื้นที่อื่นๆ คือ จังหวัดไอจิ, กิฟุ, มิเอะ, นางาซากิ, มิยาซากิ และคูมาโมโตะ
มาตรการ “กึ่งฉุกเฉิน” จะให้ผู้ว่าการจังหวัดสั่งให้ร้านอาหาร ร้านค้า และธุรกิจต่าง ๆ ลดเวลาทำการได้ โดยจะมีเงินชดเชย แต่จะไม่สามารถสั่งปิดกิจการได้ มาตรการเข้มงวดนี้จะมุ่งเน้นเฉพาะภาคส่วน เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจและกิจกรรมทางสังคม
คาดว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจประกาศใช้มาตรการนี้ในวันอังคารที่ 18 มกราคม หลังจากมีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั่วประเทศมากกว่า 20,000 คนต่อเนื่องกันหลายวัน แม้ว่าผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตจะยังน้อยอยู่ แต่จังหวัดต่าง ๆ จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อพิทักษ์ระบบสาธารณสุข ไม่ให้โรงพยาบาลเต็มล้นไปด้วยผู้ป่วย เหมือนเช่นการระบาดเมื่อปีที่แล้ว
โรงพยาบาลญี่ปุ่น วันหยุด-นอกเวลาแทบไม่มีหมอ
ในความเป็นจริงแล้ว ระบบการรักษาพยาบาลของญี่ปุ่นไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่หลายคนเชื่อกัน โรงพยาบาลในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถให้บริการอย่างเต็มที่ นอกเวลาทำการและในช่วงวันหยุด
สมาคมแพทย์แห่งกรุงโตเกียวได้ทำการสำรวจพบว่า จากสถานพยาบาล 54 แห่งที่ตอบแบบสอบถาม มีเพียง 16 แห่งที่ระบุว่าสามารถให้การรักษาพยาบาลหลังเวลา 19 น.ได้ และมีเพียง 21 แห่งที่เปิดทำการในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
สถานพยาบาลเหล่านี้บอกว่า สถานที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่บรรดาแพทย์มีบ้านพักอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ในช่วงกลางคืนหรือในวันหยุดจึงเป็นเรื่องยากที่แพทย์จะเดินทางเข้าเมืองมา ช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีเพียงแพทย์เวรที่ประจำในแผนกฉุกเฉินเท่านั้น
ในเมื่อสถานการณ์ในเมืองหลวงของญี่ปุ่นเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในจังหวัดอื่น ๆ ที่ขาดแคลนบุคลากรทางแพทย์อยู่แล้ว
ในช่วงปีที่แล้ว โรงพยาบาลในญี่ปุ่นเต็มล้น ผู้ป่วยจำนวนมากต้องพักรักษาตัวที่บ้าน หลายคนเสียชีวิตจากอาการทรุดหนักกะทันหัน แต่สถานการณ์ในขณะนี้ โรงพยาบาลในญี่ปุ่นยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้อยู่ กรุงโตเกียวมีอัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาลเข้าใกล้ร้อยละ 20 ยังห่างจากช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีอัตราการใช้เพียงสูงกว่าร้อยละ 50 แต่หากผู้ติดเชื้อยังเพิ่มอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เตียงในโรงพยาบาลก็จะไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยหนัก.
