นั่งเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากเที่ยวให้คุ้มที่สุด ซึ่งนิยามคำว่า “คุ้มที่สุด” ของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป บ้างก็เป็นการชิมของอร่อยให้หลากหลาย บ้างก็เป็นการเที่ยวชมวิวและสถานที่สวยๆ และบ้างก็เป็นการตระเวนเที่ยวจังหวัดในญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุด แต่จะดีแค่ไหน? ถ้าเราจัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่ครบทุกความคุ้มที่สุดไว้ได้ในทริปเดียว!
แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน
ในบทความนี้เราจะขอแนะนำแพลนทริปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ (東北地方, Tohoku) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่ประกอบด้วย 6 จังหวัดได้แก่ อาโอโมริ อาคิตะ อิวาเตะ ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และมิยางิ ซึ่งแต่ละจังหวัดล้วนเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม วัฒนธรรมที่เปี่ยมมนต์ขลัง ของอร่อยท้องถิ่นเลิศรส และเสน่ห์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลจนสามารถเที่ยวได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ
แพลนทริปนี้จะเป็นแพลนทริปที่สามารถเที่ยวโทโฮคุได้สนุกเต็มที่อย่างไม่เกี่ยงฤดูกาล โดยมีตัวช่วยพิเศษคือตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋วพาสของ JR East ที่สามารถใช้นั่งรถไฟรอบโทโฮคุได้อย่างไม่จำกัดภายในเวลา 5 วันติดกัน ทั้งยังสามารถใช้จองที่นั่งและขึ้นรถไฟธีมพิเศษ Joyful Train ได้ฟรีอีกด้วย!
ทั้งนี้ ทริปนี้เป็นทริปแนวผจญภัยที่เราจะเที่ยวรอบ 6 จังหวัดของโทโฮคุใน 5 วันและจะมีการเช็คอินและเช็คเอ้าท์โรงแรมในทุกวัน ดังนั้นเราขอแนะนำให้เพื่อนๆ แพ๊คกระเป๋าให้คล่องตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้สามารถสนุกกับทริปนี้ได้อย่างเต็มที่
ทริปนี้เหมาะกับใคร?
ทริปนี้เหมาะกับคนที่อยากจัดทริปนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่นแทนการเช่ารถขับ และเหมาะสำหรับคนที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบเก็บไฮไลท์และจังหวัดในญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุดในเวลาและงบที่จำกัด
ทั้งนี้ ทริปนี้เหมาะกับการเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีความคล่องตัว และอาจไม่เหมาะกับการเดินทางในกลุ่มที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
ถ้าพร้อมแล้ว มาดูแพลนทริปเที่ยวโทโฮคุแบบสนุกคุ้มสุดๆ ตลอด 5 วันกันเลยค่ะ!
วันที่ 2 ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะ
วันที่ 2 นี้เราจะมาปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะเมืองหลักแห่งจังหวัดอิวาเตะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกัน โดยเส้นทางจะเป็นเส้นทางปั่นจักรยานในเมืองแบบชิวๆ ที่ไม่ได้สมบุกสมบันอะไร เพราะงั้นแต่งตัวสวยๆหล่อๆ แล้วออกเดินทางกันได้เลย
ก่อนอื่นเราต้องไปเช่าจักรยานที่ Hello Cycling (ハローサイクリング チャリオ) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี Morioka กันก่อนนะ
Hello Cycling เป็นหนึ่งในบริการ Share Cycle ที่ให้เราเช่าจักรยานเพื่อการเดินทางในเมืองที่สะดวกยิ่งขึ้น โดยขั้นตอนในการเช่านั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียง
1.สร้าง Account ในเว็บไซค์หรือเแอปพลิเคชั่น (แอปพลิเคชั่น Hello Cycling นี้มีการล็อคโซน สามารถโหลดได้เมื่ออยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
2.ค้นหาสถานีจักรยานที่ต้องการและจองการเช่าจักรยานล่วงหน้า สำหรับทริปนี้จะเป็นสถานี Morioka-ekimae Chika Chuurinjo (盛岡駅前地下駐輪場) สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
3.หลังจากเลือกจักรยานที่ต้องการเช่าและกดจองชำระเงินเรียบร้อย ให้ไปยังสถานีจักรยานที่จองจักรยานไว้ภายใน 30 นาที ในช่วงระหว่างนั้นจะมีอีเมล์ยืนยันการเช่าจักรยานมายังอีเมล์ที่เราลงทะเบียน Account ไว้
4.เช็คหมายเลขจักรยานและหาจักรยานคันที่จองไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเจอแล้วให้กรอกรหัส 4 หลักที่ได้ในเมล์ในแผงที่หัวจักรยานเพื่อปลดล็อคจักรยาน แล้วก็เริ่มเที่ยวโมริโอกะได้เลย! ส่วนในขั้นตอนการคืนนั้นก็ง่ายๆ เพียงจอดจักรยานไว้ที่เดิมแล้วกดปุ่ม RETURN ที่แผงเป็นอันเรียบร้อย
SPOT 5: สวนปราสาทโมริโอกะ
สวนปราสาทโมริโอกะ (盛岡城跡公園, Morioka Castle Site Park) เป็นสวนที่ครอบคลุมพื้นที่เดิมของปราสาทโมริโอกะที่ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1611 และปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมืองโมริโอกะ เพื่อนๆ ที่ไปถึงอาจจะแปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีอาคารปราสาทให้เห็นอย่างปราสาทโอซาก้าหรือปราสาทนาโกย่า ทั้งนี้เพราะตัวอาคารที่สร้างเสร็จนั้นถูกไฟไหม้ไปในปีค.ศ. 1634 ซึ่งเป็นเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้นหลังจากที่อาคารสามชั้นของปราสาทถูกสร้างเสร็จ และหลังจากนั้นตัวปราสาทก็ไม่ได้ถูกบูรณะขึ้นอีกเลย จึงเหลือเพียงกำแพงหินที่เป็นฐานของปราสาทอย่างที่เห็นในปัจจุบันเท่านั้น ถึงอย่างนั้น สวนปราสาทโมริโอกะนับเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ถูกจัดให้มีความสวยงามร่มรี่น ทั้งยังเป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยมแห่งจังหวัดอิวาเตะอีกด้วย
สวนปราสาทโมริโอกะ (盛岡城跡公園, Morioka Castle Site Park)
ที่อยู่: 1-1-37 Uchimaru, Morioka, Iwate 020-0023, Japan
เวลาทำการ: เปิด 24 ชั่วโมง
วันหยุด: ไม่มี
Website: moriokashiroato.jp
SPOT 6: Bank of Iwate Red Brick Building
Bank of Iwate Red Brick Building (岩手銀行旧中ノ橋支店) เป็นอาคารที่เคยเป็นที่ตั้งของธนาคารอิวาเตะและเป็นอาคารที่มีมาตั้งแต่ยุคเมจิ ดังนั้นเราจะได้เห็นความสวยงามของอาคารตะวันตกในญี่ปุ่นสมัยเมจิ ด้วยความเป็นมาและความสวยงามนี้ Bank of Iwate Red Brick Building จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและกลายเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างในปัจจุบัน
อาคารภายในจะถูกแบ่งออกเป็นโซนธนาคารอิวาเตะที่สามารถเข้าได้ฟรีและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของท้องถิ่นนี้ได้ และอีกโซนหนึ่งคือโซนธนาคารโมริโอกะที่เราสามารถเข้าชมห้องรับรอง ห้องประชุม และห้องสำคัญอื่นๆ ของธนาคารที่ยังคงถูกเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนในครั้งที่ธนาคารแห่งนี้ยังเปิดให้บริการอยู่
Bank of Iwate Red Brick Building (岩手銀行旧中ノ橋支店)
ที่อยู่: 1 Chome-2-16 Nakanohashidori, Morioka, Iwate 020-0871, Japan
เวลาทำการ: 10.00 – 17.00 น.
วันหยุด: เสาร์ – อาทิตย์
ค่าเข้า: บุคคลทั่วไป (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 300 เยน, นักเรียนประถม / มัธยมต้น 100 เยน , เด็กเล็กเข้าฟรี
Website: iwagin-akarengakan.jp
SPOT 7: ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ (老舗白沢せんべい店, Shirasawa Senbei Shop) เป็นร้านจำหน่ายนันบุเซมเบ้ (南部せんべい) ซึ่งเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อประจำเมืองโมริโอกะ ด้วยอดีตที่พื้นที่แห่งนี้เจอกับภาวะอดอยากอยู่บ่อยครั้ง เซมเบ้ที่เป็นอาหารแห้งซึ่งเก็บได้นานจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของคนท้องถิ่นโดยแต่ละบ้านจะทำเซมเบ้เก็บไว้กินกันเองในครัวเรือน
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะเปิดขายเซมเบ้ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1936 โดยจำหน่ายทั้งเซมเบ้ดั้งเดิมของโมริโอกะเช่นเซมเบ้งาและอีกมากมายที่ใช้แป้งท้องถิ่นของจังหวัดอิวาเตะเป็นวัตถุดิบ ทำให้เซมเบ้ที่นี่มีทั้งความอร่อยที่ได้จากวัตถุดิบท้องถิ่นและความพิถีพิถันในการทำเซมเบ้ที่ส่งต่อกันมาช้านาน
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ (老舗白沢せんべい店, Shirasawa Senbei Shop)
ที่อยู่: 2-16 Konyacho, Morioka, Iwate 020-0885, Japan
เวลาทำการ: 9.00 – 17.40 น.
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: okashi-net.com
SPOT 8: มื้อกลางวันที่ร้าน KARAKOMA
หลังจากแวะซื้อขนมเซมเบ้กันแล้ว เราก็มาพักทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน KARAKOMA ร้านอาหารวีแกนเล็กๆ น่ารักที่เสิร์ฟเมนูวีแกนอร่อยหน้าตาน่ากินมากมายที่ไม่ว่าใครๆ ก็อร่อยได้ โดยมีทั้งเมนูเบ็นโตะ และข้าวราดหน้าที่ประกอบด้วยวัตถุดิบจากเต้าหู้และเนื้อมังสวิรัติที่หลายคนรีวิวว่าอร่อยจนลืมไปเลยว่านี่คือร้านวีแกน
KARAKOMA
ที่อยู่:1-44 Kaminohashicho, Morioka, Iwate 020-0887, Japan
เวลาทำการ: 11.30 – 14.00 น. (อาหารกลางวัน), 17.30 – 21.00 น. (อาหารเย็น)
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: KARAKOMA Facebook
SPOT 9: สำนักพิมพ์โคเกนฉะ
สำนักพิมพ์โคเกนฉะ (光原社, KOGENSYA Honten) เป็นสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือรวมนิทานเด็ก “ภัตตาคารมากคำสั่ง (注文の多い料理店, The Restaurant That has Manu Orders)” ของมิยาซาวะ เคนจิ (宮沢賢治, Miyazawa Kenji) และยังได้มิยาซาวะ เคนจิเป็นผู้ตั้งชื่อสำนักพิมพ์ให้อีกด้วย นอกจากเพื่อนๆ จะได้ชมและช้อปของฝากที่มีธีมเกี่ยวกับวรรณกรรมมิยาซาวะ เคนจิแล้ว ที่นี่ยังมี “คาฮิคัง (可否館, Kogensya Coffee Kan)” คาเฟ่กระท่อมไม้ที่ดูราวกับหลุดออกมาจากภัตตาคารปริศนาในเรื่อง “ภัตตาคารมากคำสั่ง” ก็ไม่ปาน โดยเราสามารถอร่อยกับเครื่องดื่มชากาแฟตามชอบพร้อมกับขนมหวานเช่นคุ้กกี้วอลนัทที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมของมิยาซาวะ เคนจิอีกด้วย
สำนักพิมพ์โคเกนฉะ (光原社, KOGENSYA Honten) และคาฮิคัง (可否館, Kogensya Coffee Kan)
ที่อยู่: 2-18 Zaimokucho, Morioka, Iwate 020-0063, Japan
เวลาทำการ: 10.00 – 18.00 น. (วันเสาร์เปิดถึง 14.00 น.)
วันหยุด: ทุกวันที่ 15 ของเดือนมิ.ย. และก.ค.
Website: morioka-kogensya.sakura.ne.jp
หลังเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะและอร่อยกับอาหารแล้ว ช่วงบ่ายจะเป็นการเดินทางออกจากเมืองโมริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ และมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังเมืองอาโอโมริ จังหวัดอาโอโมริซึ่งขึ้นชื่อในฐานะอาณาจักรแห่งแอปเปิ้ลและเทศกาลโคมไฟยักษ์เนบูตะ (ねぶた祭り, Nebuta Festival) สุดอลังการ
SPOT 10: Nebuta Museum WARASSE
เมื่อนั่งรถไฟมาถึงที่สถานี Aomori หากไม่อยากถือสัมภาระเยอะอาจไปเช็คอินโรงแรมที่พักก่อนแล้วค่อยออกมาเดินเที่ยวก็ได้ หรือหากใครไม่อยากเสียเวลาก็มุ่งหน้าตรงไปยังพิพิธภัณฑ์ใกล้สถานีซึ่งภายนอกถูกตกแต่งให้ดูเหมือนริ้วม่านแปลกตานี้ได้เลย ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ Nebuta Museum WARASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ) พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะโดยเฉพาะ ซึ่งให้เพื่อนๆ ได้ชมทั้งโคมยักษ์ของจริงจากเทศกาลปีก่อน และร่วมเต้นรำกับนักเต้นรำในงานเทศกาล ทั้งยังลองตีกลองไทโกะได้ด้วย นับเป็นสถานที่ที่ให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกับเทศกาลโคมยักษ์ที่มีเสน่ห์ของอาโอโมริได้ตลอดทั้งปี
Nebuta Museum WARASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ)
ที่อยู่: 1 Chome-1-1 Yasukata, Aomori, 030-0803 Japan
วันเวลาทำการ: 9.00 – 19.00 (เปิดถึง 18.00 ช่วงกันยายน-เมษายน)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 620 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 460 เยน / นักเรียนประถม-มัธยมต้น 260 เยน
Website: www.nebuta.jp (ภาษาอังกฤษ)
SPOT 11: A-Factory
หลังตื่นตากับโคมไฟยักษ์กันแล้ว ไปชิมและช้อปสินค้ามากมายที่ผลิตจากแอปเปิ้ลซึ่งเป็นของดีจังหวัดอาโอโมริกันต่อที่ A-Factory ศูนย์รวมร้านค้าและสินค้าที่ทำจากแอปเปิ้ล เช่นแอปเปิ้ลไซเดอร์ และที่พลาดไม่ได้คือแนะนำให้ลองชิมเจลาโต้ที่ทำจากแอปเปิ้ลหลากชนิดซึ่งให้รสเปรี้ยวและหวานต่างกันออกไป นอกจากนี้อาคารที่นี่ยังมีดีไซน์เก๋ไก๋ เป็น Photo Spot ให้ถ่ายรูปรัวๆ ลงโซเชียลได้อีกด้วย
A-Factory
ที่อยู่: 1 Chome-4-2 Yanakawa, Aomori, 038-0012, Japan
เวลาทำการ: 9.00 – 20.00 น.
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: jre-abc.com
SPOT 12: Aomori Prefecture Tourist Information
จากนั้นก็ได้เวลาอร่อยกับมื้อเย็นที่ Aomori Prefecture Tourist Information โดยระหว่างทางเดินไปเราจะใช้เส้นทาง Aomori Labridge ซึ่งเป็นทางเดินสะพานเลียบทะเลเพื่อชมวิวทะเลอ่าวอาโอโมริยามเย็นกันได้ สำหรับที่ Aomori Prefecture Tourist Information นั้น สามารถเลือกอร่อยกับร้านอาหารและขนมที่มีอยู่มากมายได้ โดยร้านหนึ่งที่ขอแนะนำคือ Michinoku Nishimura (みちのく料理「西村」) ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนชั้น 10 ของที่นี่
นอกจากจะได้อร่อยกับอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของอาโอโมริมากมายแล้ว ห้องอาหารของร้านที่นี่ยังตกแต่งสไตล์ห้องญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมกระจกบานใหญ่ให้เราได้ชมวิวสวยงามของเมืองอาโอโมริยามค่ำคืนได้อีกด้วย
ที่อยู่: 10F ASPAM 1-40, 1 Chome, Yasutaka, Aomori, 030-0803 Japan
เวลาทำการ: กลางวัน 11.00 – 15.30 น. (Last Order 15.00 น.),
กลางคืน (เม.ย.-ต.ค.) 17.00 – 21.00 น. (Last Order 20.30 น.) ,
กลางคืน (พ.ย.-มี.ค.) 16.30 – 20.00 น. (Last Order 19.30 น.)
วันหยุด: ไม่แน่นอน อิงตามวันหยุดของทาง Aomori Prefecture Tourist Information
Website: michinokunishimura.gorp.jp
คืนนี้ค้างที่นี่: สถานี JR Aomori
เมื่อมาถึงสถานี JR Aomori เพื่อนๆ สามารถเดินไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนได้ โดยโรงแรมใกล้สถานี JR Aomori หนึ่งที่แนะนำคือโรงแรม APA Hotel Aomorieki Kenchodori หนึ่งในโรงแรมเครือ APA ที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่โดยเป็นโรงแรม 3 ดาวที่เดินทางได้สะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ ในราคา 4,000 เยน (พัก 1 คน) -5,000 (พัก 2 คน) เยนต่อคืนต่อห้อง
ให้ทริปโทโฮคุง่ายขึ้น! ด้วย JR EAST PASS (Tohoku Area)
JR EAST PASS (Tohoku Area) เป็นตั๋วประเภท Pass จาก JR East ที่จะมาปลดล็อคให้การเดินทางในโทโฮคุง่ายขึ้นในราคาเพียง 20,000 เยน เพียงจองตั๋วออนไลน์แล้วมารับตั๋วที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ในโทโฮคุได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วอื่นเพิ่ม และยังนั่งรถไฟและบัสในเครือ JR East ได้ไม่จำกัดรอบตลอดระยะเวลาอายุตั๋ว 5 วัน รวมถึงยังสามารถนั่งชินกันเซนและรถไฟ Joyful Train อย่าง Toreiyu Tsubasa เพื่อเพิ่มสีสันให้กับทริปได้อีกด้วย!
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ JR EAST PASS จองที่นั่งแบบระบุที่นั่งบนชินกันเซนหรือ Joyful Train แบบออนไลน์ได้ฟรี! โดยมีเงื่อนไขเพียงต้องจองล่วงหน้า 1 เดือนเท่านั้น!
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง JR EAST PASS (Tohoku Area)
เกี่ยวกับ JR EAST PASS: jreast.com
จองตั๋ว JR EAST PASS: eki-net.com
Special Thanks : JR EAST
ข้อมูลจาก : Anngle Thailand
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 1)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 2)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 3)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 4)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 5)
แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน
ในบทความนี้เราจะขอแนะนำแพลนทริปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ (東北地方, Tohoku) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่ประกอบด้วย 6 จังหวัดได้แก่ อาโอโมริ อาคิตะ อิวาเตะ ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และมิยางิ ซึ่งแต่ละจังหวัดล้วนเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม วัฒนธรรมที่เปี่ยมมนต์ขลัง ของอร่อยท้องถิ่นเลิศรส และเสน่ห์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลจนสามารถเที่ยวได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ
แพลนทริปนี้จะเป็นแพลนทริปที่สามารถเที่ยวโทโฮคุได้สนุกเต็มที่อย่างไม่เกี่ยงฤดูกาล โดยมีตัวช่วยพิเศษคือตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋วพาสของ JR East ที่สามารถใช้นั่งรถไฟรอบโทโฮคุได้อย่างไม่จำกัดภายในเวลา 5 วันติดกัน ทั้งยังสามารถใช้จองที่นั่งและขึ้นรถไฟธีมพิเศษ Joyful Train ได้ฟรีอีกด้วย!
ทั้งนี้ ทริปนี้เป็นทริปแนวผจญภัยที่เราจะเที่ยวรอบ 6 จังหวัดของโทโฮคุใน 5 วันและจะมีการเช็คอินและเช็คเอ้าท์โรงแรมในทุกวัน ดังนั้นเราขอแนะนำให้เพื่อนๆ แพ๊คกระเป๋าให้คล่องตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้สามารถสนุกกับทริปนี้ได้อย่างเต็มที่
ทริปนี้เหมาะกับใคร?
ทริปนี้เหมาะกับคนที่อยากจัดทริปนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่นแทนการเช่ารถขับ และเหมาะสำหรับคนที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบเก็บไฮไลท์และจังหวัดในญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุดในเวลาและงบที่จำกัด
ทั้งนี้ ทริปนี้เหมาะกับการเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีความคล่องตัว และอาจไม่เหมาะกับการเดินทางในกลุ่มที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
ถ้าพร้อมแล้ว มาดูแพลนทริปเที่ยวโทโฮคุแบบสนุกคุ้มสุดๆ ตลอด 5 วันกันเลยค่ะ!
วันที่ 2 ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะ
วันที่ 2 นี้เราจะมาปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะเมืองหลักแห่งจังหวัดอิวาเตะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกัน โดยเส้นทางจะเป็นเส้นทางปั่นจักรยานในเมืองแบบชิวๆ ที่ไม่ได้สมบุกสมบันอะไร เพราะงั้นแต่งตัวสวยๆหล่อๆ แล้วออกเดินทางกันได้เลย
ก่อนอื่นเราต้องไปเช่าจักรยานที่ Hello Cycling (ハローサイクリング チャリオ) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี Morioka กันก่อนนะ
Hello Cycling เป็นหนึ่งในบริการ Share Cycle ที่ให้เราเช่าจักรยานเพื่อการเดินทางในเมืองที่สะดวกยิ่งขึ้น โดยขั้นตอนในการเช่านั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียง
1.สร้าง Account ในเว็บไซค์หรือเแอปพลิเคชั่น (แอปพลิเคชั่น Hello Cycling นี้มีการล็อคโซน สามารถโหลดได้เมื่ออยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
2.ค้นหาสถานีจักรยานที่ต้องการและจองการเช่าจักรยานล่วงหน้า สำหรับทริปนี้จะเป็นสถานี Morioka-ekimae Chika Chuurinjo (盛岡駅前地下駐輪場) สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
3.หลังจากเลือกจักรยานที่ต้องการเช่าและกดจองชำระเงินเรียบร้อย ให้ไปยังสถานีจักรยานที่จองจักรยานไว้ภายใน 30 นาที ในช่วงระหว่างนั้นจะมีอีเมล์ยืนยันการเช่าจักรยานมายังอีเมล์ที่เราลงทะเบียน Account ไว้
4.เช็คหมายเลขจักรยานและหาจักรยานคันที่จองไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเจอแล้วให้กรอกรหัส 4 หลักที่ได้ในเมล์ในแผงที่หัวจักรยานเพื่อปลดล็อคจักรยาน แล้วก็เริ่มเที่ยวโมริโอกะได้เลย! ส่วนในขั้นตอนการคืนนั้นก็ง่ายๆ เพียงจอดจักรยานไว้ที่เดิมแล้วกดปุ่ม RETURN ที่แผงเป็นอันเรียบร้อย
SPOT 5: สวนปราสาทโมริโอกะ
สวนปราสาทโมริโอกะ (盛岡城跡公園, Morioka Castle Site Park) เป็นสวนที่ครอบคลุมพื้นที่เดิมของปราสาทโมริโอกะที่ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1611 และปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมืองโมริโอกะ เพื่อนๆ ที่ไปถึงอาจจะแปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีอาคารปราสาทให้เห็นอย่างปราสาทโอซาก้าหรือปราสาทนาโกย่า ทั้งนี้เพราะตัวอาคารที่สร้างเสร็จนั้นถูกไฟไหม้ไปในปีค.ศ. 1634 ซึ่งเป็นเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้นหลังจากที่อาคารสามชั้นของปราสาทถูกสร้างเสร็จ และหลังจากนั้นตัวปราสาทก็ไม่ได้ถูกบูรณะขึ้นอีกเลย จึงเหลือเพียงกำแพงหินที่เป็นฐานของปราสาทอย่างที่เห็นในปัจจุบันเท่านั้น ถึงอย่างนั้น สวนปราสาทโมริโอกะนับเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ถูกจัดให้มีความสวยงามร่มรี่น ทั้งยังเป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยมแห่งจังหวัดอิวาเตะอีกด้วย
สวนปราสาทโมริโอกะ (盛岡城跡公園, Morioka Castle Site Park)
ที่อยู่: 1-1-37 Uchimaru, Morioka, Iwate 020-0023, Japan
เวลาทำการ: เปิด 24 ชั่วโมง
วันหยุด: ไม่มี
Website: moriokashiroato.jp
SPOT 6: Bank of Iwate Red Brick Building
Bank of Iwate Red Brick Building (岩手銀行旧中ノ橋支店) เป็นอาคารที่เคยเป็นที่ตั้งของธนาคารอิวาเตะและเป็นอาคารที่มีมาตั้งแต่ยุคเมจิ ดังนั้นเราจะได้เห็นความสวยงามของอาคารตะวันตกในญี่ปุ่นสมัยเมจิ ด้วยความเป็นมาและความสวยงามนี้ Bank of Iwate Red Brick Building จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและกลายเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างในปัจจุบัน
อาคารภายในจะถูกแบ่งออกเป็นโซนธนาคารอิวาเตะที่สามารถเข้าได้ฟรีและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของท้องถิ่นนี้ได้ และอีกโซนหนึ่งคือโซนธนาคารโมริโอกะที่เราสามารถเข้าชมห้องรับรอง ห้องประชุม และห้องสำคัญอื่นๆ ของธนาคารที่ยังคงถูกเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนในครั้งที่ธนาคารแห่งนี้ยังเปิดให้บริการอยู่
Bank of Iwate Red Brick Building (岩手銀行旧中ノ橋支店)
ที่อยู่: 1 Chome-2-16 Nakanohashidori, Morioka, Iwate 020-0871, Japan
เวลาทำการ: 10.00 – 17.00 น.
วันหยุด: เสาร์ – อาทิตย์
ค่าเข้า: บุคคลทั่วไป (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 300 เยน, นักเรียนประถม / มัธยมต้น 100 เยน , เด็กเล็กเข้าฟรี
Website: iwagin-akarengakan.jp
SPOT 7: ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ (老舗白沢せんべい店, Shirasawa Senbei Shop) เป็นร้านจำหน่ายนันบุเซมเบ้ (南部せんべい) ซึ่งเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อประจำเมืองโมริโอกะ ด้วยอดีตที่พื้นที่แห่งนี้เจอกับภาวะอดอยากอยู่บ่อยครั้ง เซมเบ้ที่เป็นอาหารแห้งซึ่งเก็บได้นานจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของคนท้องถิ่นโดยแต่ละบ้านจะทำเซมเบ้เก็บไว้กินกันเองในครัวเรือน
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะเปิดขายเซมเบ้ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1936 โดยจำหน่ายทั้งเซมเบ้ดั้งเดิมของโมริโอกะเช่นเซมเบ้งาและอีกมากมายที่ใช้แป้งท้องถิ่นของจังหวัดอิวาเตะเป็นวัตถุดิบ ทำให้เซมเบ้ที่นี่มีทั้งความอร่อยที่ได้จากวัตถุดิบท้องถิ่นและความพิถีพิถันในการทำเซมเบ้ที่ส่งต่อกันมาช้านาน
ร้านเซมเบ้ชิราซาวะ (老舗白沢せんべい店, Shirasawa Senbei Shop)
ที่อยู่: 2-16 Konyacho, Morioka, Iwate 020-0885, Japan
เวลาทำการ: 9.00 – 17.40 น.
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: okashi-net.com
SPOT 8: มื้อกลางวันที่ร้าน KARAKOMA
หลังจากแวะซื้อขนมเซมเบ้กันแล้ว เราก็มาพักทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน KARAKOMA ร้านอาหารวีแกนเล็กๆ น่ารักที่เสิร์ฟเมนูวีแกนอร่อยหน้าตาน่ากินมากมายที่ไม่ว่าใครๆ ก็อร่อยได้ โดยมีทั้งเมนูเบ็นโตะ และข้าวราดหน้าที่ประกอบด้วยวัตถุดิบจากเต้าหู้และเนื้อมังสวิรัติที่หลายคนรีวิวว่าอร่อยจนลืมไปเลยว่านี่คือร้านวีแกน
KARAKOMA
ที่อยู่:1-44 Kaminohashicho, Morioka, Iwate 020-0887, Japan
เวลาทำการ: 11.30 – 14.00 น. (อาหารกลางวัน), 17.30 – 21.00 น. (อาหารเย็น)
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: KARAKOMA Facebook
SPOT 9: สำนักพิมพ์โคเกนฉะ
สำนักพิมพ์โคเกนฉะ (光原社, KOGENSYA Honten) เป็นสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือรวมนิทานเด็ก “ภัตตาคารมากคำสั่ง (注文の多い料理店, The Restaurant That has Manu Orders)” ของมิยาซาวะ เคนจิ (宮沢賢治, Miyazawa Kenji) และยังได้มิยาซาวะ เคนจิเป็นผู้ตั้งชื่อสำนักพิมพ์ให้อีกด้วย นอกจากเพื่อนๆ จะได้ชมและช้อปของฝากที่มีธีมเกี่ยวกับวรรณกรรมมิยาซาวะ เคนจิแล้ว ที่นี่ยังมี “คาฮิคัง (可否館, Kogensya Coffee Kan)” คาเฟ่กระท่อมไม้ที่ดูราวกับหลุดออกมาจากภัตตาคารปริศนาในเรื่อง “ภัตตาคารมากคำสั่ง” ก็ไม่ปาน โดยเราสามารถอร่อยกับเครื่องดื่มชากาแฟตามชอบพร้อมกับขนมหวานเช่นคุ้กกี้วอลนัทที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมของมิยาซาวะ เคนจิอีกด้วย
สำนักพิมพ์โคเกนฉะ (光原社, KOGENSYA Honten) และคาฮิคัง (可否館, Kogensya Coffee Kan)
ที่อยู่: 2-18 Zaimokucho, Morioka, Iwate 020-0063, Japan
เวลาทำการ: 10.00 – 18.00 น. (วันเสาร์เปิดถึง 14.00 น.)
วันหยุด: ทุกวันที่ 15 ของเดือนมิ.ย. และก.ค.
Website: morioka-kogensya.sakura.ne.jp
หลังเที่ยวรอบเมืองโมริโอกะและอร่อยกับอาหารแล้ว ช่วงบ่ายจะเป็นการเดินทางออกจากเมืองโมริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ และมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังเมืองอาโอโมริ จังหวัดอาโอโมริซึ่งขึ้นชื่อในฐานะอาณาจักรแห่งแอปเปิ้ลและเทศกาลโคมไฟยักษ์เนบูตะ (ねぶた祭り, Nebuta Festival) สุดอลังการ
SPOT 10: Nebuta Museum WARASSE
เมื่อนั่งรถไฟมาถึงที่สถานี Aomori หากไม่อยากถือสัมภาระเยอะอาจไปเช็คอินโรงแรมที่พักก่อนแล้วค่อยออกมาเดินเที่ยวก็ได้ หรือหากใครไม่อยากเสียเวลาก็มุ่งหน้าตรงไปยังพิพิธภัณฑ์ใกล้สถานีซึ่งภายนอกถูกตกแต่งให้ดูเหมือนริ้วม่านแปลกตานี้ได้เลย ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ Nebuta Museum WARASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ) พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะโดยเฉพาะ ซึ่งให้เพื่อนๆ ได้ชมทั้งโคมยักษ์ของจริงจากเทศกาลปีก่อน และร่วมเต้นรำกับนักเต้นรำในงานเทศกาล ทั้งยังลองตีกลองไทโกะได้ด้วย นับเป็นสถานที่ที่ให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกับเทศกาลโคมยักษ์ที่มีเสน่ห์ของอาโอโมริได้ตลอดทั้งปี
Nebuta Museum WARASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ)
ที่อยู่: 1 Chome-1-1 Yasukata, Aomori, 030-0803 Japan
วันเวลาทำการ: 9.00 – 19.00 (เปิดถึง 18.00 ช่วงกันยายน-เมษายน)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 620 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 460 เยน / นักเรียนประถม-มัธยมต้น 260 เยน
Website: www.nebuta.jp (ภาษาอังกฤษ)
SPOT 11: A-Factory
หลังตื่นตากับโคมไฟยักษ์กันแล้ว ไปชิมและช้อปสินค้ามากมายที่ผลิตจากแอปเปิ้ลซึ่งเป็นของดีจังหวัดอาโอโมริกันต่อที่ A-Factory ศูนย์รวมร้านค้าและสินค้าที่ทำจากแอปเปิ้ล เช่นแอปเปิ้ลไซเดอร์ และที่พลาดไม่ได้คือแนะนำให้ลองชิมเจลาโต้ที่ทำจากแอปเปิ้ลหลากชนิดซึ่งให้รสเปรี้ยวและหวานต่างกันออกไป นอกจากนี้อาคารที่นี่ยังมีดีไซน์เก๋ไก๋ เป็น Photo Spot ให้ถ่ายรูปรัวๆ ลงโซเชียลได้อีกด้วย
A-Factory
ที่อยู่: 1 Chome-4-2 Yanakawa, Aomori, 038-0012, Japan
เวลาทำการ: 9.00 – 20.00 น.
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
Website: jre-abc.com
SPOT 12: Aomori Prefecture Tourist Information
จากนั้นก็ได้เวลาอร่อยกับมื้อเย็นที่ Aomori Prefecture Tourist Information โดยระหว่างทางเดินไปเราจะใช้เส้นทาง Aomori Labridge ซึ่งเป็นทางเดินสะพานเลียบทะเลเพื่อชมวิวทะเลอ่าวอาโอโมริยามเย็นกันได้ สำหรับที่ Aomori Prefecture Tourist Information นั้น สามารถเลือกอร่อยกับร้านอาหารและขนมที่มีอยู่มากมายได้ โดยร้านหนึ่งที่ขอแนะนำคือ Michinoku Nishimura (みちのく料理「西村」) ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนชั้น 10 ของที่นี่
นอกจากจะได้อร่อยกับอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของอาโอโมริมากมายแล้ว ห้องอาหารของร้านที่นี่ยังตกแต่งสไตล์ห้องญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมกระจกบานใหญ่ให้เราได้ชมวิวสวยงามของเมืองอาโอโมริยามค่ำคืนได้อีกด้วย
ที่อยู่: 10F ASPAM 1-40, 1 Chome, Yasutaka, Aomori, 030-0803 Japan
เวลาทำการ: กลางวัน 11.00 – 15.30 น. (Last Order 15.00 น.),
กลางคืน (เม.ย.-ต.ค.) 17.00 – 21.00 น. (Last Order 20.30 น.) ,
กลางคืน (พ.ย.-มี.ค.) 16.30 – 20.00 น. (Last Order 19.30 น.)
วันหยุด: ไม่แน่นอน อิงตามวันหยุดของทาง Aomori Prefecture Tourist Information
Website: michinokunishimura.gorp.jp
คืนนี้ค้างที่นี่: สถานี JR Aomori
เมื่อมาถึงสถานี JR Aomori เพื่อนๆ สามารถเดินไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนได้ โดยโรงแรมใกล้สถานี JR Aomori หนึ่งที่แนะนำคือโรงแรม APA Hotel Aomorieki Kenchodori หนึ่งในโรงแรมเครือ APA ที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่โดยเป็นโรงแรม 3 ดาวที่เดินทางได้สะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ ในราคา 4,000 เยน (พัก 1 คน) -5,000 (พัก 2 คน) เยนต่อคืนต่อห้อง
ให้ทริปโทโฮคุง่ายขึ้น! ด้วย JR EAST PASS (Tohoku Area)
JR EAST PASS (Tohoku Area) เป็นตั๋วประเภท Pass จาก JR East ที่จะมาปลดล็อคให้การเดินทางในโทโฮคุง่ายขึ้นในราคาเพียง 20,000 เยน เพียงจองตั๋วออนไลน์แล้วมารับตั๋วที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ในโทโฮคุได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วอื่นเพิ่ม และยังนั่งรถไฟและบัสในเครือ JR East ได้ไม่จำกัดรอบตลอดระยะเวลาอายุตั๋ว 5 วัน รวมถึงยังสามารถนั่งชินกันเซนและรถไฟ Joyful Train อย่าง Toreiyu Tsubasa เพื่อเพิ่มสีสันให้กับทริปได้อีกด้วย!
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ JR EAST PASS จองที่นั่งแบบระบุที่นั่งบนชินกันเซนหรือ Joyful Train แบบออนไลน์ได้ฟรี! โดยมีเงื่อนไขเพียงต้องจองล่วงหน้า 1 เดือนเท่านั้น!
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง JR EAST PASS (Tohoku Area)
เกี่ยวกับ JR EAST PASS: jreast.com
จองตั๋ว JR EAST PASS: eki-net.com
Special Thanks : JR EAST
ข้อมูลจาก : Anngle Thailand
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 1)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 2)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 3)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 4)
ครั้งหนึ่งในชีวิต! แพลนตะลุยเที่ยวโทโฮคุแบบครบรสทั้ง 6 จังหวัดใน 5 วัน (Day 5)