นายกฯ ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นเผชิญปัญหาสุขภาพ และการสนับสนุนที่ตกต่ำสุดขีดจากการรับมือการระบาดของโรคโควิด สร้างแรงกดดันให้เขาอาจต้องถอนตัวจากการเป็นผู้นำญี่ปุ่นก่อนจะสิ้นสุดวาระในตำแหน่งเดือนกันยายน ปีหน้า
สัปดาห์ที่ผ่านมา นายชินโซ อาเบะ เดินทางไปที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคโอถึง 2 ครั้งในเพื่อตรวจสุขภาพ ทั้ง ๆ ที่ผู้นำญี่ปุ่นเพิ่งเข้ารับการตรวจสุขภาพตามกำหนดเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยมีข่าวว่าเขาโรคเก่ากำเริบจนอาเจียนเป็นเลือด ต้องเข้ารับการตรวจซีทีสแกน
นายอาเบะกล่าวถึงการไปโรงพยาบาลของตนเพียงสั้นๆ ว่า “เข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และจะดูแลรักษาสุขภาพให้ดีเพื่อมุ่งมั่นทำงานต่อไป”
ทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลของญี่ปุ่นต่างถกเถียงเรื่องสุขภาพของนายอาเบะอย่างกว้างขวาง พรรคฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้นายกฯ อาเบะชี้แจงเรื่องสุขภาพของตน แต่พรรครัฐบาลไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าหวังว่าสุขภาพของผู้นำญี่ปุ่นจะแข็งแรงขึ้นโดยเร็ว การที่พรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นรัฐบาลไม่ยอมให้นายอาเบะพูดถึงสุขภาพของตนเองนั้น ถูกตีความว่าอาการป่วยของผู้นำญี่ปุ่นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย
นายอาเบะ ปัจจุบันอายุ 65 ปี โดยในปี 2550 เขาเคยได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต้องลาออกหลังดำรงตำแหน่งได้เพียงปีเดียว เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพจากอาการลำไส้อักเสบ แต่หลังจากนั้นเขาได้รักษาตัวจนหายดี และกลับมาเป็นผู้นำญี่ปุ่นอีกครั้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดหลังจากสิ้นสุดสงครามโลก
ประชาชนไม่พอใจรับมือโควิด คะแนนนิยมตกต่ำสุดขีด
นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว รัฐบาลของนายอาเบะยังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องความล้มเหลวในการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว Go to Travel ที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุนประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในช่วงนี้มากยิ่งกว่าช่วงที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เคยพุ่งสูงถึงวันละกว่า 1,000 คน จนขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวมทั่วญี่ปุ่นมากกว่า 64,000 คน
ถึงแม้บรรดาคณะรัฐมนตรีของนายอาเบะจะบอกว่า นโยบาย Go to Travel จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่บรรดาผู้ว่าการจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งประชาชนชาวญี่ปุ่นกลับเห็นว่า “ผิดที่ผิดเวลา” อย่างยิ่ง ที่จะให้คนออกท่องเที่ยวในยามที่โรคระบาดแพร่กระจาย
มรสุมโควิดซัดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างหนัก GDP ในไตรมาสที่ 2 ลดลงมากถึง 27.8% เมื่อเฉลี่ยอัตราการเจริญเติบโตทั้งปี ขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยมของรัฐบาลอาเบะเดือนสิงหาคมพบว่า ผู้ที่สนับสนุนลดลงเหลือเพียง 32.7％ ส่วนผู้ที่ไม่สนับสนุนอยู่ที่ 48.2％ โดยตามธรรมเนียมทางการเมืองแล้ว หากคะแนนสนับสนุนรัฐบาลลดลงเหลือต่ำกว่า 30% จะถือว่าไม่ได้รับฉันทานุมัติให้บริหารประเทศต่อไป
3 ทางลงรัฐบาลอาเบะ
นายชินโซ อาเบะมีวาระการดำรงตำแหน่งไปจนถึงเดือนกันยายน ปีหน้า แต่จากทั้งปัญหาสุขภาพส่วนตัว ไม่ได้รับการยอมรับในการแก้ปัญหาโควิด ตลอดจนความยากลำบากทางเศรษฐกิจ บรรดานักการเมืองต่างประเมินว่ารัฐบาลของนายอาเบะน่าจะอยู่ได้ไม่ครบวาระจนถึงปีหน้า แม้แต่ภายในพรรคเสรีประชาธิปไตยของนายอาเบะเองก็พูดคุยกันถึงสถานการณ์ "หลังอาเบะ" แล้ว
ทางลงของรัฐบาลอาเบะที่เป็นไปได้ 3 ทาง คือ นายอาเบะลาออกในทันทีเนื่องจากขณะนี้เขาได้บรรลุสถิติเป็นนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นแล้ว คือรวมเป็นนายกฯ 2 สมัยนานกว่า 3,170 วัน นอกจากนี้ นายอาเบะยังอาจเลือกยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในราวเดือนตุลาคม ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือ นายอาบะลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล จากนั้นก็เลือกประธานพรรคคนใหม่ ซึ่งจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย โดยจะอยู่ในตำแหน่งได้จนครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกันยายน ปีหน้า.
