เอเจนซีส์ – รัฐบาลญี่ปุ่นเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสที่ 2/2563 หดตัวแรงเป็นประวัติการณ์ 27.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดหนัก
ทั้งนี้ หากเทียบเป็นรายไตรมาสหลังปรับฤดูกาล (seasonally adjusted quarterly basis) จีดีพีไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นจะหดตัว 7.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการหดตัวติดต่อกันถึง 3 ไตรมาสแล้ว
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า จีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ถือว่าหดตัวแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1955 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่สามารถหาค่าอ้างอิงได้
ก่อนที่ไวรัสจะแพร่ระบาด เศรษฐกิจแดนปลาดิบก็ได้รับผลกระทบหนักหน่วงอยู่แล้วจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ รวมถึงการขึ้นภาษี VAT จาก 8% เป็น 10% เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว และมาถูกซ้ำเติมหนักเข้าไปอีกหลังจากที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
ทางการญี่ปุ่นขอให้ประชาชนเก็บตัวอยู่บ้าน และสั่งปิดภาคธุรกิจต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ภายใต้ประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งถูกบังคับใช้ครั้งแรกที่กรุงโตเกียวและอีก 6 จังหวัดใกล้เคียงเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ก่อนจะขยายครอบคลุมทั่วประเทศ
รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งจะยกเลิกภาวะฉุกเฉินใน 47 จังหวัดทั่วประเทศเมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
การบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 8.2% ในไตรมาส 2 เนื่องจากประชาชนลดการออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าและรับประทานอาหารนอกบ้าน ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการซึ่งครอบคลุมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 18.5%
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่นยังปรับตัวลดลงไม่มากนักเพียง 0.5% เท่านั้น เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเพื่อมาทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ และยุโรป
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดอุปสงค์ภายในประเทศที่สำคัญลดลง 1.5% ส่วนการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนลดลง 0.2% เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดทำให้แนวโน้มธุรกิจตกอยู่ในความไม่แน่นอน