xs
xsm
sm
md
lg

ทําไมยิ่งคนญี่ปุ่นใช้บริการจัดหาคู่กันมากเท่าไหร่ ยิ่งแต่งงานไม่ได้ซะอย่างงั้น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว  อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าถึง 就職活動 Shushoku katsudou หรือเขียนย่อๆ ว่า → 就活 Shukatsu เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการหางาน เพื่อให้ได้เข้าทำงาน  หลังจากเรียนจบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังหมายถึง กิจกรรมสำหรับเด็กจบใหม่หางาน เพื่อให้ได้เป็นพนักงานประจำซึ่งมีเงื่อนไขมากมายที่บอกว่ามีเหตุผลแต่กลับเป็นเหตุผลที่ไม่มีเหตุผลอยู่มากมาย  


มีกรณีหนึ่งสำหรับคนที่เรียนเก่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังบางคนแม้จะยังเรียนไม่จบ แต่ก็มีบางบริษัทเล็งตัวและอยากให้เขาเข้ามาทำงานด้วย ที่ญี่ปุ่นเปรียบเปรยว่าบุคคลเหล่านั้นเขาถือ "Naitei"ไว้แล้ว 内定 naitei เป็นการตัดสินอย่างไม่เป็นทางการล่ะว่าจะรับใครคนใดคนหนึ่งเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ คล้ายๆ มีสัญญาจ้างงานกำอยู่ในมือล่ะ อาจจะยังไม่ได้สัมภาษณ์ด้วยซ้ำ แต่เป็นที่รู้กันอยู่ในใจว่าได้งานแน่ๆ


ซึ่ง "Naitei" นอกจากเรื่องงานแล้ว มีความคล้ายกับเรื่องของความรักมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เกิดในช่วงยุคสมัยของปีโชวะ แล้วใครมี "Naitei" ในมือจะยกเลิกกันไม่ได้ง่ายๆ นะครับ มีความยึดถือแบบเหมือนเป็นสัญญาที่เหนี่ยวแน่นคล้ายกับการทำสัญญารับลูกบุญธรรม ที่เรียกว่า 縁組 engumi ที่มีความหมายประมาณว่าการสร้างความสัมพันธ์อย่างถูกกฎหมายแบบพ่อแม่ลูกระหว่างบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวมาก่อน ,การเชื่อมต่อทางสังคม เช่น การรับเป็นบุตรบุญธรรม และการแต่งงาน การหมั้น เป็นต้น จึงยกเลิกกันไม่ได้ง่ายๆ

วันนี้พูดเรื่อง 婚活 “Konkatsu" กิจกรรมเพื่อการแต่งงาน การหาคู่ในอุดมคติและทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดการแต่งงาน เป็นกิจกรรมสำหรับการหาคู่สมรส ตัวย่อคือ "Konkatsu" ในประเทศญี่ปุ่นการค้นหาคู่สมรสเพื่อการแต่งงานเคยมีการใช้การจับคู่โดยพ่อสื่อแม่สื่อหรือการคลุมถุงชนออกเดทมาก่อนยุคปี 2000 ส่วนปัจจุบันคนที่อยากแต่งงาน แต่ไม่สามารถหาคู่แต่งงานได้ก็อาจจะใช้วิธีการไปลงทะเบียนที่บริษัทรับจัดหาคู่


บริษัทจัดหาคู่ในญี่ปุ่นนั้นมีเยอะมาก บางบริษัทมีสาขาทั่วประเทศ และมีแบ่งตามระดับของสมาชิกอีก ซึ่งค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็อาจจะสูงขึ้นไปด้วยแล้วแต่เกรด บางประเภทมีการกำหนดเงื่อนไขเฉพาะไปเลยว่า ฝ่ายชายจะต้องมีรายได้มากกว่า 10,000,000 เยน/ปี ต้องเป็นหมอ หรือจบจากมหาวิทยาลัย โทได , เคโอ, วาเซดะ เท่านั้น เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้ชายที่มีคุณสมบัติสูงๆ ก็ต้องการเลือกผู้หญิงที่มีการศึกษาสูง รายได้สูง หน้าตาดีให้สมกับฐานะตัวเองไหม แต่นิสัยใจคอละจะเป็นอย่างไร

การใช้บริการบริษัทจัดหาคู่จะมีค่าแรกเข้าหรือค่าลงทะเบียน ซึ่งผมคิดว่าแพงมาก และไม่จบแค่นั้นยังมีค่ารายเดือนที่ต้องจ่ายอีกจิปาถะ บางแห่งต้องจ่ายเมื่อจับคู่ได้สำเร็จจนกระทั่งได้แต่งงานกันด้วย


ดังที่ได้กล่าวมาแล้วบริษัทรับจัดหาคู่ รับตั้งแต่หาคู่จนถึงเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงและงานแต่งงาน อย่างไรก็ตามเป็นแหล่งที่ที่ผู้ชายและผู้หญิงที่จริงจังเกี่ยวกับการแต่งงานมารวมตัวกันในฐานะสมาชิก ต้องผ่านการคัดกรองที่เหมาะสมก่อนเข้าร่วม ต้องใช้เอกสารมากมายโดยเฉพาะต้องยืนยันความเป็นโสด ต้องมีเอกสารแสดงความเป็นโสดที่ต้องไปขอจากทางราชการท้องถิ่น ต้องผ่านการตรวจสอบตามระเบียบและจ่ายค่าลงทะเบียน ซึ่งทุกคนดูจะจริงจังกับการแต่งงาน และแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ที่ลงทะเบียนสมาชิกไว้มีส่วนร่วมในความคิดที่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจแต่งงานทันทีที่เจอคนที่เหมาะสมกับพวกเขา ดังนั้นทุกคนต้องเผชิญหน้ากับคนอื่นๆ อย่างจริงจัง อเจนซี่จัดการเรื่องออกเดทและมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกระดับมืออาชีพ

พูดเรื่องค่าธรรมเนียม สมัยก่อนที่ใช้วิธีการแม่สื่อ พ่อสื่อ ไม่ต้องมีการจ่ายเงินให้ทางพ่อสื่อแม่สื่อแต่เดี๋ยวนี้จะต้องจ่ายเงินให้ทางบริษัทจัดหาคู่ เป็นค่าดำเนินการของบริษัทที่จะช่วยคัดกรองคุณสมบัติสมาชิก มีการตรวจอย่างละเอียด ทั้งหน้าที่การงานว่ามีตามที่ระบุไหม แล้วก็หลักฐานเกี่ยวกับการยืนยันตัวบุคคลที่จำเป็นต่างๆ ถ้าคิดในแง่ดี ก็คงดีกว่าถ้าจะให้คนที่อยากหาคู่ไปหาคู่กันเองตามอินเตอร์เน็ตเพราะว่าในเน็ตไม่มีใครเช็คและการันตีได้ว่าจะเจอคนแบบไหน จะโดนหลอกหรือเปล่า แต่ถ้ามีการลงทะเบียนที่บริษัทอย่างถูกต้องและมีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้แบบนี้ก็ยังดีกว่า และว่ากันว่าตามปกติคนเราอาจจะอยากนำเสนอคุณสมบัติส่วนตัวให้ดูดีขึ้นกว่าที่เป็นจริงบ้างเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามประทับใจ เช่น บอกเงินเดือนสูงกว่าที่เป็นจริง , หรือบอกส่วนสูงให้สูงขึ้น เป็นต้น ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 鯖読み Sabayomi ในความหมายที่ว่าบอกสิ่งที่มากกว่าจำนวนจริง แต่กรณีกรอกข้อมูลเกินจริงจะเป็นไปได้ยากกับการลงทะเบียนข้อมูลที่บริษัทหาคู่ เพราะถ้าบอกเงินเดือนเกินจริง ก็ตรวจสอบได้จากภาษีที่จ่ายไป เป็นต้น เพียงแต่ต้องมีค่าใช้จ่ายให้บริษัทจัดหาคู่ ยกตัวอย่างเมื่อเริ่มลงทะเบียน 100,000 บาท เราอาจจะต้องจ่ายรายเดือนอีกอัตราเดือนละ 10,000 ถึง 15,000 บาท ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตกลงเลือกคู่ได้ ผู้ที่ต้องการหาคู่ต้องจ่ายเงินรายเดือนก็อยากรีบหาคู่ให้ไวที่สุดจะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายเดือนแต่ในขณะเดียวกันบริษัทจัดหาคู่ก็พยามจะดึงเวลาเพื่อที่จะให้สมาชิกที่ลงทะเบียนได้เลือกคนอื่นอีกและดึงเวลาให้เนิ่นนานออกไปจะได้ได้เงินต่อไปหลายๆ เดือน

การดำเนินธุรกิจเช่นนี้เปรียบเหมือนการที่ร้านหมอฟันมอบลูกกวาดหรือช็อคโกแลตเป็นของที่ระลึกให้ลูกค้าตอนที่ลูกค้าจะกลับหลังจากการติดต่อธุระด้วยเลยเชียว !

แล้วน่าจะเป็นใครบ้างที่สนใจและไม่สนใจจะมาลงทะเบียนกับบริษัทจัดหาคู่นี้


●ก่อนอื่นถ้าเป็นผู้หญิงคงจะไม่ค่อยมีสาวสวยวัยรุ่นที่อายุ 20 ต้นๆ เพราะสาววัยรุ่นที่ไหนจะมาลงทะเบียนหาคู่อย่างนี้เพราะว่าเธออยู่ในช่วงที่สวยงามเบ่งบานและยังอยู่ในวัยที่อยู่เฉยๆ ก็มีคนมาจีบ อยู่ในช่วงที่ยังได้รับความนิยม เหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่า 鬼も十八 Oni mo 18(jūhachi) 番茶も出花 bancha mo debana ซึ่ง "bancha" เป็นใบชาที่ราคาย่อมเยา แต่ถ้าสดใหม่เพิ่งรินลงถ้วยชาแรกๆ ได้รับการชงใหม่ แต่ก็มีกลิ่นหอม รสชาติดี กรณีนี้เปรียบกับหญิงสาวอายุ 18 ปี ดังนั้นแม้ผู้หญิงที่ไม่เก่งมาก ไม่มีประสบการณ์ชีวิตมาก แม้ว่าจะอวบอ้วนหรือว่าหน้าตาดูแปลกๆ ไปบ้างแต่ด้วยความเป็นสาวก็จะมีความน่ารักและความสวยมีเสน่ห์ของตัวเอง และยังเป็นที่ดึงดูดด้วยมีเสน่ห์ในวัยแรกแย้ม ซึ่งเด็กๆ สาวๆ เหล่านี้ไม่น่าจะมีใครไปลงทะเบียนที่บริษัทจัดหาคู่อย่างแน่นอน


●ว่ากันว่าคนที่จะมาลงทะเบียนส่วนใหญ่จะมีคนที่ไม่สามารถที่จะหาแฟนได้ด้วยเหตุผลส่วนตัวอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะมีลักษณะอะไรบางอย่าง หรือว่าอยู่มานานจนมีอายุเยอะแล้วโดยเฉพาะสาวๆ อายุ 40- 50 ปี ที่อายุเยอะแล้วไม่สามารถหาคู่ครองได้
ซึ่งที่ไม่สามารถหาคู่ที่ถูกใจ อาจเพราะลักษณะส่วนตัวที่เรียกว่า ไม่เป็นที่นิยม หรือ モテないMotenai ซึ่งมีความต่างของคำว่าモテない Motenai ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายอยู่ซึ่งความแตกต่างกันนั้นต่างโดยสิ้นเชิง เช่นสาวมีข้อจำกัดเรื่องอายุ หรือชายที่มีข้อจำกัดเรื่องรายได้ เป็นต้น เพราะมีคนเล่าว่าส่วนใหญ่คนที่สามารถหาคู่ด้วยตัวเองหรือมีความโดดเด่นอยู่แล้วก็จะสามารถหาคู่ได้เอง ไม่มีใครมาลงทะเบียนที่บริษัทจัดหาคู่นักส่วนคนที่มาลงทะเบียนหาคู่อาจจะเป็นคนที่ไม่สามารถหาคู่ได้ หรือมีเงินเดือนน้อยมีรายได้แค่พอเลี้ยงชีพตนเอง, หรือเรียนจบมหาวิทยาลัยระดับปานกลาง
สรุปคือ กรณีฝ่ายชาย เรื่องรายได้รายปี , ประวัติการศึกษา, ความสูง ส่วนในกรณีของผู้หญิงคือ ประเด็นเรื่องอายุ

●คนประเภทที่ไม่รู้สึกมั่นใจในตัวเอง หรือคนประเภทที่ไม่สามารถดึงความเป็นตัวเองออกมาได้ดี หรือไม่เก่งในการติดต่อกับเพศตรงข้าม อาจมีหลายคนที่ไม่เก่งในการปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามหรือไม่สามารถแสดงออกได้ดี บางคนกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการแต่งงานที่สูงและบางคนคิดว่าเป็นการยากที่จะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ต้องตัดสินใจมาใช้บริการบริษัทจัดหาคู่


●คนที่มีความคาดหวังมากเกินไป ไม่สามารถเจอคนแบบที่ตัวเองคาดหวังได้ในชีวิตจริง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนที่บริษัทจัดหาคู่นั้น ก็มักมีเงื่อนไขที่ต้องการที่พบบ่อยที่สุดคือ ร้องขอฝ่ายตรงข้ามว่าจะต้องมีรายได้ต่อปีสูง โดยเฉพาะสาวๆ ที่คาดหวังจากคู่ครองฝ่ายชาย เรื่องรายได้นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ชายจะต้องมีรายได้ดี ส่วนฝ่ายชายนั้นบ่อยครั้งที่หลายคนต้องการเจอคนอายุน้อยกว่าตัวเอง และสวย เรื่องความคาดหวังของคนนั้นบางทีก็ทำให้โอกาสบางอย่างหมดไป

ซึ่งผู้ลงทะเบียนต้องลงบันทึกประวัติข้อมูลต่างๆ และแนบรูปถ่าย ( รูปถ่ายนั้นๆ เรามองได้แค่รูปลักษณ์ภายนอก) การเลือกคู่แต่งงานแบบนี้จะเลือกบุคคลผ่านข้อมูลและรูปถ่าย ซึ่งอาจจะไม่รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจที่จะเลือกคู่ชีวิตใช่ไหม แม้จะเป็นไปได้ว่า การใช้บริการบริษัทจัดหาคู่แม้จะเจอคนที่มีคุณสมบัติที่ถูกใจแต่จะไปต่อหรือจะรักกันได้จริงหรือ จะได้คนที่คาดหวังอย่างใจไหม นี่คือประเด็นหลักที่ต้องคิด


เพียงแต่ว่าความเป็นจริงแล้ว ปัจจุบันนี้คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะหนุ่มๆไม่ค่อยมีใครอยากแต่งงานนัก บางคนมีแฟน ก็คบกันไปแบบนั้นไม่ลงหลักปักฐานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างสมัยก่อน ดังนั้นบางคนที่ไปลงทะเบียนหาคู่ก็คงจะโดนครอบครัวบังคับหรือว่าเป็นคนที่อยากมีลูกแต่กลายเป็นว่าสาวๆ ที่อยู่ในเครือข่ายสมาชิกที่ได้ลงทะเบียนไว้ อาจจะเป็นสาวๆ ที่อายุเยอะเสียอีก

ปัจจุบันธุรกิจหลายอย่าง เกิดขึ้นมาสนองความต้องการของลูกค้า แม้แต่การเลือกคู่ชีวิตที่จะลงหลักปักฐานแต่งงานสร้างครอบครัวก็กลายเป็นธุรกิจกันไปหมด ถ้ามองจากรูปแบบชีวิตคนญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ จึงคิดว่าทั้งการหางานของคนญี่ปุ่นและการหาคู่ของคนญี่ปุ่นนั้นยากพอๆ กัน วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น