นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วงบทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
1
เท็มมะโจรป่ากักขฬะร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่น ฉวยโอกาสยามดึกคุมสมุนบุกเข้ามาในเรือนเสียงตึงตังโครมคราม ไม่ใส่ใจว่าใครจะตื่น แล้วชี้นิ้วกราดไปรอบด้านบัญชาให้สมุนร่างยักษ์พอกัน แยกย้ายกันรื้อค้นให้ทั่วบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บของ ตู้เก็บที่นอน ไม่เว้นแม้แต่ใต้พื้นเรือน
ส่วนจอมโจรจ่าฝูงทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิวางท่าอยู่ที่เตาผิง ตาแข็งกร้าวของมันสอดสายตามสมุนที่กำลังค้นเรือนด้วยความมาดหมาย
“ชักช้ากันอยู่นั่นและพวกมึง มันต้องเจออะไรมั่งละวะ”
“ไม่มีอะไรเลยนาย”
สมุนโจรหันมาตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“งั้นรึ...เออ ข้านึกออกละ คงไม่มีหรอก เลิกค้นได้แล้ว”
คุณนายโอโคนั่งหันหลังให้อยู่ในห้องข้าง ๆ ด้วยท่าทางของคนปลงตก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด
“โอโค”
“อะไร”
“ไปเอาเหล้ามา”
“อยู่ตรงนั้นไม่ใช่รึ กินได้เท่าไรก็กินเข้าไป”
“พูดอะไรอย่างนั้นฮึโอโค นาน ๆ ข้าจะมาเยี่ยมสักที”
“อย่างนี้น่ะรึที่เรียกว่ามาเยี่ยมกัน”
“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธ เจ้าคงซ่อนของโจรไว้มากมายซีนะ ถ้าไม่มีไฟมันก็ไม่มีควันหรอกนะเอ็ง ข้าได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดว่า แม่ม่ายร้านโมงูซะใช้นางลูกสาวไปเก็บข้าวของจากศพในสนามรบ หาเงินมาเป็นค่าเหล้าสาเก”
“เจ้ามีหลักฐานอะไรถึงได้มากล่าวหาเราอย่างนี้”
“ถ้าข้าตั้งใจจะมาเอาของของหล่อนจริง ๆ ละก็ คงไม่เกริ่นให้นางหนูอาเกมิรู้ตัวหรอก แต่ด้วยศักดิ์ศรีของนักรบแห่งขุนเขาข้าก็ต้องขอค้นสักหน่อยพอเป็นพิธี คราวนี้ข้ายกให้เจ้าครั้งหนึ่ง คิดเสียว่าเป็นความปราณีที่ข้ามีต่อเจ้าก็แล้วกัน”
“ปราณีใคร...บ้าหรือเปล่า”
“จะร่ำไรอยู่ทำไมโอโค มารินเหล้าให้หน่อยซิ คนดีของข้า”
“... ... ...”
“หล่อนมันผู้หญิงช่างเลือก ถ้ามาอยู่กับข้าเสียก็ไม่ต้องลำบากอย่างนี้ คิดใหม่ได้นะ”
“ข้ากลัวความใจดีของเจ้าจนเข้ากระดูกดำ ไปข้างหน้าเถิด”
“เกลียดข้ารึ”
“ตอบข้ามาก่อน รู้ไหมว่าฆ่าผัวของข้าตายด้วยน้ำมือใคร”
“ถ้าจะให้ข้าช่วยล้างแค้นละก็บอกว่าเลยว่ามันคือใคร ข้าจะจัดการเก็บมันทันที แค่มือเดียวก็ไม่รอดแล้ว”
“อย่ามาแถหน้าด้าน ๆ“
“ว่าไงนะ”
“อย่ามาแถหน้าด้าน ๆ เจ้าได้ยินข่าวลือเรื่องอะไร ๆ มามาก ไม่เคยได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดหรอกรึว่า ฆาตกรตัวจริงคือไอ้โจรป่าห้าร้อยที่ชื่อสึจิคาเซะ เท็มมะ ถึงข้าจะเป็นแม่ม่ายซามูไรหนีทัพ แต่ก็ไม่คิดจะยืมมือใครมาล้างแค้นแทนผัว จิตใจข้าไม่ตกต่ำขนาดนั้นหรอก รู้ไว้ด้วย”
“ปากดีนักนะ โอโค” เท็มมะโจรป่าแค่นหัวเราะ แล้วกระดกจอกสาเกลงคอทีเดียวเกลี้ยง
“เรื่องนี้ ข้าว่าอย่าพูดออกมาดีกว่า ถ้ายังรักตัวกลัวตาย ทั้งหล่อนกับนางลูกสาวตัวดีนั่นด้วย”
“เจ้าเองก็จำใส่กะลาหัวเอาไว้ว่า อาเกมิโตเต็มที่เมื่อไรนางจะต้องล้างแค้นแทนพ่อแน่นอน”
เท็มมะโจรป่าหัวเราะตัวโยน มันดื่มเหล้าที่มีอยู่ตรงนั้นจนหมด แล้วแผดเสียงสั่งลูกสมุนคนที่ยืนถือหอกอยู่ที่มุมห้อง
“เฮ้ย...เอ็งที่ถือหอกอยู่น่ะ ลองเอาด้ามมันกระทุ้งแผ่นฝ้าเพดานดูสักห้าหกแผ่นซิ”
สมุนโจรเอาด้ามหอกเดินกระทุ้งเพดานไปรอบ ๆ ทำตามคำสั่งของหัวโจก เท่านั้นเองข้าวของสารพัดสิ่งรวมทั้งอาวุธต่าง ๆ ที่ซ่อนไว้บนนั้นก็ทะลักทะลาย หล่นโครมลงมาบนพื้นห้อง
“นึกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้”
เท็มมะโจรป่าลุกขึ้นยืนประกาศก้องราวกับจอมทัพ
“นางคนนี้ละเมิดกฎนักรบแห่งขุนเขา ลากตัวออกไปลงโทษเดี๋ยวนี้”
2
สมุนโจรกรูเข้าไปจับคุณนายโอโคด้วยความย่ามใจว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวไม่น่ามีพิษสงอะไร แต่ก็ต้องชะงักกึกยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ตรงหน้าช่องประตูห้องนั้นเอง ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปแตะตัวนาง
“มัวทำอะไรกันอยู่วะ ลากตัวนางออกมาเร็ว ๆ”
เท็มมะโจรป่ายืนรออยู่หน้าประตูขึ้นเรือนชักหงุดหงิดจึงร้องเร่งเข้ามา แต่สมุนโจรก็ยังยืนนิ่งเขม้นมองเข้าไปในห้องอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน
จอมโจรชักขัดใจจึงกรากเข้าไปกะจะลงมือลากตัวคุณนายโกโคออกมาเอง แต่ไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตูมันก็ต้องชะงักไปอีกคน
ตอนนั่งดื่มสาเกอยู่ที่เตาผิง เท็มมะโจรป่าเห็นแต่แม่ม่ายโอโคที่นั่งหันหลังต่อปากต่อคำ จึงไม่รู้ว่าในห้องนั้นยังมีชายหนุ่มสองคนยืนจังก้าเตรียมพร้อมอยู่
ทาเกโซถือดาบไม้สีดำกระชับแน่นจรดปลายดาบไว้ที่พื้นในท่าเตรียมฟัน หากใครก้าวล้ำเข้ามาก็จะต้องโดนฟาดเข้าที่หน้าแข้งถึงกับกระดูกหักได้ ส่วนมาตาฮาจิถือดาบเงื้อง่าเตรียมฟันลงมาทันทีหากใครขืนยื่นคอเข้ามาในช่องประตูสักสามองคุลี ก็ลองดูแล้วกัน
จอมโจรไม่เห็นนางหนูอาเกมิอยู่ในนั้นด้วย คงจะซ่อนตัวอยู่ในตู้เก็บที่นอนหรือที่ไหนสักแห่งจะได้พ้นอันตรายเวลาเกิดต่อสู้กันขึ้นมา ตอนนี้มันรู้แล้วว่าที่โอโคกล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่สะทกสะท้านก็เพราะมีเกราะกำบังอย่างนี้นี่เอง
“มิน่าล่ะ” โจรป่าคำราม
“ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนคนนี้ข้าเคยเห็นเดินอยู่กับนางหนูอาเกมิในป่า แต่อีกคนนั่นใครวะ”
“... ... ...”
ทาเกโซกับมาตาฮาจินิ่งเงียบ ส่งสายตาคมวาวท้าทายมาจากความมืดสลัวภายในห้องว่า...มาพูดกันด้วยฝีมือดีกว่า แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ปรปักษ์รู้สึกราวยืนอยู่ริมผาสูงแห่งความเป็นความตาย
“บ้านนี้ ข้ารู้ดีว่าไม่มีชาย แต่ดูสารรูปเอ็งสองคนแล้ว มันก็ไอ้พวกเดนตาย หนีหัวซุกหัวซุนมาจากเซกิงาฮาระ ถ้ายังรักชีวิตอยู่ ก็อย่าบังอาจมาทำกำแหงกับข้า”
“... ... ...”
“คนทั่วในแว่นแคว้นนี้รู้ดีกันทั้งนั้นว่าจะเป็นยังไง หากทำตัวขัดขืน...สึจิกาเซะ เท็มมะแห่งหมู่บ้านฟูวะ ถ้าเอ็งอยากลองดีก็คอยดู”
“... ... ...”
“ไปให้พ้น”
เท็มมะโจรป่าโบกมือใหญ่โตของมันไล่พวกลูกสมุนให้ถอยออกไป อารามละล่ำละลักสมุนโจรคนหนึ่งดันถลำลงไปในเตาผิง ไม้ฟืนยังคุอยู่ ลูกไฟจึงกระจายไปเต็มห้องและควันไฟพลุ่งขึ้นไปถึงเพดาน
โจรป่าเท็มมะคำรามลั่นราวสัตว์ป่าขณะโผนผ่าม่านควันเข้าไปในห้อง
มาตาฮาจิที่เงื้อดาบคุมเชิงอยู่แล้วก็ฟาดฟันลงไปสุดแรงทันควัน แต่ก็ยังไม่ทันกับความเร็วราวสายฟ้าของโจรป่า คมดาบของเจ้าหนุ่มจึงกระทบเข้าอย่างจังกับแป้นโลหะที่โคนดาบของศัตรู
แม่ม่ายโอโคลุกหนีไปยืนแอบอยู่มี่มุมห้อง ทาเกโซถือดาบไม้สีดำถลันเข้าไปยืนปักหลักตรงที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ก่อน เหวี่ยงดาบไม้ไปด้านข้าง เล็งไปที่ขาของโจรป่าแล้วทุ่มตัวหวดลงไปสุดหมายตัดกำลัง... เสียงดาบไม้แหวกอากาศดังเควี้ยว
ทาเกโซเสียหลัก และก่อนที่จะตั้งตัวทันจอมโจรก็กระโจนเข้าใส่ เอาแผงอกแข็งแกร่งราวหินผากระแทกร่างเจ้าหนุ่มจนซวนเซด้วยกำลังแรงอย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน ทาเกโซพันตูกับเท็มมะโจรป่าราวกับว่ามันเป็นหมีใหญ่ตัวหนึ่ง ช่วงหนึ่งเจ้าหนุ่มเสียท่าถูกโจรป่าบีบคอแล้วกระแทกหัวของเขากับพื้น รุนแรงจนคิดว่ากะโหลกจะแหลกคามือ แต่ทาเกโซสติมั่นคงนัก เจ้าหนุ่มสะกดลมหายใจรวบรวมกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดเหวี่ยงโจรป่าออกไปสุดแรง
เท็มมะโจรป่าถูกเหวี่ยงตัวลอยไปกระทบฝาห้องดังโครม บ้านทั้งบ้านสั่นสะเทือนราวเกิดแผ่นดินไหว
3
ทาเกโซนั้นเมื่อคิดจะสู้กับใครแล้วมันต้องแหลกกันไปข้างหนึ่ง ไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูผู้พลั้งพลาดหนีรอดหลุดมือไปได้เด็ดขาด เมื่อถึงคราวฆ่าก็ต้องฆ่าให้ตายไม่ปล่อยให้กลับมาแว้งกัดเอาอีกได้
เจ้าหนุ่มเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก มีเลือดนักรบของบรรพบุรุษสมัยดึกดำบรรพ์ของญี่ปุ่นติดตัวมาอย่างเข้มข้น เลือดที่บริสุทธิ์แต่ป่าเถื่อน เลือดที่ไม่ได้รับการขัดเกลาด้วยลำแสงแห่งอารยธรรม ทาเกโซในวัยนี้ยังมีแต่สันดานดิบที่ติดตัวมาจากแต่กำเนิด ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนตามควรและไม่มีวิชาความรู้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทาเกโซเป็นเช่นนี้ก็คือการที่มูนิไซผู้บิดาไม่ได้รักใคร่ใยดีบุตรชายคนนี้ของเขา
มูนิไซอบรมบ่มนิสัยลูกชายด้วยการใช้ความรุนแรงแบบนักรบ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้แก่ลูกเสือดาว เด็กชายที่ถูกปล่อยให้เป็นคนเถื่อนอยู่กับสันดานดิบราวสัตว์ป่านั้น ยิ่งเจริญวัยก็ยิ่งดุร้ายกระหายเลือด ยิ่งถูกผู้คนในหมู่บ้านเกลียดชังก็ยิ่งทำตัวร้ายกาจขึ้นไปอีก เมื่อสำแดงเดชในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงจนหาคนมาประลองกำลังอีกไม่ได้แล้ว ทาเกโซจึงตัดสินใจเดินทางสู่สนามรบที่เซกิงาฮาระ
เซกิงาฮาระเป็นก้าวแรกที่ทาเกโซก้าวเข้าสู่ความเป็นจริงในโลกกว้าง ทว่าก้าวไปได้ไม่ทันเท่าไรความพ่ายแพ้ของกองทัพฝ่ายตนก็ได้ดับฝันอันยิ่งใหญ่ในวัยหนุ่มของเขาจนสิ้นซาก---ทาเกโซไม่ได้ตกจมอยู่กับความสิ้นหวังนานนัก เพราะมาคิดได้ว่าตนเองเดิมทีก็เปล่าเปลือยไม่มีอะไรติดตัวอยู่แล้ว แค่พ่ายแพ้ในการสู้รบไม่ได้ทำให้หนทางในชีวิตในภายภาคหน้ามืดมน ไม่ได้สร้างบาดแผลให้ต้องเจ็บปวดอยู่ในใจแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งกว่านั้นคืนนี้มีเหยื่อเข้ามาติดกับอย่างไม่คาดฝัน นั่นก็คือเท็มมะหัวหน้าโจรป่า ศัตรูทรงพลังเช่นนี้แหละที่เขามุ่งมาหาถึง เซกิงาฮาระ
“หยุดนะไอ้ขี้ขลาด หยุดเดี๋ยวนี้”
ทาเกโซตะโกนด่าโจรป่าไม่หยุดปากขณะวิ่งฝ่าความมืด ไล่ตามเท็มมะโจรป่าที่วิ่งหนีสุดฝีเท้าห่างออกไปข้างหน้าราวสิบก้าว
ผมของเจ้าหนุ่มลู่ลมไปข้างหลัง เสียงลมหวีดหวิวผ่านหู...ไม่มีอะไรจะตื่นระทึกไปกว่านี้อีกแล้ว เลือดร้อนระอุของคนเถื่อนราวสัตว์ป่าวิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว
พอได้จังหวะทาเกโซก็กระโจนเข้าใส่ เลือดแดงฉานกระฉูดขึ้นจากดาบไม้สีดำ พร้อมกับเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปในความเงียบและมืดมิด
ร่างใหญ่โตราวยักษ์ปักหลั่นของเท็มมะโจรป่าล้มครืนลงจนพื้นดินสะเทือน กะโหลกยุบยวบราวกับก้อนบุก ลูกตาทั้งสองถลนออกมานอกเบ้า
ทาเกโซฟันดาบไม้ซ้ำลงไปอีกสองและสามดาบ จนซี่โครงทะลุโจรป่าออกมาขาวโพลนอยู่นอกเนื้อ
ผู้พิฆาตโจรป่ายกท่อนแขนขึ้นถูหน้าผาก
“เป็นยังไง แม่ทัพใหญ่ เห็นฤทธิ์ข้ารึยัง”
ทาเกโซยืดอกอย่างภาคภูมิในชัยชนะ แล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าอีกฝ่ายแข็งแรงกว่าและเป็นผู้ชนะ คนที่ถูกทิ้งให้นอนตายอยู่อย่างโดดเดียวก็ต้องเป็นเขา...ก็เท่านั้นเอง
“ทาเกโซรึ”
เสียงมาตาฮาจิเรียกมาแต่ไกล
“เออ” ทาเกโซตอบเอื่อย ๆ พลางมองหาเจ้าของเสียงไปรอบ ๆ
“---เป็นไงมั่ง”
มาตาฮาจิวิ่งเข้ามาหา
“ฆ่ามันตายไปแล้ว เอ็งล่ะ”
“ข้าก็เหมือนกัน---“
มาตาฮาจิยกดาบโชกเลือดเปื้อนไปถึงเชือกที่พันด้ามให้ดู
“คนอื่นมันหนีเตลิดไป ไอ้พวกโจรป่าพวกนี้ขี้ขลาดเต็มที”
มาตาฮาจิยืดอกอวดตัวอย่างผึ่งผาย
สองสหายที่ได้เลือดโจรมาสังเวยดาบกอดคอกันหัวเราะด้วยความอิ่มเอิบใจ คนหนึ่งถือดาบไม่สีดำโชกเลือดและอีกคนถือดาบอาบเลือดเดินคุยกันอย่างคึกคะนอง ไปทางเรือนใหญ่ที่มีแสงไฟวิบวับอยู่ทางโน้น
1
เท็มมะโจรป่ากักขฬะร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่น ฉวยโอกาสยามดึกคุมสมุนบุกเข้ามาในเรือนเสียงตึงตังโครมคราม ไม่ใส่ใจว่าใครจะตื่น แล้วชี้นิ้วกราดไปรอบด้านบัญชาให้สมุนร่างยักษ์พอกัน แยกย้ายกันรื้อค้นให้ทั่วบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บของ ตู้เก็บที่นอน ไม่เว้นแม้แต่ใต้พื้นเรือน
ส่วนจอมโจรจ่าฝูงทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิวางท่าอยู่ที่เตาผิง ตาแข็งกร้าวของมันสอดสายตามสมุนที่กำลังค้นเรือนด้วยความมาดหมาย
“ชักช้ากันอยู่นั่นและพวกมึง มันต้องเจออะไรมั่งละวะ”
“ไม่มีอะไรเลยนาย”
สมุนโจรหันมาตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“งั้นรึ...เออ ข้านึกออกละ คงไม่มีหรอก เลิกค้นได้แล้ว”
คุณนายโอโคนั่งหันหลังให้อยู่ในห้องข้าง ๆ ด้วยท่าทางของคนปลงตก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด
“โอโค”
“อะไร”
“ไปเอาเหล้ามา”
“อยู่ตรงนั้นไม่ใช่รึ กินได้เท่าไรก็กินเข้าไป”
“พูดอะไรอย่างนั้นฮึโอโค นาน ๆ ข้าจะมาเยี่ยมสักที”
“อย่างนี้น่ะรึที่เรียกว่ามาเยี่ยมกัน”
“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธ เจ้าคงซ่อนของโจรไว้มากมายซีนะ ถ้าไม่มีไฟมันก็ไม่มีควันหรอกนะเอ็ง ข้าได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดว่า แม่ม่ายร้านโมงูซะใช้นางลูกสาวไปเก็บข้าวของจากศพในสนามรบ หาเงินมาเป็นค่าเหล้าสาเก”
“เจ้ามีหลักฐานอะไรถึงได้มากล่าวหาเราอย่างนี้”
“ถ้าข้าตั้งใจจะมาเอาของของหล่อนจริง ๆ ละก็ คงไม่เกริ่นให้นางหนูอาเกมิรู้ตัวหรอก แต่ด้วยศักดิ์ศรีของนักรบแห่งขุนเขาข้าก็ต้องขอค้นสักหน่อยพอเป็นพิธี คราวนี้ข้ายกให้เจ้าครั้งหนึ่ง คิดเสียว่าเป็นความปราณีที่ข้ามีต่อเจ้าก็แล้วกัน”
“ปราณีใคร...บ้าหรือเปล่า”
“จะร่ำไรอยู่ทำไมโอโค มารินเหล้าให้หน่อยซิ คนดีของข้า”
“... ... ...”
“หล่อนมันผู้หญิงช่างเลือก ถ้ามาอยู่กับข้าเสียก็ไม่ต้องลำบากอย่างนี้ คิดใหม่ได้นะ”
“ข้ากลัวความใจดีของเจ้าจนเข้ากระดูกดำ ไปข้างหน้าเถิด”
“เกลียดข้ารึ”
“ตอบข้ามาก่อน รู้ไหมว่าฆ่าผัวของข้าตายด้วยน้ำมือใคร”
“ถ้าจะให้ข้าช่วยล้างแค้นละก็บอกว่าเลยว่ามันคือใคร ข้าจะจัดการเก็บมันทันที แค่มือเดียวก็ไม่รอดแล้ว”
“อย่ามาแถหน้าด้าน ๆ“
“ว่าไงนะ”
“อย่ามาแถหน้าด้าน ๆ เจ้าได้ยินข่าวลือเรื่องอะไร ๆ มามาก ไม่เคยได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดหรอกรึว่า ฆาตกรตัวจริงคือไอ้โจรป่าห้าร้อยที่ชื่อสึจิคาเซะ เท็มมะ ถึงข้าจะเป็นแม่ม่ายซามูไรหนีทัพ แต่ก็ไม่คิดจะยืมมือใครมาล้างแค้นแทนผัว จิตใจข้าไม่ตกต่ำขนาดนั้นหรอก รู้ไว้ด้วย”
“ปากดีนักนะ โอโค” เท็มมะโจรป่าแค่นหัวเราะ แล้วกระดกจอกสาเกลงคอทีเดียวเกลี้ยง
“เรื่องนี้ ข้าว่าอย่าพูดออกมาดีกว่า ถ้ายังรักตัวกลัวตาย ทั้งหล่อนกับนางลูกสาวตัวดีนั่นด้วย”
“เจ้าเองก็จำใส่กะลาหัวเอาไว้ว่า อาเกมิโตเต็มที่เมื่อไรนางจะต้องล้างแค้นแทนพ่อแน่นอน”
เท็มมะโจรป่าหัวเราะตัวโยน มันดื่มเหล้าที่มีอยู่ตรงนั้นจนหมด แล้วแผดเสียงสั่งลูกสมุนคนที่ยืนถือหอกอยู่ที่มุมห้อง
“เฮ้ย...เอ็งที่ถือหอกอยู่น่ะ ลองเอาด้ามมันกระทุ้งแผ่นฝ้าเพดานดูสักห้าหกแผ่นซิ”
สมุนโจรเอาด้ามหอกเดินกระทุ้งเพดานไปรอบ ๆ ทำตามคำสั่งของหัวโจก เท่านั้นเองข้าวของสารพัดสิ่งรวมทั้งอาวุธต่าง ๆ ที่ซ่อนไว้บนนั้นก็ทะลักทะลาย หล่นโครมลงมาบนพื้นห้อง
“นึกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้”
เท็มมะโจรป่าลุกขึ้นยืนประกาศก้องราวกับจอมทัพ
“นางคนนี้ละเมิดกฎนักรบแห่งขุนเขา ลากตัวออกไปลงโทษเดี๋ยวนี้”
2
สมุนโจรกรูเข้าไปจับคุณนายโอโคด้วยความย่ามใจว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวไม่น่ามีพิษสงอะไร แต่ก็ต้องชะงักกึกยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ตรงหน้าช่องประตูห้องนั้นเอง ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปแตะตัวนาง
“มัวทำอะไรกันอยู่วะ ลากตัวนางออกมาเร็ว ๆ”
เท็มมะโจรป่ายืนรออยู่หน้าประตูขึ้นเรือนชักหงุดหงิดจึงร้องเร่งเข้ามา แต่สมุนโจรก็ยังยืนนิ่งเขม้นมองเข้าไปในห้องอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน
จอมโจรชักขัดใจจึงกรากเข้าไปกะจะลงมือลากตัวคุณนายโกโคออกมาเอง แต่ไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตูมันก็ต้องชะงักไปอีกคน
ตอนนั่งดื่มสาเกอยู่ที่เตาผิง เท็มมะโจรป่าเห็นแต่แม่ม่ายโอโคที่นั่งหันหลังต่อปากต่อคำ จึงไม่รู้ว่าในห้องนั้นยังมีชายหนุ่มสองคนยืนจังก้าเตรียมพร้อมอยู่
ทาเกโซถือดาบไม้สีดำกระชับแน่นจรดปลายดาบไว้ที่พื้นในท่าเตรียมฟัน หากใครก้าวล้ำเข้ามาก็จะต้องโดนฟาดเข้าที่หน้าแข้งถึงกับกระดูกหักได้ ส่วนมาตาฮาจิถือดาบเงื้อง่าเตรียมฟันลงมาทันทีหากใครขืนยื่นคอเข้ามาในช่องประตูสักสามองคุลี ก็ลองดูแล้วกัน
จอมโจรไม่เห็นนางหนูอาเกมิอยู่ในนั้นด้วย คงจะซ่อนตัวอยู่ในตู้เก็บที่นอนหรือที่ไหนสักแห่งจะได้พ้นอันตรายเวลาเกิดต่อสู้กันขึ้นมา ตอนนี้มันรู้แล้วว่าที่โอโคกล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่สะทกสะท้านก็เพราะมีเกราะกำบังอย่างนี้นี่เอง
“มิน่าล่ะ” โจรป่าคำราม
“ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนคนนี้ข้าเคยเห็นเดินอยู่กับนางหนูอาเกมิในป่า แต่อีกคนนั่นใครวะ”
“... ... ...”
ทาเกโซกับมาตาฮาจินิ่งเงียบ ส่งสายตาคมวาวท้าทายมาจากความมืดสลัวภายในห้องว่า...มาพูดกันด้วยฝีมือดีกว่า แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ปรปักษ์รู้สึกราวยืนอยู่ริมผาสูงแห่งความเป็นความตาย
“บ้านนี้ ข้ารู้ดีว่าไม่มีชาย แต่ดูสารรูปเอ็งสองคนแล้ว มันก็ไอ้พวกเดนตาย หนีหัวซุกหัวซุนมาจากเซกิงาฮาระ ถ้ายังรักชีวิตอยู่ ก็อย่าบังอาจมาทำกำแหงกับข้า”
“... ... ...”
“คนทั่วในแว่นแคว้นนี้รู้ดีกันทั้งนั้นว่าจะเป็นยังไง หากทำตัวขัดขืน...สึจิกาเซะ เท็มมะแห่งหมู่บ้านฟูวะ ถ้าเอ็งอยากลองดีก็คอยดู”
“... ... ...”
“ไปให้พ้น”
เท็มมะโจรป่าโบกมือใหญ่โตของมันไล่พวกลูกสมุนให้ถอยออกไป อารามละล่ำละลักสมุนโจรคนหนึ่งดันถลำลงไปในเตาผิง ไม้ฟืนยังคุอยู่ ลูกไฟจึงกระจายไปเต็มห้องและควันไฟพลุ่งขึ้นไปถึงเพดาน
โจรป่าเท็มมะคำรามลั่นราวสัตว์ป่าขณะโผนผ่าม่านควันเข้าไปในห้อง
มาตาฮาจิที่เงื้อดาบคุมเชิงอยู่แล้วก็ฟาดฟันลงไปสุดแรงทันควัน แต่ก็ยังไม่ทันกับความเร็วราวสายฟ้าของโจรป่า คมดาบของเจ้าหนุ่มจึงกระทบเข้าอย่างจังกับแป้นโลหะที่โคนดาบของศัตรู
แม่ม่ายโอโคลุกหนีไปยืนแอบอยู่มี่มุมห้อง ทาเกโซถือดาบไม้สีดำถลันเข้าไปยืนปักหลักตรงที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ก่อน เหวี่ยงดาบไม้ไปด้านข้าง เล็งไปที่ขาของโจรป่าแล้วทุ่มตัวหวดลงไปสุดหมายตัดกำลัง... เสียงดาบไม้แหวกอากาศดังเควี้ยว
ทาเกโซเสียหลัก และก่อนที่จะตั้งตัวทันจอมโจรก็กระโจนเข้าใส่ เอาแผงอกแข็งแกร่งราวหินผากระแทกร่างเจ้าหนุ่มจนซวนเซด้วยกำลังแรงอย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน ทาเกโซพันตูกับเท็มมะโจรป่าราวกับว่ามันเป็นหมีใหญ่ตัวหนึ่ง ช่วงหนึ่งเจ้าหนุ่มเสียท่าถูกโจรป่าบีบคอแล้วกระแทกหัวของเขากับพื้น รุนแรงจนคิดว่ากะโหลกจะแหลกคามือ แต่ทาเกโซสติมั่นคงนัก เจ้าหนุ่มสะกดลมหายใจรวบรวมกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดเหวี่ยงโจรป่าออกไปสุดแรง
เท็มมะโจรป่าถูกเหวี่ยงตัวลอยไปกระทบฝาห้องดังโครม บ้านทั้งบ้านสั่นสะเทือนราวเกิดแผ่นดินไหว
3
ทาเกโซนั้นเมื่อคิดจะสู้กับใครแล้วมันต้องแหลกกันไปข้างหนึ่ง ไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูผู้พลั้งพลาดหนีรอดหลุดมือไปได้เด็ดขาด เมื่อถึงคราวฆ่าก็ต้องฆ่าให้ตายไม่ปล่อยให้กลับมาแว้งกัดเอาอีกได้
เจ้าหนุ่มเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก มีเลือดนักรบของบรรพบุรุษสมัยดึกดำบรรพ์ของญี่ปุ่นติดตัวมาอย่างเข้มข้น เลือดที่บริสุทธิ์แต่ป่าเถื่อน เลือดที่ไม่ได้รับการขัดเกลาด้วยลำแสงแห่งอารยธรรม ทาเกโซในวัยนี้ยังมีแต่สันดานดิบที่ติดตัวมาจากแต่กำเนิด ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนตามควรและไม่มีวิชาความรู้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทาเกโซเป็นเช่นนี้ก็คือการที่มูนิไซผู้บิดาไม่ได้รักใคร่ใยดีบุตรชายคนนี้ของเขา
มูนิไซอบรมบ่มนิสัยลูกชายด้วยการใช้ความรุนแรงแบบนักรบ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้แก่ลูกเสือดาว เด็กชายที่ถูกปล่อยให้เป็นคนเถื่อนอยู่กับสันดานดิบราวสัตว์ป่านั้น ยิ่งเจริญวัยก็ยิ่งดุร้ายกระหายเลือด ยิ่งถูกผู้คนในหมู่บ้านเกลียดชังก็ยิ่งทำตัวร้ายกาจขึ้นไปอีก เมื่อสำแดงเดชในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงจนหาคนมาประลองกำลังอีกไม่ได้แล้ว ทาเกโซจึงตัดสินใจเดินทางสู่สนามรบที่เซกิงาฮาระ
เซกิงาฮาระเป็นก้าวแรกที่ทาเกโซก้าวเข้าสู่ความเป็นจริงในโลกกว้าง ทว่าก้าวไปได้ไม่ทันเท่าไรความพ่ายแพ้ของกองทัพฝ่ายตนก็ได้ดับฝันอันยิ่งใหญ่ในวัยหนุ่มของเขาจนสิ้นซาก---ทาเกโซไม่ได้ตกจมอยู่กับความสิ้นหวังนานนัก เพราะมาคิดได้ว่าตนเองเดิมทีก็เปล่าเปลือยไม่มีอะไรติดตัวอยู่แล้ว แค่พ่ายแพ้ในการสู้รบไม่ได้ทำให้หนทางในชีวิตในภายภาคหน้ามืดมน ไม่ได้สร้างบาดแผลให้ต้องเจ็บปวดอยู่ในใจแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งกว่านั้นคืนนี้มีเหยื่อเข้ามาติดกับอย่างไม่คาดฝัน นั่นก็คือเท็มมะหัวหน้าโจรป่า ศัตรูทรงพลังเช่นนี้แหละที่เขามุ่งมาหาถึง เซกิงาฮาระ
“หยุดนะไอ้ขี้ขลาด หยุดเดี๋ยวนี้”
ทาเกโซตะโกนด่าโจรป่าไม่หยุดปากขณะวิ่งฝ่าความมืด ไล่ตามเท็มมะโจรป่าที่วิ่งหนีสุดฝีเท้าห่างออกไปข้างหน้าราวสิบก้าว
ผมของเจ้าหนุ่มลู่ลมไปข้างหลัง เสียงลมหวีดหวิวผ่านหู...ไม่มีอะไรจะตื่นระทึกไปกว่านี้อีกแล้ว เลือดร้อนระอุของคนเถื่อนราวสัตว์ป่าวิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว
พอได้จังหวะทาเกโซก็กระโจนเข้าใส่ เลือดแดงฉานกระฉูดขึ้นจากดาบไม้สีดำ พร้อมกับเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปในความเงียบและมืดมิด
ร่างใหญ่โตราวยักษ์ปักหลั่นของเท็มมะโจรป่าล้มครืนลงจนพื้นดินสะเทือน กะโหลกยุบยวบราวกับก้อนบุก ลูกตาทั้งสองถลนออกมานอกเบ้า
ทาเกโซฟันดาบไม้ซ้ำลงไปอีกสองและสามดาบ จนซี่โครงทะลุโจรป่าออกมาขาวโพลนอยู่นอกเนื้อ
ผู้พิฆาตโจรป่ายกท่อนแขนขึ้นถูหน้าผาก
“เป็นยังไง แม่ทัพใหญ่ เห็นฤทธิ์ข้ารึยัง”
ทาเกโซยืดอกอย่างภาคภูมิในชัยชนะ แล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าอีกฝ่ายแข็งแรงกว่าและเป็นผู้ชนะ คนที่ถูกทิ้งให้นอนตายอยู่อย่างโดดเดียวก็ต้องเป็นเขา...ก็เท่านั้นเอง
“ทาเกโซรึ”
เสียงมาตาฮาจิเรียกมาแต่ไกล
“เออ” ทาเกโซตอบเอื่อย ๆ พลางมองหาเจ้าของเสียงไปรอบ ๆ
“---เป็นไงมั่ง”
มาตาฮาจิวิ่งเข้ามาหา
“ฆ่ามันตายไปแล้ว เอ็งล่ะ”
“ข้าก็เหมือนกัน---“
มาตาฮาจิยกดาบโชกเลือดเปื้อนไปถึงเชือกที่พันด้ามให้ดู
“คนอื่นมันหนีเตลิดไป ไอ้พวกโจรป่าพวกนี้ขี้ขลาดเต็มที”
มาตาฮาจิยืดอกอวดตัวอย่างผึ่งผาย
สองสหายที่ได้เลือดโจรมาสังเวยดาบกอดคอกันหัวเราะด้วยความอิ่มเอิบใจ คนหนึ่งถือดาบไม่สีดำโชกเลือดและอีกคนถือดาบอาบเลือดเดินคุยกันอย่างคึกคะนอง ไปทางเรือนใหญ่ที่มีแสงไฟวิบวับอยู่ทางโน้น